ขันทีเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่มีผู้สืบทอด ดังนั้นจึงถือครองทรัพย์สินมากกว่าคนทั่วไป เตรียมทรัพย์สินส่วนใหญ่ไว้เพื่อใช้ในยามแก่เฒ่า ด้วยเหตุนี้ขันทีส่วนใหญ่จึงค่อนข้างมีความโลภต่อเงิน สำหรับคนประเภทนี้ หนานกงมั่วไม่คิดทำให้ขุ่นเคืองใจ โบราณกล่าวไว้ได้ดี รับมือผู้ปกครองนั้นง่ายแต่ผู้ใต้ปกครองนั้นยากที่จะรับมือ หากทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจ ไม่รู้เมื่อใดเขาจะทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด
“พ่อบ้าน ไปส่งทุกท่านด้วย” หนานกงมั่วหันกลับไปออกคำสั่งกับพ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านข้าง พ่อบ้านเองก็รู้หน้าที่ รีบส่งแขกด้วยความนอบน้อม
ทั่วทั้งห้องโถงเงียบไปชั่วครู่ เจิ้งซื่อและหลินซื่อมองมายังหนานกงมั่วด้วยสายตาซับซ้อน หนานกงมั่วมองราชโองการในมือ หันกลับไปวางลงในกล่องที่เฟิงเหอถืออยู่ แม่นมหลานเอ่ยด้วยความยินดี “ยินดีกับคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
“ยินดีกับคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” เสียงของทุกคนดังตามมา แม่นมหลานเคาะศีรษะตัวเองเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปต้องเรียกว่าจวิ้นจู่สิ”
“แม่นม” หนานกงมั่วยิ้ม “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เดือนนี้เพิ่มเงินเดือนพิเศษแก่ทุกคนในจวน คนดูแลเพิ่มให้อีกคนละห้าตำลึง”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ รีบเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณจวิ้นจู่”
หนานกงมั่วโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไป แม่นมหลานกอดราชโองการกลับไปที่เรือนจี้ชั่งด้วยความดีใจ นำไปวางไว้ต่อหน้าป้ายวิญญาณของเมิ่งซื่อ เมื่อหนานกงมั่วเห็นแม่นมหลานกอดราชโองการอย่างระมัดระวังก็ทำได้เพียงส่ายหน้า ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ และไม่มีความดีความชอบที่น่าตื่นตกใจ กลับถูกแต่งตั้งขึ้นสูงคับฟ้าเป็นถึงจวิ้นจู่ เป็นเรื่องดีหรือร้ายยังไม่แน่นอน แม้หนานกงมั่วจะมิใช่คนคิดมาก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ ไตร่ตรองให้มากไว้จะดีกว่า อย่างน้อย…คนที่อิจฉาริษยาคงมีไม่น้อยเลยทีเดียว ฮ่องเต้ช่างหาศัตรูให้นางได้เก่งจริงๆ
เจิ้งซื่อมองเหตุการณ์ตรงหน้า กัดฟันอยู่นานกว่าจะเปล่งเสียงออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ยินดีกับคุณหนูใหญ่แล้ว”
หนานกงมั่วตอบเสียงเรียบ “เป็นพระคุณของฝ่าบาทที่มอบแก่บิดาเท่านั้น”
เจิ้งซื่อขยำผ้าในมือ พระคุณของฝ่าบาทที่มอบให้ท่านพี่ สุดท้ายบุตรีของนางถูกส่งไปเป็นอนุ ทว่าหนานกงมั่วกลับถูกยกขึ้นสูงกลายไปเป็นจวิ้นจู่ หนานกงมั่วมองใบหน้าบิดเบี้ยวของเจิ้งซื่อจึงเลิกคิ้วขึ้น กวาดตามองไปยังหลินซื่อที่ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและไม่พอใจ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างคร้านจะสนใจพวกเขา “ข้าคงต้องขอตัวแล้ว”
“นายท่านและคุณชายใหญ่กลับมาแล้วขอรับ” มีเสียงดังเข้ามาจากด้านนอก
หนานกงไหวและหนานกงชวี่สาวเท้าเข้ามาด้วยความรวดเร็ว หน้าประตูยังมีรางวัลมากมายที่คนในวังส่งมาให้ยังไม่ทันได้เก็บ เมื่อหนานกงไหวมองเห็น สีหน้าจึงยิ่งดีขึ้นอีกเป็นเท่าตัว มองสำรวจหนานกงมั่วที่ยังคงยืนนิ่งด้วยท่าทางสงบเงียบอยู่ด้านข้าง หนานกงไหวพยักหน้า ไม่ตื่นตระหนก ดีมาก
“ท่านพี่…” มองเห็นหนานกงไหว เจิ้งซื่อรีบเข้าไปต้อนรับ เอ่ยด้วยใบหน้าน่าสงสาร
คิ้วเข้มของหนานกงไหวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ “มั่วเอ๋อร์ถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่เป็นเรื่องดี ท่าทางของเจ้าเช่นนี้คืออันใด สั่งการลงไป คืนนี้ทุกคนได้รับรางวัลเป็นงานเลี้ยงโต๊ะใหญ่ ร่วมแสดงความยินดี รวมทั้งส่วนแบ่งของครอบครัวในเดือนนี้เพิ่มขึ้นสองส่วน อีกทั้งเงินเดือนของบ่าวในจวน…”
เจิ้งซื่อกลัวว่าเขาจะเอ่ยให้รางวัลอีก จึงรีบเอ่ยขึ้น “ท่านพี่ คุณหนูใหญ่สั่งไปแล้วเจ้าค่ะ” แม่รู้ว่าแต่ละคนนั้นเพิ่มไม่มาก ทว่าเมื่อรวมกันทั้งจวนแล้วมันทำให้เจิ้งซื่อที่แทบจะเรียกได้ว่าโชคร้ายในช่วงนี้ต้องเจ็บปวดไม่น้อย หนานกงไหวมองหนานกงมั่ว พยักหน้าพึงพอใจ “มั่วเอ๋อร์รอบคอบก็ดีแล้ว”
ด้านข้าง หลินซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ น้องสาวถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่เป็นเรื่องน่ายินดี จวนเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองและเชิญผู้มีอำนาจในจินหลิงมาร่วมด้วยหรือไม่เจ้าคะ”
หนานกงไหวเงียบไปชั่วครู่ หันกลับไปถามหนานกงมั่ว “มั่วเอ๋อร์ เจ้าเห็นเช่นไร”
หนานกงมั่วส่ายหน้า “ท่านพ่อ มากเกินไปเจ้าค่ะ พระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทแน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่คนที่อิจฉาตาร้อนในจินหลิงก็คงมีไม่น้อย เราฉลองกันในจวนเราเพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว งานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่นับเป็นการอวดอ้าง ยิ่งไปกว่านั้นอีกสองวันก็เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระชายารัชทายาทแล้ว เราจะแย่งความมีหน้ามีตากับพระชายารัชทายาทหรือเจ้าคะ” หลินซื่อขมวดคิ้ว มองหนานกงมั่วเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย “น้องสาวพูดอันใดกัน จัดงานเลี้ยงใช่ว่าจะฉลองให้น้องสาวเพียงเท่านั้น ยังเป็นการแสดงให้คนในจินหลิงได้เห็นว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับจวนฉู่กั๋วกงมากเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้ท่านพี่และน้องรองก็มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว ต้องป่าวประกาศเสียหน่อย เรื่องใหญ่เพียงนี้ยังไม่คิดเชิญแขกเหรื่อ คนอื่นจะคิดว่าเราอยู่สูงไม่เห็นหัวคนนะ”
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ยเสียงเรียบ “พี่สะใภ้คิดมากไปแล้ว ผู้มีอำนาจในเมืองจินหลิงคงชินไปตั้งนานแล้วถึงจะถูก ตระกูลหนานกงแม้แต่ผู้นำที่เป็นสตรียังไม่มี ยังคิดจัดงานเลี้ยงอันใด ถึงตอนนั้นหากละเลยแขกผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายจะไม่เป็นการสร้างความลำบากให้พี่ใหญ่และพี่รองหรอกหรือ”
หลินซื่อยินดีอยู่ในใจ นึกว่าหนานกงมั่วเอ่ยถึงเรื่องนี้เพราะเข้าข้างตนเอง อย่างไรเสียเมื่อเทียบกับเจิ้งซื่อ อย่างน้อยนางที่เป็นฮูหยินน้อยยังดูเหมาะสมให้ดูแลบรรดาผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นมากกว่า แต่ไม่คิดว่าหนานกงมั่วได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว หากเอ่ยถึงเรื่องนี้เมื่อใดหนานกงไหวมักทำเป็นละเลยไม่สนใจทุกครั้ง ดังนั้นจึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกไป และก็เป็นดังนั้นจริง สีหน้าของหนานกงไหวเปลี่ยนไป ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยอันใดอีก เพียงกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เอาตามที่มั่วเอ๋อร์ว่าเถิด เวลานี้จวนของเราไม่ควรเกินหน้าเกินตาไปจริงๆ”
หนานกงมั่วมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินซื่อ มองหนานกงไหวที่ดูเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็แอบเลิกคิ้วอยู่ในใจ น่าแปลกใจจริงๆ ระหว่างหนานกงไหวและเจิ้งซื่อนั้นมีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่ บอกว่ารักเจิ้งซื่ออย่างแท้จริงหรือ เมื่อมองดูท่าทีและการจัดการเรื่องของหนานกงซูแล้วก็ไม่คล้ายจะเป็นเช่นนั้น คงไม่ใช่ว่าหนานกงไหวรักเจิ้งซื่อทว่าไม่รักบุตรีของเจิ้งซื่อหรอกใช่หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ดูผิวเผินเจิ้งซื่อดูเหมือนมีหน้ามีตา แต่หนานกงไหวกลับควบคุมอำนาจและทรัพย์ในจวนฉู่กั๋วกงเอาไว้เพียงผู้เดียว อำนาจของเจิ้งซื่อนั้นน้อยกว่าอำนาจของฮูหยินในจวนทั่วไปมาก ไม่รู้ว่า…พี่ชายใหญ่ของนางจะแปลกใจเหมือนกันหรือไม่ หันกลับไปมองหนานกงชวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างทำราวกับไม่มีตัวตน ก็เห็นว่าเขากำลังจ้องมองไปยังหนานกงไหวอยู่ สองพี่น้องสบสายตาทว่าต่างฝ่ายต่างเบนหนีไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
จวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง
เรือนเล็กๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวน แสงเทียนยังคงส่องแสง หนานกงซูในอาภรณ์สีชมพูกำลังนั่งอยู่บนเตียง กวาดตามองสีชมพูทั่วห้อง อดไม่ได้ใช้มือเล็กขย้ำผ้าในมือแน่น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางจะกลายเป็นเชื้อสายรองของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอย่างแท้จริง แม้นับแต่นี้จะได้อยู่เคียงคู่กับเซียวหลางผู้เป็นที่รัก แต่สีชมพูที่ได้เห็นกลับทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ
อนุ ก็คือทาส นับแต่นี้ต่อไปนางไม่สามารถสวมเสื้อผ้าสีแดงที่แสดงถึงเชื้อสายหลัก ทุกวันเช้าเย็นต้องไปถวายพระพรพระชายา เวลาทานข้าวนางต้องยืนคอยจัดการจานอาหารอยู่ด้านหลังพระชายา พระชายาไม่มีคำสั่งให้นางนั่งนางก็ต้องยืน…นางมิใช่คุณหนูจวนฉู่กั๋วกงผู้สูงส่งอีกแล้ว แม้แต่ท่านพ่อก็… มองสินเจ้าสาวไม่กี่กล่องที่วางเด่นชัดอยู่ตรงนั้น หนานกงซูรู้สึกสับสนอยู่ในใจ ไม่รู้ว่ารสขมหรือฝาดเฝื่อนมีมากกว่ากัน