“เปิดผนึกพลังกระบี่หรือ เป็นไปได้อย่างไร” จินผิงอี้ร้องตะโกนเสียงดัง เว่ยจวินมั่วอายุเท่าใดกันเชียว ต่อให้เป็นจอมยุทธ์เหล่านั้นที่ถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือ ยังไม่เคยเห็นถึงสองคนด้วยซ้ำที่ทำได้ถึงขั้นนี้ และคนที่ทำได้ถึงขั้นนี้ ไหนเลยจะมิใช่คนแก่เตรียมกลับคืนสู่ผืนดินเหล่านั้น ดวงตาเย็นชาของเว่ยจวินมั่วพร่างพราวท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด “เป็นไปได้หรือไม่ เจ้าลองดูเดี๋ยวก็รู้มิใช่หรือ”
สิ้นวาจานั้น จินพิงอี้มองเห็นเพียงเงาที่พุ่งเข้าหาตน ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็สัมผัสได้ถึงกระบี่แหลมคม รีบตะโกนเสียงดัง “ขวางเขาไว้” ทันใดนั้นคนของสำนักกลเจ็ดดาวก็รุมล้อมเข้าไป คิดขัดขวางเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วเองไม่ได้ผิดหวังอันใดหากเขาจะสังหารจินผิงอี้ไม่ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ทำเพียงตวัดกระบี่ในมืออย่างไร้ความปรานี กระบี่ตวัดไปทางใดมีหรือจะไม่ขาดเป็นท่อนอย่างน่าอนาจ เลือดสาดกระจายไปทั่วทุกทิศ ทว่าผู้ที่ลงมือนั้นดูคล้ายเครื่องกลสังหารเสียมากกว่า ใบหน้าหล่อเหลางดงามไม่เผยความรู้สึกใดออกมาให้เห็น ดวงตาสีม่วงที่จ้องมองทุกคนเย็นชาดั่งน้ำแข็งที่ถูกแช่แข็งมานับหลายพันปี กระทั่งการลงมือ ทุกครั้งที่ตวัดวาดลงไปราวกับมีการคำนวณและไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี ใช้การสังหารที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด ไม่แปลกใจที่วังจื่อเซียวใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นสำนักมือสังหารที่ยิ่งใหญ่ในยุทธภพได้ คนตรงหน้านั้นเห็นได้ชัดว่าฆ่าคนได้อย่างเหี้ยมโหดไร้ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจจินผิงอี้ก็อดสั่นไหวไม่ได้ ดวงตาเหลือบมองไปยังหนานกงมั่วที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราห่างออกไปไม่ไกล เอ่ยเสียงเข้ม “สังหารหนานกงมั่วก่อน”
คนชุดดำสองคนได้ยินดังนั้นจึงละสายตาจากเว่ยจวินมั่ว หมุนตัวกลับไปพุ่งเข้าหาหนานกงมั่ว ดวงตาของเว่ยจวินมั่วที่กำลังถูกล้อมเอาไว้จมลึก ตวัดกระบี่ชิงหมิงในมือออกไป พลังของกระบี่พุ่งเข้าหาคนชุดดำทั้งสองอย่างรวดเร็ว ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนดังตามมา ร่างทั้งสองถูกพลังของกระบี่แยกออกเป็นสองส่วน
ยามนี้ ทุกคนเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ ร่วมกันพุ่งเป้าไปยังเว่ยจวินมั่วอีกครั้ง หากไม่สังหารคนผู้นี้คืนนี้พวกเขาก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไปได้ ไม่มีใครกล้าลงมือสังหารหนานกงมั่วที่กำลังหลับอยู่อีกต่อไป การล้อมเว่ยจวินมั่วเอาไว้มีโอกาสรอด ทว่าหากพุ่งเป้าไปหาหนานกงมั่วจุดจบจะเป็นเช่นไรนั้น ได้ปรากฏชัดอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
เมื่อเห็นว่าคนของตนตายไปภายใต้คมกระบี่ของเว่ยจวินมั่วเรื่อยๆ ใบหน้าของจินผิงอี้จึงทะมึนขึ้นมา ทว่าเว่ยจวินมั่วที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อมองดีๆ กลับเหมือนไม่เป็นอะไรเลยสักนิด กระทั่งอารมณ์บนใบหน้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จินผิงอี้กัดฟัน หยิบดาบหงหมิงขึ้นมา พุ่งตัวออกไป วิทยายุทธของจินผิงอี้เรียกได้ว่าอยู่อันดับต้นๆในยุทธภพเลยก็ว่าได้ เมื่อเขาเข้ามาร่วมด้วย เว่ยจวินมั่วจึงเสียเปรียบอยู่ไม่น้อย แต่เว่ยจวินมั่วกลับดูไม่ได้ร้อนใจแต่อย่างใด ยังคงวาดกระบี่ฟาดฟันออกไปด้วยท่าทางสงบนิ่ง ทว่าทุกการเคลื่อนไหวกลับแม่นยำ สังหารผู้คนไปหลายชีวิต ไม่ว่าเป็นใครเมื่อเข้ามาอยู่ในวงล้อมเช่นนี้ก็ต้องมีอารมณ์แปรปรวนบ้าง อย่างเช่นกระสับกระส่าย โกรธแค้น หรือสิ้นหวัง ทว่าเว่ยจวินมั่วกลับนิ่งสงบจนจินผิงอี้ประหลาดใจ อย่าว่าแต่ผู้ที่อายุเช่นเว่ยจวินมั่วตอนนี้เลย แม้แต่จินผิงอี้ในตอนนี้ยังรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ นี่มันตัวอะไรกันแน่นะ
ดวงดาวบนท้องฟ้าค่อยๆ เลือนหาย ท้องฟ้าทางด้านทิศตะวันออกเริ่มกลายเป็นสีขาว ป่าที่มืดมิดค่อยๆ สว่างขึ้นมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในอากาศ เสียงหอบหายใจด้วยความหวาดกลัวดังชัดเจนอยู่ในป่าแห่งนี้ บนร่างกายของจินผิงอี้เต็มไปด้วยบาดแผล ดาบหงหมิงอันโด่งดังถูกวางทิ้งอยู่ด้านข้าง มือข้างหนึ่งถูกฟันขาดออกไป น่าอนาจใจไม่เหลือเค้าความยิ่งใหญ่ของการเป็นเจ้าสำนักกลเจ็ดดาวเลยสักนิด
ห่างออกไปไม่ไกลมีร่างของคนชุดดำหลายคนที่โชคดีพอจะหนีรอดมาได้ล้มลงไป ทว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงต้องการขยับตัวยังเป็นเรื่องยาก มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ลังเลที่จะวิ่งหนีไปจากหลุมนรกอันน่าหวาดกลัวนี้อย่างแน่นอน
ร่างสูงในอารภณ์สีครามแปดเปื้อนไปด้วยเลือด ยืนโดดเด่นอยู่ผู้เดียว รอยเลือดเกลื่อนกลาดถูกน้ำฝนชะล้างไปแล้ว หญิงสาวผู้นอนหลับพิงต้นไม้อย่างไร้กังวลมีเพียงบาดแผลเล็กน้อยบนหัวไหล่เพียงเท่านั้น ทว่ารอยเลือดบนเสื้อผ้าของเขานั้นเกิดขึ้นหลังจากฝนหยุดตกไปแล้ว เมื่อก้มลงไปมองรอยเลือดบนร่างกาย ดวงตาของเว่ยจวินมั่วปรากฏสายตารังเกียจออกมาให้เห็น
การต่อสู้กับยอดฝีมือของสำนักกลเจ็ดดาวนับสิบ ใช่ว่าเว่ยจวินมั่วจะไม่มีสิ่งใดต้องจ่าย มือของเขา หน้าอก และแผ่นหลังมีบาดแผลน้อยใหญ่สลับกันไป ยามนี้มีเลือดเปรอะเปื้อนมากมายจึงแยกไม่ออกว่าส่วนใดคือเลือดของศัตรูส่วนใดคือเลือดของตนเอง แต่อย่างไรเขาก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้
“คุณชายจื่อเซียว…คุณชายจื่อเซียวผู้ลึกลับ…” จินผิงอี้พึมพำเสียงเบา เดิมเขาคิดว่าตนเองมิได้ดูหมิ่นฝีมือของเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่ว แต่ยามนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาประมาทอีกฝ่าย ดูหมิ่นเว่ยจวินมั่วไปเพียงใด เว่ยจวินมั่วผู้เดียวสามารถกำจัดยอดฝีมือจากสำนักกลเจ็ดดาวไปได้กว่าครึ่ง เว่ยจวินมั่วถือกระบี่เดินเข้าหาเขาช้าๆ เลือดแดงฉานหยดลงจากปลายกระบี่สู่ผืนดิน สายตาเหยียดหยามจ้องไปยังจินผิงอี้ ดวงตาเย็นชาไร้ความรู้สึก “ตอนนี้ เจ้าคงรู้แล้วว่าข้ามิได้ล้อเล่นใช่หรือไม่”
จินผิงอี้ยิ้มขมขื่น มองกระบี่ชิงหมิงในมือของเขา เอ่ยตอบ “ข้ารู้ว่าตนเองไร้ซึ่งทางรอด คุณชายจื่อเซียวลงมือเสียเถิด”
เว่ยจวินมั่วมิได้เอ่ยตอบ เพียงจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา
จินผิงอี้ยกมือขึ้นมา เคาะไปที่ศีรษะของตนเอง
ในขณะที่มือกำลังจะร่วงลงไป พลันพลิกมือกลับมาและโจมตีเว่ยจวินมั่วทันที เขาบาดเจ็บสาหัส ไม่คิดว่าฝ่ามือนี้ของเขาจะสามารถลอบทำร้ายเว่ยจวินมั่วได้ ดังนั้นจึงดีดลูกศรแหลมคมจากแขนเสื้อของเขาพุ่งเข้าหาเว่ยจวินมั่วด้วย เว่ยจวินมั่วเบี่ยงตัวหลบ จินผิงอี้อาศัยจังหวะนี้พาตัวเองวิ่งเข้าหาหนานกงมั่ว ดวงตาเว่ยจวินมั่วฉายแววอาฆาต เหวี่ยงกระบี่หลุดออกจากมือมุ่งหน้าตรงไปยังจินผิงอี้ เดิมจินผิงอี้ตั้งใจเอาไว้ว่าต่อให้ไม่สามารถสังหารหนานกงมั่วได้ก็ขอทำให้นางเจ็บหนักก็เพียงพอแล้ว ทว่าอาการบาดเจ็บของเขาส่งผลกระทบถึงความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว กระบี่ของเว่ยจวินมั่วยังเร็วกว่าเขา คนยังไปไม่ถึงตัวหนานกงมั่ว พลันรู้สึกเย็นวาบที่ช่วงอก เมื่อก้มลงพลันมองเห็นปลายแหลมคมของกระบี่ที่เจาะทะลุผ่านแผ่นหลังโผล่มาทางด้านหน้า
ลำคอของเขาเกิดเสียงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เลือดสีแดงซึมออกมาจากมุมปากของเขา เขาพยายามอ้าปากทว่ากลับไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้ ทำได้เพียงจ้องมองหนานกงมั่วที่อยู่ห่างเขาออกไปอีกไม่กี่ก้าว เปลือกตาของเขาปิดลงด้วยความคับแค้นใจ เว่ยจวินมั่วสาวเท้าเข้ามาใกล้ ยื่นมือไปดึงกระบี่ชิงหมิงออกจากตัวจินผิงอี้ ปรายตามองคนชุดดำที่อ้อยอิ่งอยู่บนพื้น แกว่งกระบี่ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของคนเหล่านั้น ป่าลึกกลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
หนานกงมั่วตื่นขึ้นมา ต้องยกมือขึ้นมาบังดวงตาเอาไว้เพราะยังไม่คุ้นชินกับแสงสว่างที่ส่องกระทบ ใช้เวลาเพียงไม่นานจึงเอามือลง กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง สิ่งที่ปรากฏสู่สายตากลับมิใช่ป่าไม้มืดมิดเช่นเมื่อคืน ทว่ากลับเป็นทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเป็นหน้าผาสูง นางกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่งที่ก้นหน้าผา ด้านข้างห่างออกไปไม่ไกล มองเห็นเว่ยจวินมั่วกำลังนอนอยู่ในชุดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด