“ถวายพระพรพระชายา” เสียงของทั้งเจ็ดแปดคนดังขึ้นทั่วศาลาดอกไม้ เอ่ยถวายพระพรหยวนซื่อโดยพร้อมเพรียงกัน
หยวนซื่อพยักหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “ลุกขึ้นเถิด ชายารองนั่งลงเถิด”
ชายารองในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนซึ่งยืนอยู่หน้าสุดเอ่ยขอบคุณด้วยท่าทางอ่อนหวาน เดินมานั่งลงด้านข้าง คนอื่นๆ เป็นเพียงอนุภรรยาจึงจำต้องยืนต่อไป ได้ยินเสียงหวานของชายารองเอ่ยขึ้น “พระชายาเพคะ วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระชายารัชทายาท จวนของเรามีแผนการเช่นไรหรือเพคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของทุกคนจึงวาววับขึ้น หากได้ไปร่วมงานเลี้ยง ได้โอกาสเอาอกเอาใจพระชายารัชทายาทคงมีหน้ามีตาขึ้นมาบ้าง เพียงแต่น่าเสียดายพระชายารัชทายาทไม่อยากพบเจอกับพวกนางที่เป็นอนุเท่าใดนัก แม้แต่ชายารองก็เคยไปถวายพระพรพระชายารัชทายาทเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนมีแต่พระชายาที่ไปด้วยตนเอง
หยวนซื่อเหลือบตามองทุกคนด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป เอ่ย “เรื่องนี้ท่านอ๋องบอกกับข้าแล้ว น้องสาวหนานกงพึ่งเข้าจวนมา อีกทั้งยังเป็นน้องสาวของซิงเฉิงจวิ้นจู่ วันนี้ให้ชายารองกับน้องสาวหนานกงติดตามข้าก็แล้วกัน ส่วนคนอื่นๆ ข้าจะนำของขวัญของพวกเจ้าไปมอบให้กับเสด็จแม่เอง พวกเจ้าจัดโต๊ะฉลองให้เสด็จแม่ที่เรือนตนเองเถิด” แม้จะเป็นผู้หญิงของเย่ว์จวิ้นอ๋อง แต่มิใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันประสูติของมารดาเย่ว์จวิ้นอ๋อง ใบหน้าของหนานกงซูชาวาบ ในใจรู้ดีว่าหยวนซื่อต้องการจะบอกให้นางรู้ว่าหากมิใช่เพราะต้องไว้หน้าตระกูลหนานกงนางย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยง ซึ่งเดิมทีก็ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว นางเกิดในชาติตระกูลที่ดีเป็นที่พึ่งของนางได้ก็จริง แต่หยวนซื่อตั้งใจเอ่ยถึงหนานกงมั่วเพื่อให้นางรู้สึกละอายมากขึ้น นางคล้ายรู้สึกได้ถึงสายตาเย้ยหยันจากสตรีเหล่านี้
หนานกงซูกะพริบตา ควบคุมน้ำตาเอาไว้ เอ่ยตอบรับเสียงเบา “เพคะ ขอบพระทัยพระชายา”
หยวนซื่อปรายตามองนางเล็กน้อย เอ่ย “วันคล้ายวันประสูติเสด็จแม่เป็นเรื่องดี เจ้าแสดงสีหน้าเช่นนี้หมายความเช่นไร หากไม่เต็มใจไม่ต้องไปก็ได้”
ชายารองปิดปากยิ้มเยาะ “พระชายาอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ คิดว่าน้องสาวหนานกงคงคิดถึงครอบครัว ได้ยินว่างานเลี้ยงจะได้เจอกับครอบครัว จึงอดรู้สึกยินดีมิได้เพคะ”
พระชายาส่งเสียงหยัน ไม่มองหนานกงซูอีก หันกลับไปพูดคุยกับชายารอง
…
หลังจากหนานกงมั่วทานอาหารกลางวันแล้ว จากนั้นก็นั่งรถม้ามุ่งตรงไปยังจวนรัชทายาท ด้านหลังนางติดตามมาด้วยรถม้าของเจิ้งซื่อและหลินซื่อ งานเลี้ยงของพระชายารัชทายาทไม่นับว่าเป็นงานเลี้ยงทางการของพระราชวัง แม้จะมิให้ค่าเจิ้งซื่อเพียงใดแต่เพราะเห็นแก่หน้าหนานกงไหวจึงต้องเชิญเจิ้งซื่อมาด้วย ทว่าเจิ้งซื่อและหลินซื่อนั้นไร้ซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์อย่างเป็นทางการ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบรรดาสตรีมียศสูงศักดิ์มากมาย หลินซื่ออายุยังน้อยถูกเชิญมานับว่าเป็นเรื่องดี ส่วนเจิ้งซื่อนั้นกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่มากทีเดียว
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่มาแล้วเพคะ”
เสียงรายงานดังขึ้น ทุกคนต่างหันมองไปยังประตูจวนรัชทายาท เห็นหญิงสาวในอาภรณ์สีขาวนวลงดงามลงมาจากรถม้าที่มีสัญลักษณ์จวนฉู่กั๋วกง ผิวนวลผ่องดุจหิมะ เส้นผมสลวยพริ้วไหวขับให้นางดูโดดเด่น ใบหน้างดงามดั่งภาพวาด บนศีรษะถูกประดับด้วยอัญมณีเม็ดสวยแกว่งไกวไปมา ชิ้นหยกสีฟ้าครามถูกแขวนอยู่ที่เอวบาง ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนปักไหมทอง ส่งให้นางงามสง่ามากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนอดที่จะแสดงความตื่นเต้นออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเห็นไม่ได้
ด้วยเหตุที่หยวนซื่อตั้งครรภ์อยู่ หน้าที่รับแขกสตรีทั้งหลายจึงตกเป็นของเชื้อสายรองของรัชทายาท หนึ่งในนั้นคือภรรยาของเซียวเชียนลั่วโอรสองค์ที่สามของรัชทายาทที่หนานกงมั่วเคยเจออยู่หนึ่งครั้ง แม้จะเป็นเชื้อสายรอง แต่ล้วนได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นจวิ้นอ๋องแล้วทั้งนั้น หลายคนจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระชายาจวิ้นอ๋องตามไปด้วย ดังนั้นทุกคนจึงไม่กล้าละเลย
“จวิ้นจู่มาถึงแล้ว ต้องขออภัยด้วยหากบกพร่องในเรื่องใด” ชายาของเซียวเชียนลั่วรีบออกหน้ารับ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ โค้งตัวให้พระชายาผู้ดูรีบร้อนเล็กน้อย “ถวายพระพรพระชายาทั้งสามพระองค์ พระชายาเฉิงกล่าวหนักเกินไปแล้วเพคะ”
พระชายาเฉิงจวิ้นอ๋องที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งใหม่ยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะเบาๆ “อันใดกัน แม้แต่เสด็จปู่ยังชื่นชมจวิ้นจู่ พวกเราได้มาต้อนรับจวิ้นจู่นับว่าเป็นวาสนาอย่างยิ่งแล้ว เสด็จแม่เองยังเอ่ยปากอยากพบจวิ้นจู่เลย” อีกสองคนคอยส่งเสียงเห็นด้วยอยู่ด้านข้าง ดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี หนานกงมั่วยิ้มบางๆ “เป็นหม่อมฉันที่ควรไปถวายพระพรพระชายารัชทายาทจึงจะถูก พระชายาทั้งสามคงมีธุระมากมาย หนานกงมั่วไม่รบกวนเวลาแล้วเพคะ”
ด้านหลังยังมีแขกเหรื่อตามเข้ามาอีกมาก พระชายาทั้งสามไม่มีเวลาทว่ายังคงพูดคุยเล่นอยู่ตรงนี้ พระชายาเฉิงจวิ้นอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้ คงต้องรบกวนพี่สะใภ้ใหญ่และน้องสะใภ้สักครู่ ข้าจะพาจวิ้นจู่เข้าไปด้านใน” แน่นอนพระชายาที่เหลืออีกสองคนนั้นเห็นด้วย พยักหน้าให้หนานกงมั่วด้วยรอยยิ้มและเดินไปรับแขกต่อ น่าสงสารเจิ้งซื่อและหลินซื่อที่เดินตามหลังหนานกงมั่วมาแต่กลับถูกละเลยไป ท่ามกลางสตรีที่แต่งตัวหลากสีสันมากมาย เจิ้งซื่อในชุดสีแดงไม่ถูกมองว่าเป็นแม่นมของหนานกงมั่วก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว สำหรับหลินซื่อ การแสดงออกว่าตนนั้นต่ำต้อยของนางทำให้คนอื่นๆ ละเลยต่อนางไป
ขณะเดินตามหลังพระชายาเฉิงจวิ้นอ๋องและหนานกงมั่ว มองหนานกงมั่วที่พูดคุยสนุกสนานกับพระชายาเฉิงจวิ้นอ๋อง ใบหน้าเจิ้งซื่อก็ตึงขึ้น หลินซื่อริษยาอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่เคยร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้มาก่อนนางจึงระมัดระวังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ต่อให้ไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าทำสิ่งใด เจิ้งซื่อที่เดินอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ปรายตามองท่าทางระมัดระวังตัวเกินไปของนาง ได้แต่คิดอยู่ในใจสมแล้วที่ไม่ได้รับการยกย่องออกหน้าออกตา
“ถวายพระพรพระชายารัชทายาท ขอพระชายาทรงมีอายุยืนยาว สุขภาพร่างกายแข็งแรงเพคะ” เดินตามพระชายาเฉิงจวิ้นอ๋องเข้ามา หนานกงมั่วเอ่ยถวายพระพรเสียงใส
ปีนี้พระชายารัชทายาทอายุเลยสี่สิบพรรษาแล้ว ทว่ายังดูราวกับสามสิบพรรษาเท่านั้นไม่ต่างจากเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ เลย พระชายารัชทายาทเองได้รับการแต่งตั้งหลังจากก่อตั้งประเทศลุล่วงแล้ว แม้ใบหน้างดงามทว่านิสัยกลับแข็งแกร่ง หยวนซื่อพูดคุยด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านข้างพระชายารัชทายาท เห็นได้ชัดว่าพระชายารัชทายาทเองถูกใจลูกสะใภ้ผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
“นี่คือซิงเฉิงจวิ้นจู่หรือ รีบเข้ามาเร็ว” พระชายารัชทายาทเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หนานกงมั่วยืดตัวขึ้น “ขอบพระทัยพระชายาเพคะ”
พระชายารัชทายาทมองสำรวจหนานกงมั่ว เอ่ยชื่นชม “สมแล้วที่เป็นบุตรีของฉู่กั๋วกงและคุณหนูตระกูลเมิ่ง ใบหน้างดงามนี้ช่างเป็นที่ต้องตาผู้คนที่พบเห็น มิน่าหยวนซื่อจึงเอาแต่ชื่นชมจวิ้นจู่ น้องห้า ยามนี้เจ้าคงสมปรารถนาแล้ว”
ที่ด้านข้าง องค์หญิงฉังผิงยกมือขึ้นปิดบังรอยยิ้มเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้มหวาน “นางยังเป็นเด็กสาว พี่สะใภ้เอ่ยชื่นชมเช่นนี้ไหนเลยนางจะกล้ารับเล่าเพคะ”
พระชายารัชทายาทหันมามองนาง “เจ้าอย่าคิดว่าข้ามองไม่เห็นสายตาพึงพอใจของเจ้าเล่า เร็ว จวิ้นจู่ไปนั่งข้างๆ แม่สามีของเจ้า นางจะได้ไม่กลัวข้าจะรังแกเจ้า” ได้ยินวาจาของพระชายารัชทายาท ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา หนานกงมั่วจึงกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางเขินอายและนั่งลงด้านข้างองค์หญิงฉังผิง
องค์หญิงฉังผิงคว้ามือนางเอาไว้ เอ่ยกระซิบเสียงเบา “เด็กดี พระชายารัชทายาทก็เป็นเช่นนี้ ไม่ได้ใจร้ายอันใด เจ้ามิต้องกลัวไป”
หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเบา “หม่อมฉันรู้เพคะ ทำให้องค์หญิงต้องเป็นห่วงแล้ว” แน่นอนว่านางดูออกถึงนิสัยของพระชายารัชทายาท มิน่าเล่าพระชายารัชทายาทจึงมิได้เป็นที่โปรดปราณ ได้ยินว่ารัชทายาทนั้นอ่อนโยนแตกต่างจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ในทางกลับกันเซียวเชียนเยี่ยนั้นได้นิสัยจากบิดาไปหลายส่วน บุรุษเช่นนั้นกว่าแปดส่วนย่อมไม่ชื่นชอบสตรีนิสัยเถรตรงเช่นพระชายารัชทายาทเท่าใดนัก