เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเข้ม “ทำไมพึ่งมาเอาตอนนี้” เขาปล่อยสัญญาณไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แม้จะอยู่ไกลจากตรงนี้ทว่าควรมาถึงเร็วกว่านี้
หลิ่วเอ่ยตอบด้วยท่าทีนอบน้อม “รายงานคุณชาย ระหว่างทางถูกคนของหอธาราขวางเอาไว้จึงทำให้เสียเวลาขอรับ เมื่อพวกข้ามาถึงก็ไม่เจอคุณชายกับคุณหนูแล้ว คนอื่นๆ แยกกันออกไปตามหาคุณชายแล้ว ข้าอยู่ที่นี่เพื่อรอฟังข่าว…” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า หลุบตาลงพลางเอ่ยถาม “กงอวี้เฉินก็อยู่แถวนี้หรือ”
หลิ่วส่ายหน้า “เหมือนสำนักหอธาราจะเกิดเรื่อง กงอวี้เฉินจึงกลับไปแล้วขอรับ” เดิมคนของหอธาราน้อยมากจะออกมาเพ่นพ่านในยุทธภพ ครั้งนี้ออกมาเป็นเวลานานนับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “สังหารคนของหอธาราทั้งหมด นอกจากนี้…ให้คนจัดการเก็บกวาด ฝังศพคนที่นี่ให้เรียบร้อย”
“ขอรับ คุณชาย” หลิ่นรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
เรื่องราวหลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องให้หนานกงมั่วยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทว่าความสุขสงบตลอดทางนี้ได้บินหายไปเสียแล้ว หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วรอจนฝังศพคนในหมู่บ้านเสร็จเรียบร้อยจึงเดินทางกลับจินหลัง ร่างของจินผิงอี้ถูกคนนำลงมาจากบนเขาในสองวันต่อมา เว่ยจวินมั่วปรายตามองด้วยความเย็นชา ออกคำสั่งให้ตัดศีรษะของจินผิงอี้ส่งไปยังหอธาราให้กงอวี้เฉิน จากนั้นก็ไม่ให้ความสนใจอีกเลย
กว่าทั้งสองจะกลับถึงจินหลิงก็เข้าเดือนแปดเสียแล้ว เหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนกว่าก็เป็นงานพิธีแต่งงาน
ในห้องโถงใหญ่จวนฉู่กั๋วกง หาได้ยากยิ่งที่คนในจวนจะมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง ยามนี้หนานกงไหวที่ได้รับบาดเจ็บหนักยังไม่หายดีทว่าสามารถลงจากเตียงเคลื่อนไหวไปมาได้บ้างแล้ว ฝ่าบาทเห็นว่าเขาบาดเจ็บจึงมีรับสั่งให้เขาพักผ่อนอยู่ที่จวนเป็นเวลาสองเดือนไม่ต้องเข้าวัง
ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงออดอ้อนของเจิ้งซื่อดังออกมา “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หลายวันมานี้ข้ากับนายท่านเป็นห่วงมากทีเดียว”
หนานกงมั่วอารมณ์ไม่ดี ปรายตามองเจิ้งซื่อเงียบๆ “ลำบากฮูหยินหว่านต้องกังวลแล้ว”
เจิ้งซื่อทำราวกับไม่ได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของนาง เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เป็นห่วงคุณหนูใหญ่เป็นเรื่องสมควร เว่ยซื่อจื่อมาส่งคุณหนูใหญ่ด้วยตนเอง ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก”
ใบหน้าของเว่ยจวินมั่วยังคงซีดเซียว ภายใต้การสูญเสียกำลังภายในของเขา ร่างกายจึงดูอ่อนแอลง ทำให้ดูคล้ายว่าอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี หนานกงไหวขมวดคิ้ว เอ่ย “ซื่อจื่อบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี ไยจึงไม่รีบกลับมารักษาที่เมืองหลวงเล่า หรือระหว่างทางเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่” แน่นอนหนานกงไหวรู้ว่าทั้งสองออกเดินทางตั้งแต่เมื่อใด ใช้เวลายาวนานถึงเพียงนี้ มิอาจรู้ได้ว่าไปเสียเวลาอยู่แห่งหนไหน
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ขอบคุณท่านกั๋วกงที่เป็นกังวล เกิดเรื่องระหว่างทางเล็กน้อย แต่มิเป็นปัญหาอันใดมากมาย”
สีหน้าของหนานกงไหวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าหักห้ามใจมิได้ถามต่อว่าเกิดอันใดขึ้น ในเมื่อทั้งสองไม่เอ่ยออกมาเอง คิดว่าคงมิใช่เรื่องดีอันใด หนานกงชวี่มองสำรวจหนานกงมั่ว เห็นว่านางยังปกติดี ไม่มีส่วนใดเสียหาย สีหน้าจึงอ่อนโยนขึ้น
หนานกงมั่วหันไปหาเว่ยจวินมั่ว เอ่ยบอก “ท่านกลับจวนไปก่อนเถิด เดี๋ยวองค์หญิงจะเป็นห่วง”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยกับหนานกงไหว “กั๋วกง ข้าต้องลาแล้ว”
เมื่อหนานกงไหวรู้ว่าเว่ยจวินมั่วเองยังไม่ทันกลับจวนทว่าพาหนานกงมั่วมาส่งเสียก่อน ย่อมรู้สึกพึงพอใจอยู่ในใจและไม่กล้ายื้อเขาเอาไว้นาน จึงให้หนานกงชวี่ไปส่งเขากลับจวน
ในห้องโถงใหญ่ หนานกงมั่วนั่งดื่มชาเงียบๆ กวาดสายตามองสังเกตคนที่อยู่ตรงนี้ไปหนึ่งรอบ จากนั้นเอ่ยถามหนานกงไหวที่ดูเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด “ท่านพ่อ มีเรื่องอันใดอีกหรือไม่เจ้าคะ”
หนานกงไหวจึงได้สติกลับมา กระแอมไอเบาๆ “ไม่มีอันใด เจ้าพึ่งกลับมาถึงไปพักผ่อนเถิด มีเรื่องอันใดพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
ด้านข้าง หนานกงซูเบ้ปาก เอ่ยเสียงหวาน “ท่านพ่อ นี่เป็นเรื่องดีนะเจ้าคะ ไยท่านจึงไม่บอกพี่สาวเล่า พี่สาว ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พี่สาวเข้าเฝ้า ใครจะรู้ว่าพี่สาวกับเว่ยซื่อจื่อไปเที่ยวเล่นจนลืมเวลา ทำให้ฝ่าบาทและท่านพ่อต้องร้อนใจ”
มิน่าเล่า หนานกงซูจึงจ้องนางด้วยสายตาริษยาตั้งแต่เดินเข้ามา
หนานกงมั่ววางถ้วยชาลง “ข้าทราบแล้ว ท่านพ่อ ฝ่าบาทได้บอกหรือไม่เจ้าคะว่าเป็นเรื่องใด”
หนานกงไหวโบกมือ “ไม่ต้องรีบหรอก เจ้าพึ่งกลับมาถึง พักผ่อนสักสองสามวันก่อนเถิด วันที่สิบห้าเดือนแปดจะมีงานเลี้ยงในวัง เดิมเจ้าก็ควรเข้าวังอยู่แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ถึงตอนนั้นเจ้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าก็พอแล้ว” หนานกงมั่วพยักหน้า ยังมีเวลากว่าครึ่งเดือน แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องรีบ
หนานกงไหวเอ่ย “แต่ต้นเดือนหน้าก็ถึงงานพิธีแล้ว เดือนนี้เจ้าอยู่บ้านเตรียมตัวเสีย อีกทั้งเว่ยซื่อจื่อ…” หนานกงไหวลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยถาม “อาการบาดเจ็บของเขาหนักหรือไม่” เมื่อเทียบกับตนเองที่บาดเจ็บหนักจนตอนนี้ยังไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก ทว่าสีหน้าของเว่ยจวินมั่วนั้นดูเหมือนจะหนักกว่าตนเสียอีก เขาบาดเจ็บหนักเพียงใดกัน มีผลกระทบต่อพิธีแต่งงานเดือนหน้าหรือไม่
หนานกงมั่วตอบ “ท่านพ่อวางใจ ระหว่างทางเจออุปสรรคเล็กน้อย จึงทำให้บาดเจ็บมากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น”
ได้ยินเช่นนั้นหนานกงไหวจึงเงียบไป เอ่ยด้วยความโกรธ “ช่างกล้ายิ่งนัก เจ้าไปพักผ่อนเถิด มีเรื่องอันใดพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
หนานกงมั่วพยักหน้า ลุกขึ้น “อู๋สยาลาท่านพ่อ”
จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง
เว่ยจวินมั่วไม่สนใจคนอื่นๆ ในจวน มุ่งตรงไปยังเรือนขององค์หญิงฉังผิง ทันทีที่องค์หญิงฉังผิงรู้ข่าวก็ออกมานั่งรอที่ห้องโถงใหญ่ ได้ยินว่าบุตรชายกลับมาถึงแล้ว รอให้เขาเดินเข้ามาไม่ไหวจึงไปยืนรออยู่หน้าประตู “จวินเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”
“เสด็จแม่” เว่ยจวินมั่วยื่นมือไปพยุงองค์หญิงฉังผิง มองใบหน้าที่ซีดเซียวของนาง นึกถึงเรื่องที่อู๋สยาเคยบอกกับเขาเมื่อครั้งอยู่ในค่ายใบหน้าจึงทะมึนขึ้น ผู้เป็นมารดารู้ใจบุตรชายเป็นอย่างดี รีบจับเขาเอาไว้ “แม่ไม่เป็นไร เพียงแต่เป็นห่วงเจ้ากับอู๋สยาเพียงเท่านั้น อู๋สยาเป็นเช่นไรบ้าง” เว่ยจวินมั่วพยักหน้าตอบ “ลูกพึ่งไปส่งอู๋สยากลับจวนมาพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี” องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เรื่องหนานกงมั่วไปร่วมกองทัพทำให้นางตกใจยิ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าบุตรชายจะเจอภรรยาที่ดีถึงเพียงนี้ หากเกิดอันใดขึ้นแล้วจะทำเช่นไร ยิ่งไปกว่านั้น หนานกงมั่วไปที่นั่นเพราะจวินเอ๋อร์ หากเกิดอันใดขึ้นหนานกงไหวคงไม่ยอมเป็นแน่ แม้จะนึกกล่าวโทษหนานกงมั่วที่ดื้อดึงวิ่งไปสนามรบด้วยตนเอง แต่เมื่อคิดว่านางทำเพื่อบุตรชายของตน องค์หญิงฉังผิงจึงพึงพอใจและมีความสุขขึ้นมา
เว่ยจวินมั่วประคององค์หญิงฉังผิงเข้าไปนั่งในห้องโถงใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อู๋สยาสบายดีพ่ะย่ะค่ะ เพียงบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นอันใดมาก”
“ไยจึงบาดเจ็บได้เล่า” องค์หญิงฉังผิงตระหนกขึ้นมา นางได้ยินข่าวเพียงเว่ยจวินมั่วได้รับบาดเจ็บหนักระหว่างออกรบ ทว่าไม่รู้ว่าหนานกงมั่วเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย เว่ยจวินมั่วเล่าเรื่องราวระหว่างเดินทางกลับให้นางฟังเพียงคร่าวๆ ไม่ได้เล่าละเอียดเท่าใดนัก องค์หญิงฉังผิงจึงเข้าใจว่าการลอบสังหารครั้งนี้มีเว่ยจวินมั่วเป็นเป้าหมาย เป็นเพราะบุตรชายของตนทำให้หนานกงมั่วต้องบาดเจ็บไปด้วย พลันรู้สึกละอายและเป็นห่วงว่าที่ลูกสะใภ้ขึ้นมา เอ่ย “เด็กคนนี้ อู๋สยาเดินทางกว่าพันลี้ไปหาเจ้า ไยจึงปล่อยให้นางได้รับบาดเจ็บเล่า ฟังเสด็จพ่อกล่าว เด็กคนนั้นช่วยชีวิตผู้คนในกองทัพไว้มากมายเลย เด็กๆ รีบเตรียมของบำรุงที่ฝ่าบาทประทานมาให้ส่งไปยังจวนฉู่กั๋วกง” ของบำรุงเหล่านี้ฝ่าบาทส่งมาให้เพราะองค์หญิงฉังผิงป่วย จากนั้นเพราะเว่ยจวินมั่วสูญหายจึงอยากส่งมาปลอบใจธิดาของตน องค์หญิงฉังผิงย่อมทานไม่หมดจึงอยากส่งไปให้ภรรยาของบุตรชาย