“น่าเสียดายแล้ว…หากท่านอ๋องแต่งกับคุณหนูใหญ่หนานกง…” ชายวัยกลางคนส่ายหน้าพลางถอนหายใจออกมา น่าเสียดายมากจริงๆ เดิมคิดว่าบุตรีอันเป็นที่รักของหนานกงไหวคือหนานกงซู ไม่คิดว่าจะมองพลาดไป เห็นได้ชัดว่าความจริงแล้วหนานกงมั่วต่างหากที่เป็นที่รักของตระกูลหนานกง แต่ว่า…ด้วยความสามารถของคุณหนูใหญ่หนานกง ต่อให้หนานกงไหวไม่รักนางก็คงจะประมาทนางมิได้
เซียวเชียนเยี่ยตะลึงอยู่ในใจ นึกถึงใบหน้าเย็นชาของเว่ยจวินมั่วก็ส่ายหน้า ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
“หม่อมฉันขอพบท่านอ๋องเพคะ” เสียงหยวนซื่อดังขึ้นด้านนอก
เซียวเชียนเยี่ยชะงัก เอ่ยตอบเสียงทุ้ม “พระชายาเข้ามาเถิด”
หยวนซื่อปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูด้วยรอยยิ้มบางๆ “ดึกป่านนี้แล้ว ท่านอ๋องยังทรงงานอยู่หรือเพคะ” เซียวเชียนเยี่ยมองท้องฟ้า เป็นเวลาค่ำมากแล้ว เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดึกป่านนี้แล้วพระชายายังไม่พักผ่อนอีกหรือ ดูแลเด็กในครรภ์ด้วย” หยวนซื่อหลุบตาลง ยกมือขึ้นลูบท้องของตนเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คนเรือนซินส่งคนมาถาม ไยพระองค์จึงยังไม่เสด็จไปที่นั่น ข้าคิดว่าพระองค์ทรงงานจนลืมเวลาแล้วหรือไม่”
เซียวเชียนเยี่ยเงียบไปชั่วครู่จึงนึกขึ้นได้ว่าเรือนซินคือเรือนของหนานกงซูที่พึ่งเข้าจวนมาวันนี้ นึกถึงสีหน้าของหนานกงไหวที่มีต่อตนในวันนี้แล้วก็คิดอยากถอยห่างอยู่ในใจ พยักหน้าเบาๆ “ข้ามีเรื่องสำคัญต้องหารือ ลืมเวลาจนต้องลำบากพระชายาแล้ว” หยวนซื่อไม่ใส่ใจ ทำเพียงยิ้มตอบกลับไป “ท่านอ๋องมีงานสำคัญ เพียงแต่หนานกงซื่อนั้นเป็นหญิงสาว วันนี้เป็นวันเข้าหอวันแรกคิดว่าคงร้อนใจ ฝืนความอายส่งคนมาถามหม่อมฉัน คงไม่ดีหากหม่อมฉันไม่มาไต่ถาม หากท่านอ๋องว่างแล้วก็รีบไปเถิดเพคะ”
เซียวเชียนเยี่ยหันกลับไปบอกให้คนของเขากลับไปพักผ่อน จากนั้นจึงหันมาเอ่ยกับหยวนซื่อด้วยรอยยิ้ม “ดีเหมือนกัน เดี๋ยวข้ากลับไปส่งพระชายาก่อน ค่อยไปที่เรือนซิน” แม้ช่วงนี้ความสัมพันธ์กับเอ้อกั๋วกงจะดูแข็งกระด้างไปสักนิด ทว่าเอ้อกั๋วกงกลับช่วยเหลือเขาไม่น้อย เซียวเชียนเยี่ยจึงอาศัยจังหวะนี้กระชับความสัมพันธ์กับพระชายาให้ดีขึ้น หยวนซื่อหลุบตาลง เอ่ยขึ้นพลางยิ้มบางๆ “เช่นนี้คงต้องลำบากท่านอ๋องแล้วเพคะ”
สุดท้ายเซียวเชียนเยี่ยมาส่งหยวนซื่อถึงเรือนแล้วจึงหมุนตัวเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนซิน หยวนซื่อนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองมองแม่นมกำลังช่วยปลดเครื่องหัวของตนอยู่ด้านข้าง แม่นมเอ่ยเสียงเบา “ไยพระชายาจึงไม่รั้งท่านอ๋องเอาไว้หรือเจ้าคะ” พระชายามีครรภ์ หากคิดรั้งท่านอ๋องไว้มีหรือจะทำไม่ได้ อีกทั้งมองท่าทีของท่านอ๋องราวกับมีเรื่องอยากเอ่ยกับพระชายา ไม่คิดว่ายังไม่ทันเดินเข้ามาในเรือนพระชายาก็ไล่ให้ท่านอ๋องกลับไปแล้ว หากคืนนี้ท่านอ๋องอยู่กับพระชายาที่นี่ พรุ่งนี้ใบหน้าของจิ้งจอกหนานกงซื่อผู้นั้นจะเป็นอย่างไรก็คงรู้กันดี
หยวนซื่อยิ้มเย็น ส่งเสียงหยัน “ข้าอยู่ในฐานะอันใด จำเป็นต้องแย่งความรักกับหญิงแพศยาเหล่านั้นด้วยหรือ ต้องต่อสู้กับอนุงั้นหรือ นางไม่มีศักดิ์ศรีถึงเพียงนั้นหรอก”
มองใบหน้าเยือกเย็นของพระชายา แม่นมได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ นิสัยของพระชายานั้นแข็งกระด้างเกินไป เห็นได้ชัดว่าบุรุษเช่นท่านอ๋องนั้นชอบหญิงสาวบอบบางอ่อนหวาน โชคดีที่ยามนี้พระชายามีครรภ์แล้ว มิเช่นนั้นหากรอให้สตรีพวกนั้นมีลูกเสียก่อนไม่รู้จะเป็นเช่นไร
หยวนซื่อจ้องมองเงาในกระจกทองเหลืองนิ่ง เงาในกระจกทองเหลืองเองก็จ้องมองนางนิ่งเช่นกัน “ข้าเองก็อยากรู้ ความรักที่หนานกงซูบอกนั้นจะอยู่ได้นานเพียงใด”
ในห้องใหม่ หนานกงซูนั่งเหม่อมองเปลวเทียนพริ้วไหวนิ่ง ในจวนไม่มีงานเลี้ยงใดๆ แต่ตอนนี้ใกล้ถึงยามสองแล้วเซียวหลางก็ยังไม่มา นี่คือ…คืนเข้าหอที่นางเฝ้ารอมานานแสนนานเช่นนั้นหรือ
“ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ รอมาค่อนคืนจนนางสิ้นหวังไปเสียแล้ว หากคืนนี้ท่านอ๋องไม่มา พรุ่งนี้เรือนซินคงกลายเป็นเรื่องน่าขันของคนทั่วทั้งจวน
ดวงตาหนานกงซูวาววับ รีบยืดตัวขึ้น ไม่นานเซียวเชียนเยี่ยในชุดสีขาวพลันก้าวเข้ามา
“เซียวหลาง…” กระบอกตาหนานกงซูแดงก่ำ สะอึกสะอื้นเรียก
มองหญิงสาวในชุดสีชมพูภายใต้แสงเทียน ใบหน้างดงาม ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา หัวใจของเซียวเชียนเยี่ยพลันอ่อนยวบลงไปมาก ถอนหายใจเงียบๆ ไม่ว่าหนานกงไหวเป็นอย่างไร ซูเอ๋อร์ก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ นางรักเขาด้วยใจจริง ยามนี้กลับต้องมาลำบากเช่นนี้ แม้เริ่มแรกเขาคิดเข้าหาหนานกงซูเพื่อผลประโยชน์ แต่เซียวเชียนเยี่ยก็ยังจริงใจต่อหนานกงซูอยู่บ้าง อย่างน้อยหากไม่มองเรื่องฐานะของตระกูล เมื่อเทียบกับหยวนซื่อแล้วเขาออกจะชื่นชอบหนานกงซูมากกว่า ยามนี้มองเห็นดวงตาน่าสงสารนั้นมองมาที่ตน นึกถึงว่าหญิงสาวผู้นี้ต่อไปคงมีเขาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวแล้ว หัวใจพลันอ่อนลงมาก ความโกรธที่มีต่อหนานกงไหวค่อยๆ เลือนหายไป ยิ่งไปกว่านั้น อนาคตเขายังต้องรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับหนานกงไหวด้วย ต้องทำดีกับหนานกงซูไว้บ้าง
“ซูเอ๋อร์ ทำให้เจ้าน้อยใจแล้ว” ยื่นมือไปกอบกุมมือของหนานกงซูเอาไว้ เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หนานกงซูพลันร้องไห้หนักขึ้น พยักหน้ารัวเร็ว “ไม่ ซูเอ๋อร์ไม่น้อยใจ เพื่อเซียวหลาง…ให้ซูเอ๋อร์ทำสิ่งใดก็ยอม”
“ซูเอ๋อร์เด็กดี” เซียวเชียนเยี่ยกอดนางเอาไว้ในอ้อมอก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้นาง น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยขึ้นอีก “เจ้าวางใจ ต่อไปข้าจะรักษาน้ำใจของซูเอ๋อร์”
หนานกงซูพยักหน้า ยิ้มออกมา “ได้อยู่กับเซียวหลาง ชีวิตนี้ซูเอ๋อร์ก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว” เซียวเชียนเยี่ยจูงมือนางมานั่งลงบนเก้าอี้ เทเหล้าสองจอก จอกหนึ่งยื่นให้หนานกงซู เอ่ย “ทำให้ซูเอ๋อร์น้อยใจแล้ว เราจัดพิธีแต่งงานไม่ได้ แต่เหล้ามงคลนี้อย่างไรก็ต้องดื่ม” ใบหน้าของหนานกงซูแดงระเรื่อ ยกจอกเหล้าขึ้นดื่มพร้อมกับเซียวเชียนเยี่ย ใบหน้างดงามยิ่งแดงมากขึ้น เปลือกตากะพริบปริบ มองไปยังเซียวเชียนเยี่ยด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
หนานกงซูอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเชียนเยี่ย สะอึกสะอื้นบอกเล่าถึงความน้อยอกน้อยใจตลอดหลายวันมานี้ มีร่างหอมอยู่ในอ้อมแขน เซียวเชียนเยี่ยฟังหนานกงซูพร่ำเอ่ยอย่างใจเย็น น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยปลอบเป็นระยะ ความน้อยเนื้อต่ำใจของหนานกงซูตลอดหลายวันมานี้สลายหายไปเป็นผุยผง รู้สึกว่าการแต่งงานกับเซียวเชียนเยี่ยนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว แม้แต่ความโกรธที่ตนต้องอยู่ในฐานะสายเชื้อรองยังสูญหายไปจนสิ้น
แต่หนานกงซูนั้นไม่ได้เข้าใจเลยว่าความทุกข์ที่แท้จริงมิใช่การเข้ามาอยู่ในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องในฐานะอนุภรรยา ทว่าเป็นวันเวลาต่อจากนี้ไปต่างหาก นางสูญเสียตำแหน่งคุณหนูหนานกงไป เป็นอนุก็ต้องคอยคุกเข่าต่อหน้าภรรยาเอก และยังไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งโผล่หน้ามาให้คนอื่นได้เห็น สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ หลอมละลายความไร้เดียงสาและสติปัญญาอันโง่เขลาของนาง โดยเฉพาะการแก่งแย่งชิงดีกันของจวนหลังนี้ยิ่งจะทำให้นางที่ได้รับการประคบประหงมจากเจิ้งซื่อมานานต้องทุกข์ทรมาน และตอนนี้นางกลับไม่รู้สิ่งใดเลย นางทำได้เพียงวาดฝันถึงความสุขอันงดงามในอนาคต จินตนาการว่าตนได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตของเซียวหลาง จินตนาการว่าสักวันนางจะแย่งตำแหน่งของหยวนซื่อมาได้ จินตนาการถึงวันที่ตนเองนั้นจะได้เหยียบหนานกงมั่วให้จมดิน…
ในเรือนจี้ชั่ง หนานกงมั่วนั่งพิงพนักเก้าอี้เปิดสมุดจดบัญชีไปเรื่อยๆ ไม่อยู่จินหลิงสองเดือน แม่นมหลานจัดการบัญชีเรือนจี้ชั่งไว้ละเอียด กิจการที่ยกให้ลิ่นฉังเฟิงดูแลก็ได้รับการจัดการเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องให้นางเป็นห่วง เพียงหาเวลามาตรวจดูบ้างก็พอแล้ว เปิดดูบัญชีที่ลิ่นฉังเฟิงให้คนนำมาส่งให้ หนานกงมั่วคำนวณนับลูกคิดเพื่อพิจารณาว่าควรขยายการลงทุนกับลิ่นฉังเฟิงหรือไม่ ช่างพอดีกับที่นางได้รางวัลจากหนานกงไหวหนึ่งหมื่นตำลึง ทั้งยังมีรางวัลจากฮ่องเต้ แม้สมบัติที่ได้มาจากจิ่นโจวจะนำออกมาใช้ไม่ได้ง่ายๆ แต่คุณหนูใหญ่หนานกงก็ยังอยู่ในจุดที่ทุกคนต้องริษยา…นับว่ามีเงินไม่มีที่ใช้โดยแท้