หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 166 ชาติที่แล้วติดหนี้ยังไม่คืน (3)

ตอนที่ 166 ชาติที่แล้วติดหนี้ยังไม่คืน (3)

ลูกศิษย์สำนักกลเจ็ดดาวคนอื่นๆ จึงพุ่งเข้ามาหา มีคนเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ “แม่นาง ศิษย์พี่หวังของเราเป็นถึงน้องชายของรองเจ้าสำนักของเรา แน่นอนว่าไม่เป็นสองรองใคร” คนอื่นๆ ก็ส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมาบ้าง

หนานกงมั่วคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “รองเจ้าสำนัก…”

“เจ้าอย่าดูถูกพี่ชายข้าเชียว พี่ชายของข้าเป็นคนที่เจ้าสำนักไว้ใจที่สุดเชียวนะ” ชายคนนั้นโอ้อวดขึ้นทันใด หนานกงมั่วนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ “ข้าทราบแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรามาคุยกันหน่อยดีหรือไม่” เอ่ยจบ ฝังจึงก้าวเข้ามาจับไหล่ของคนผู้นั้นเอาไว้ คนผู้นั้นรับรู้ได้ถึงความไม่ปกติ ทว่าได้ยินเสียงของแหลมคมทิ่งแทงอยู่ที่แผ่นหลัง มองเห็นดวงตาเย็นเยียบของสตรีตรงหน้ากำลังมองมาที่เขา เอ่ยเสียงเบา “เราไปคุยกันส่วนตัวดีหรือไม่ เจ้าว่าเช่นไร”

“ได้ แน่นอนว่าดี” ชายคนนั้นยิ้มแข็งขืน หันไปบอกกับคนด้านหลัง “พวกเจ้ากลับไปก่อน เดี๋ยวข้าตามไป” สัมผัสได้ว่าความเจ็บปวดด้านหลังนั้นมีมากขึ้น จึงรีบเอ่ยเสริม “อย่าบอกพี่ข้าเล่า”

ทุกคนเห็นว่าเขามีสาวงามแล้ว ทั้งอิจฉาและริษยา เอ่ยหยอกล้อและรับรองว่าจะไม่บอกพี่ชายของเขา จากนั้นจึงทยอยจากไป

ฝังพาคนผู้นั้นเดินตามหนานกงมั่วเข้าไปในห้องด้านข้างห้องโถงใหญ่ ผลักชายคนนั้นนั่งลงไปบนเก้าอี้ ยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา “หากคุณหนูต้องการไต่ถามใครให้คนจับมาก็ได้แล้ว ไยต้องไปด้วยตนเองเล่า”

หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ยตอบ “ไปจับคนออกมาเสี่ยงถูกจับได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไหนเลยจะมีโอกาสดีๆ จับคนออกมาได้เงียบเชียบเช่นนี้กันเล่า” แม้คนของสำนักกลเจ็ดดาวจะอวดเก่ง ทว่าจินผิงอี้มิใช่คนโง่ สั่งให้คนเหล่านี้อย่าทำอันใดโดยไม่ได้รับอนุญาต หากอยากจับพวกเขามาย่อมมิใช่เรื่องง่าย

หนานกงมั่วมองเห็นสายตาหวาดกลัวของชายคนนั้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นไปบีบปากเขา ยัดยาหนึ่งเม็ดลงไป จากนั้นจึงคลายสะกดจุดให้เขา ชายคนนั้นต่อสู้ดิ้นรน เอ่ยด้วยความหวาดกลัว “เจ้าเป็นใครกันแน่ ให้ข้ากินอะไร” เขามิได้โง่ ไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะเอาขนมหวานให้เขากิน หนานกงมั่วเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้ม “พวกข้าเป็นใครเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เจ้าต้องคิดให้ดีจะดีกว่าว่าจะเอาสิ่งใดมาแลกกับชีวิตของเจ้า”

“พวกเจ้า…พวกเจ้าอยากรู้สิ่งใด ข้าไม่รู้สิ่งใดทั้งนั้น” ชายคนนั้นเอ่ย

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “อ้อ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ฝัง กำจัดทิ้งเสีย”

“ไม่ ไม่นะ” ชายคนนั้นลุกขึ้น คิดพุ่งตัวไปหาหนานกงมั่ว หนานกงมั่วเบี่ยงตัวหลบ ยกเท้าขึ้นถีบเข้าไปจนเขาล้มทับเก้าอี้ล้มระเนระนาด ชายคนนั้นรู้สึกว่ากระดูกของเขาแตกหักไปหมดแล้ว ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ทว่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้น ดาบในมือของฝังก็จ่อเข้าที่ลำคอของเขา

“อย่า…ข้าพูด ข้าพูดแล้ว” ชายคนนั้นรีบเอ่ยบอก

หนานกงมั่วนั่งพิงพนักเก้าอี้ มองเขาด้วยท่าทางเกียจคร้าน ชายคนนั้นร้องขมขื่นอยู่ในใจ ใครจะรู้ว่าความลุ่มหลงชั่วครู่ทำให้เขาต้องมาเจอกับสตรีร้ายกาจเช่นนี้ หนานกงมั่วเอ่ย “บอกมา เจ้ารู้อะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง ข้าชี้ทางให้ เกี่ยวกับสมบัติของจังติ้งฟัง”

ใบหน้าของชายคนนั้นแสดงออกว่าเข้าใจขึ้นมาทันใด เขาคิดว่าหนานกงมั่วเป็นจอมยุทธ์ที่มาจิ่นโจวเพื่อสมบัติล้ำค่า ใบหน้าขมขื่นกล่าวว่า “ตอบแม่นาง เรื่องสมบัตินั่น…ข้าไม่รู้จริงๆ คือว่า…ขนาดเจ้าสำนักของเรา ยังไม่รู้เลยว่าสมบัติอยู่ที่ใด สองวันก่อนข้ายังได้ยินเจ้าสำนักด่าจังติ้งฟังเจ้าเล่ห์อยู่เลย”

หนานกงมั่วพยักหน้า “เรื่องนี้ข้าเชื่อ เพียงแต่…เจ้าสำนักจินคงมิได้อยู่มาตั้งหลายวันแล้วยังไม่มีข่าวอันใดหรอกใช่ไหม”

ชายคนนั้นลังเล หนานกงมั่วเอ่ยขึ้น “เจ้าอย่าคิดถ่วงเวลาข้า หากจินผิงอี้หาสมบัติเจอก่อนข้า…เจ้าลองคิดดูว่าจะเป็นเช่นไร”

เหลือบมองดาบวาววับในมือของฝัง ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย สุดท้ายจึงเอ่ยบอก “ข้าเคยได้ยินพี่ชายพูดถึง…สองวันมานี้เจ้าสำนักส่งคนจำนวนมากไปยังชานเมืองทางฝั่งตะวันตก”

“ชานเมืองฝั่งตะวันตกงั้นหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

ฝังเอ่ยตอบ “ชานเมืองฝั่งตะวันตกมีวัดอยู่แห่งหนึ่ง และยังมีค่ายทหารอยู่อีกด้วยขอรับ ทหารราวๆ สองสามหมื่นได้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วครุ่นคิด เอ่ยถาม “ไยจินผิงอี้ถึงได้ส่งคนไปยังชานเมืองฝั่งตะวันตกเล่า”

“เรื่องนี้…ข้าจะรู้ได้เช่นไร อย่า อย่า…” ชายคนนั้นเอ่ยติดขัด “หลายวันก่อนล้วนค้นหาไปทั่ว สองวันนี้เหมือนเจ้าสำนักจะได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง จากนั้นจึงมีคำสั่ง แต่ว่า…ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านั่นเป็นจดหมายของใคร ต่อให้แม่นางฆ่าข้า ข้าก็ไม่รู้” ชายคนนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าเหยเก “คนที่เจ้าสำนักเชื่อใจคือพี่ใหญ่ของข้า มิใช่ข้าเสียหน่อย พี่ใหญ่เองก็มิได้คุยกับข้าทุกเรื่อง”

หนานกงมั่วพยักหน้า “ข้าเชื่อเจ้า”

ชายคนนั้นลอบถอนหายใจเบาๆ ได้ยินหนานกงมั่วเอ่ย “เจ้าไปได้แล้ว เพียงแต่…หากจินผิงอี้มีข่าวอันใดให้รีบบอกข้า ยังเป็นคำเดิม หากจินผิงอี้หาสมบัติเจอก่อนข้า ข้ารับรองได้ เจ้าจะตายอย่างงดงามไม่มีใครเทียบได้” ชายคนนั้นนึกถึงยาที่เขากินเข้าไปหนึ่งเม็ดพลันตัวสั่นระริก หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา เล่นยาหนึ่งเม็ดในมือ เห็นนางทิ้งยาลงในถ้วยชา ไม่นานถ้วยชาพลันมีกลิ่นเข้มข้น จากนั้นถ้วยกระเบื้องจึงละลายไปพร้อมกับน้ำชาในถ้วยกลายเป็นน้ำสีเขียว แม้แต่โต๊ะที่วางถ้วยชาก็ยังถูกกัดเซาะจนเป็นแอ่ง

หนานกงมั่วยิ้ม “เจ้าว่า หากเอายานี้ยัดเข้าไปในปากของเจ้ามันจะเป็นอย่างไร ยาเม็ดที่เจ้ากินไปก่อนยังไม่รุนแรงเท่าเม็ดนี้ เพียงแต่…หากมิได้รับยาถอนพิษล่ะก็ ข้าคิดว่าจุดจบของเจ้าจะแย่กว่าถ้วยชาใบนี้เสียอีก”

ชายคนนั้นใบหน้าซีดขาว รู้สึกเจ็บปวดอยู่ในท้อง

“แม่นาง สิ่งที่ท่านอยากรู้ข้าบอกไปหมดแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปเถิด…” ชายคนนั้นอ้อนวอนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น

หนานกงมั่วยิ้มเย็น “ในเมื่อไม่อยากทำงานให้ข้า เช่นนั้นเมื่อครู่ที่เจ้าเสียมารยาทกับข้า ฝัง เจ้าว่าควรจัดการเขาเช่นไรดี”

ฝังมองชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มร้าย “ข้าคิดว่า…รอดูร่างกายของเขาหลอมละลายจะดีกว่าขอรับ เอามาทำน้ำมันตะเกียงคงจะไม่เลว” มุมปากหนานกงมั่วพลันยกขึ้น พยักหน้ารับ “เป็นความคิดที่ดี”

“ไม่…ไม่นะ…ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้วว่าควรทำเช่นไร” ชายคนนั้นร้องออกมาเสียงดัง เดิมเขาก็ทำสิ่งใดไม่เป็น แต่เพราะเขามีพี่ชายที่เก่งกาจเขาจึงเข้ามาอยู่ในสำนักกลเจ็ดดาวได้ แน่นอนว่าไม่มีความจงรักภักดีให้กล่าวถึง ขอเพียงเอาตัวรอดมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อให้ต้องหักหลังสำนักกลเจ็ดดาวเขาย่อมไม่สนอยู่แล้ว

หนานกงมั่วโยนยาขวดหนึ่งไป เอ่ยว่า “ยาในขวดนี้ช่วยห้ามยาออกฤทธิ์ได้สามวัน ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ลองกินยาช้าสักหน่อย อย่างมากคืนนี้เจ้าก็จะรู้แล้วว่าพิษนี้มันมีผลอย่างไร แน่นอน…เพียงพิษออกฤทธิ์ไม่ถึงครึ่งเค่อแล้วไม่กินยา มันจะทำลายอวัยวะของเจ้า หนึ่งชั่วยามไม่กินยา อวัยวะของเจ้าจะถูกทำลายจนสิ้น ไม่มียาไหนช่วยได้”

ชายคนนั้นกอดขวดยาเอาไว้อย่างระมัดระวัง “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะทำงานเพื่อท่านให้ดีที่สุด”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท