เมื่อได้ยินจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของชายารองเฝิงจึงมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา แม้แต่ดวงตาที่มองไปยังองค์หญิงฉังผิงยังมีความท้าทาย เจ้าเก่งเพียงใด สูงส่งเพียงใด ท่านอ๋องก็ยังเข้าข้างข้ามิใช่หรือ ดวงตาองค์หญิงฉังผิงจมลึก ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงฟิ้วดังขึ้น แสงสีเงินวาดผ่านไป ชารายารองเฝิงรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่ข้างแก้ม ลูกดอกสีเงินปักเข้าที่ผนังซึ่งอยู่ด้านหลังของนาง ชายารองเฝิงยกมือขึ้นปิดบังใบหน้ากรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
แม้กำลังภายในของเว่ยจวินมั่วจะหายไป แต่กับชายารองเฝิงผู้นี้ การขว้างปาลูกดอกในระยะนี้นับว่าเหลือเฟือแล้ว
“หากใช้สายตาแบบนั้นมองเสด็จแม่อีก ระวังชีวิตเจ้าไว้ให้ดี” เว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
ชายารองเฝิงตกใจแขนขาอ่อนแรงล้มลงไป กอดขาจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องร่ำไห้สะอึกสะอื้น จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าด่าทอเว่ยจวินมั่วว่าเป็นตัวอัปมงคล เว่ยจวินมั่วยังคงยิ้มเย็น เว่ยหงเฟยเคยคิดว่าเขาเป็นบุตรชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
สุดท้าย จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงจำต้องพาชายารองเฝิงเดินออกไปด้วยความโกรธ ห้องโถงกลับมาว่างเปล่า องค์หญิงฉังผิงนั่งเอนหลังพิงพนักหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า เว่ยจวินมั่วมองท่าทีเฉยเมยของมารดาเงียบๆ จนปัญญาอยู่ในใจ
“เสด็จแม่…”
องค์หญิงฉังผิงโบกมือบอกเป็นนัยไม่ให้เขาพูดแล้ว ก่อนจะลืมตาขึ้นมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จวินเอ๋อร์ มารดารู้ว่าเจ้าจะเอ่ยสิ่งใด เจ้าวางใจเถิด มารดาไม่มีความเจ็บปวดมานานแล้ว ความหวังเดียวตอนนี้ของมารดาคือเห็นเจ้ากับอู๋สยาได้แต่งงาน มีชีวิตที่งดงามในภายภาคหน้า” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “มารดาโปรดวางใจ อู๋สยาดีมากพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า “ใช่ อู๋สยาดีมาก นางกล้าหาญมากกว่าแม่ และมีความสามารถ จวินเอ๋อร์ได้แต่งกับนาง แม่ก็วางใจแล้ว”
เรือนจี้ชั่ง หนานกงมั่วยิ้มพลางปลอบโยนเหล่าสาวใช้ที่กำลังตื่นเต้นต่อการกลับมาของนาง นั่งเอนหลังด้วยท่าทีเกียจคร้านฟังเหล่าสาวใช้เล่าถึงเรื่องราวตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตั้งแต่หนานกงมั่วออกเดินทาง หนานกงชวี่ก็มัวแต่ยุ่งกับการเข้าสังคม ดังนั้นจวนฉู่กั๋วกงจึงกลายเป็นสนามรบระหว่างเจิ้งซื่อ หลินซื่อ และหนานกงซูทั้งสามคน ว่ากันว่าสตรีสามคนในละครเรื่องเดียวกัน ไม่ผิดเลยจริงๆ ตลอดหลายวันมานี้บรรดาบ่าวในจวนฉู่กั๋วกงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เจิ้งซื่อและหลินซื่อแย่งอำนาจกัน ออกคำสั่งคนต่อคน หลินซื่อนึกว่าตนเองนั้นมีหนานกงชวี่คอยหนุนหลัง อีกทั้งเจิ้งซื่อยังถูกหนานกงไหวลงโทษอยู่จึงมีความมั่นใจในตนเองขึ้นมา กล้าเผชิญหน้ากับเจิ้งซื่ออย่างโจ่งแจ้ง ทว่าเจิ้งซื่อนั้นหยั่งรากลึกในจวนฉู่กั๋วกงมากว่าสิบปีมีหรือจะโค่นได้ง่ายๆ และยังมีหนานกงซูที่อารมณ์ไม่ดีก่อเรื่องวุ่นวายให้คนได้หัวเราะเยาะไม่หยุดไม่หย่อน ทำให้บ่าวรับใช้ในจวนพากันเหนื่อยหน่ายไปถ้วนหน้า กลายเป็นละครฉากใหญ่ให้คนเรือนจี้ชั่งได้รับชม
น่าเสียดายหลังจากหนานกงไหวมาถึง เจิ้งซื่อและหนานกงซูนั้นไปยืนร่ำไห้ต่อหน้าหนานกงไหว ความเย่อหยิ่งในอำนาจของหลินซื่อจึงได้สิ้นสุดลง ดังนั้น ยามนี้อำนาจในจวนจึงกลับคืนสู่กำมือของเจิ้งซื่อเรียบร้อยแล้ว
ได้ยินเช่นนี้ หนานกงมั่วทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นไม่ออกความคิดเห็นใดๆ แม้รู้สึกว่าหนานกงไหวใจอ่อนกับเจิ้งซื่อเกินไป แต่นั่นเป็นเรื่องของหนานกงชวี่ ไม่ใช่เรื่องของหนานกงมั่ว ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนนางก็ต้องออกเรือนแล้ว บุตรีที่แต่งออกเรือนไปไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องในจวนตนเอง
“คุณหนูใหญ่ แม่นมเคียงกายขององค์หญิงฉังผิงส่งของขวัญมาเยี่ยมเยียนคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” สาวใช้รายงานด้วยท่าทางนอบน้อมมาจากด้านนอก
หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ย “เชิญเข้ามาเถิด”
ไม่นานก็มองแม่นมสองคนเดินตามสาวใช้เข้ามา ด้านหลังมีสาวใช้จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องตามมาด้วย ในมือของสาวใช้ทุกคนล้วนถือกล่องเอาไว้ ยืนอยู่ด้านหลังแม่นมด้วยท่าทางสุภาพ หนานกงมั่วลุกขึ้นไปต้อนรับด้วยตนเอง แม่นมผู้ทำหน้าที่เป็นผู้นำรีบคารวะ เอ่ย “บ่าวคารวะคุณหนูหนานกงเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รบกวนแม่นมทั้งสองต้องมาด้วยตนเองแล้ว” แม่นมทั้งสองรีบเอ่ย “องค์หญิงได้ข่าวว่าคุณหนูบาดเจ็บ จึงมีรับสั่งให้บ่าวนำของบำรุงมาให้คุณหนูใหญ่ได้บำรุงร่างกายเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วยิ้ม “ขอบพระทัยองค์หญิงที่ห่วงใย ข้ามิได้เป็นอะไรมาก ก่อนข้าออกเดินทางองค์หญิงทรงป่วย ยามนี้ดีขึ้นแล้วหรือไม่”
แม่นมเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ สาวใช้เคียงกายขององค์หญิงดูแลเป็นอย่างดี ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้เห็นซื่อจื่อและคุณหนูใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัย จิตใจองค์หญิงก็ดีขึ้นมากทีเดียว หากคุณหนูใหญ่พอมีเวลาองค์หญิงยังเชิญไปเที่ยวเล่นที่จวนด้วยนะเจ้าคะ” หนานกงมั่วยิ้ม “ถึงตอนนั้นข้าคงต้องรบกวนองค์หญิงเสียแล้ว”
แม่นมทั้งสองพึงพอใจต่อคุณหนูใหญ่หนานกงผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง พวกนางล้วนเป็นบ่าวรับใช้เคียงกายองค์หญิงมาหลายปี ความสัมพันธ์ขององค์หญิงและท่านอ๋องไม่ดี พวกนางที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้คงได้แต่คาดหวังกับซื่อจื่อและว่าที่ชายาของซื่อจื่อเสียแล้ว แม้พวกนางจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี มีองค์หญิงอยู่ใครก็ไม่อาจทำอันใดพวกนางได้ แต่อย่างไรเสียการมีพระชายาซื่อจื่อที่อ่อนโยนหลักแหลมมีมารยาทก็ต้องดีกว่ามีพระชายาซื่อจื่อที่หยิ่งผยองอย่างแน่นอน หนานกงมั่วพูดคุยกับแม่นมทั้งสองอยู่ชั่วครู่ จึงได้เชิญแม่นมหลานออกไปส่งทั้งสองด้วยตนเอง ก่อนกลับแม่นมหลานยังได้สั่งสาวใช้เตรียมห่อผ้ามอบให้แม่นมทั้งสองและบ่าวรับใช้ที่ตามมาด้วยไปคนละห่อ ในห่อผ้านั้นมีเงินตราที่เรือนจี้ชั่งเอาไว้แจกเป็นรางวัลแก่บ่าวรับใช้ ทำให้พวกนางยิ่งมีรอยยิ้มงดงามเบิกบานมากยิ่งขึ้น บ่าวรับใช้กลับไปถึงจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้วจึงได้ป่าวประกาศถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และจิตใจที่ดีงามของพระชายาซื่อจื่อไม่หยุด ทำให้พระชายารองเฝิงโกรธจนฉีกผ้าไปแล้วมิรู้กี่ผืนต่อกี่ผืน โกรธจนแทบอยากฉีกปากของบ่าวพวกนั้นไปด้วย เพียงน่าเสียดายบ่าวรับใช้เหล่านั้นล้วนเป็นคนขององค์หญิง ต่อให้ขวางหูขวางตานางเพียงใดก็มิอาจไปสั่งสอนได้
แม่นมหลานกลับมาถึงห้องหนังสือ มองไปยังหนานกงมั่วที่กำลังจัดการกับสมุดบัญชี เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงดีกับคุณหนูใหญ่มากจริงๆ คุณหนูที่ล่วงลับไปแล้วคงวางใจได้แล้วเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มบางๆ “แม่นมวางใจก็เพียงพอแล้ว องค์หญิงเป็นคนดี”
แม่นมหลานพยักหน้า เดิมคิดว่าคนในวังนั้นคบหายาก ยามนี้เห็นแล้วว่าอย่างน้อยองค์หญิงฉังผิงก็โปรดปรานคุณหนูใหญ่ บางครั้งสำหรับสตรีแล้ว การมีแม่สามีประเสริฐสำคัญกว่ามีสามีที่ดีด้วยซ้ำ อย่างไรเสียสามีขอเพียงไม่ออกนอกลู่นอกทาง เช่นนั้นก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว แต่แม่สามีกลับมิใช่ผู้ที่คิดหวังอยากให้เกียรติก็จะให้เกียรติตนได้ง่ายๆ ตั้งแต่โบร่ำโบราณ มีเรื่องเล่าหลายเรื่องที่เอ่ยถึงคุณหนูผู้ดีถูกเอาอกเอาใจเมื่ออยู่ในจวน ทว่าเมื่อออกเรือนแล้วกลับต้องโดนแม่สามีดุด่าว่ากล่าวพร่ำสั่งสอน
“รายงานคุณหนู พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องมาเจ้าค่ะ นายท่านเชิญคุณหนูใหญ่ออกไปต้อนรับด้วยเจ้าค่ะ” ด้านนอก เสียงสาวใช้จากเรือนด้านหน้าเอ่ยรายงาน หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อย “พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องงั้นหรือ นางมาได้อย่างไร”
พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องหยวนซื่อควรพักผ่อนดูแลครรภ์อยู่ที่จวนมิใช่หรือ ต่อให้นางมิได้ตั้งครรภ์ ด้วยความสัมพันธ์ของจวนฉู่กั๋วกงและจวนเอ้อกั๋วกงในยามนี้ ก็ไม่ควรมาที่จวนแห่งนี้ถึงจะถูก
“หุยเสวี่ย”
หุยเสวี่ยปิดปากกลั้นขำ “เกรงว่าพระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องคงมิได้มาพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ คงจะมาหาคุณหนูรองเสียมากกว่า ได้ยินมาว่าอีกสองวันเย่ว์จวิ้นอ๋องก็จะกลับมาถึงแล้ว พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องจึงอยากรับคุณหนูรองเข้าจวนให้เร็วที่สุด”