หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 210 พระประสงค์ของฝ่าบาท (1)

ตอนที่ 210 พระประสงค์ของฝ่าบาท (1)

“ขอรับ เจ้าสำนัก”

หนานกงมั่วออกมาจากห้องเก็บฟืน เดินไปถึงประตูเรือนแล้วจึงหยุดลง เงียบอยู่ชั่วครู่ “ยอดฝีมือท่านใด ไยมาถึงแล้วจึงไม่ปรากฏตัว”

ได้ยินที่หนานกงมั่วกล่าว คนที่เคลื่อนไหวก่อนมิใช่ยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ ทว่าเป็นองครักษ์ของวังจื่อเซียวที่ซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ เวลาเพียงไม่นานก็มีองครักษ์กว่าเจ็ดแปดคนยืนทั่วไปหมด มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง พวกเขาไม่รับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย หากหนานกงมั่วไม่ได้เข้าใจผิด เช่นนั้นอีกฝ่ายคงเป็นยอดฝีมือที่พวกเขามิอาจต่อกรได้ง่ายๆ

ทั่วทั้งเรือนเงียบลงไปชั่วครู่ ในยามที่หนานกงมั่วกำลังหมดความอดทน เสียงหัวเราะทุ้มต่ำจึงดังขึ้น “เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ ร้ายกาจนี่นา รับรู้ถึงร่องรอยของข้าได้” เงาดำเคลื่อนไหว ร่างของกงอวี้เฉินปรากฏขึ้นบนกำแพง หันไปมองเห็นผู้มาเยือน หนานกงมั่วขมวดคิ้วขึ้น หลายวันมานี้นางได้รู้แจ้งถึงการตอแยและความโหดเหี้ยมของกงอวี้เฉินเป็นอย่างดี เพียงได้เห็นจังติ้งฟังถูกเขาหลอกจนไม่มีแม้แต่คนเก็บศพก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไร ที่สำคัญก็คือคนผู้นี้มีวรยุทธล้ำเลิศไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

หลุบตาลง หนานกงมั่วจึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เจ้าสำนักกง ท่านคิดจะทำอันใด”

กงอวี้เฉินถอนหายใจ กล่าว “ข้าอยากบอกว่าเพราะคิดถึงมั่วเอ๋อร์จึงมาหา น่าเสียดาย…ข้าอยากได้คนคนนั้น”

ดวงตาหนานกงมั่ววาวขึ้น เข้าใจทันใด “เซียนซิ่วสุ่ยหรือ”

กงอวี้เฉินหัวเราะพลางตอบ “เซียนยาพิษมีตาหามีแววไม่ถึงได้ไปล่วงเกินเสี่ยวมั่วเอ๋อร์ ขอเจ้าไว้หน้าข้าช่วยไว้ชีวิตนางด้วยเถิด ถือเสียว่าข้าติดหนี้เจ้าสักครั้งเป็นอย่างไร” หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ย “เจ้าสำนักกงกล่าวได้น่าขันแล้ว ข้าไม่ชื่นชอบให้ใครมาติดหนี้ข้า ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังดูเหมือนจะเป็นศัตรูเสียมากกว่า เช่นนั้นแสดงว่าหนี้ของคนผู้นี้มีโอกาสกว่าแปดส่วนที่ข้าจะไม่ได้คืน”

ดวงตาของกงอวี้เฉินจมลึก มองใบหน้าเรียบนิ่งของหนานกงมั่ว “กล่าวเช่นนี้ เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ไม่คิดจะไว้หน้าข้าเลยใช่หรือไม่ เพียงเพราะของขวัญไม่กี่ชิ้นนี้…จะเป็นศัตรูกับข้าเช่นนั้นหรือ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เจ้าสำนักคิดจะแย่งชิงงั้นหรือ”

กงอวี้เฉินจนปัญญา “หากเจ้ายอมปล่อยให้ข้าเอาตัวนางไป ข้าก็ไม่ต้องแย่ง”

หนานกงมั่วยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าสำนักจะลองดูก็ได้”

กงอวี้เฉินกอดอกจ้องมองนางด้วยท่าทางสนอกสนใจ “ลงมือที่นี่ไม่เป็นไรแน่หรือ ข้าตัวคนเดียวไม่เป็นไรอยู่แล้ว เพียงแต่…เมื่อต่อสู้กันเสร็จแล้วเกรงว่าร้านเย็บปักของมั่วเอ๋อร์คงจะเปิดต่อไปไม่ได้” หากทางการล่วงรู้ว่าร้านเย็บปักเล็กๆ นี้ซ่อนยอดฝีมือเอาไว้มากมายเช่นนี้ อย่าว่าแต่กิจการเย็บปักเลย เกรงว่าเจ้าของกิจการคงต้องวุ่นวายไม่น้อย ด้วยเหตุนี้กงอวี้เฉินจึงเลือกเวลานี้เข้ามาแย่งตัวคน

หนานกงมั่วเงียบ ด้านหลังมีเสียงของลิ่นฉังเฟิงดังขึ้น เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ “เจ้าสำนักกงมาเพราะเซียนซิ่วสุ่ยหรือ ไม่มีปัญหา คืนเซียนซิ่วสุ่ยให้เจ้าก็ได้”

กงอวี้เฉินเหลือบมองไปยังคนที่เดินเข้ามาใหม่ด้านหลัง ใบหน้าของลิ่นฉังเฟิงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม จึงเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “โอ้ เจ้าสำนักลิ่นใจกว้างเพียงนี้เลยหรือ”

ลิ่นฉังเฟิงปัดมือไปมา “จะมีอะไรได้ แม่นางมั่วไม่มีความสนใจต่อเซียนซิ่วสุ่ย จะให้ข้าเก็บนางไว้เปลืองข้าวเปลืองน้ำหรือ เจ้าสำนักจินอยากได้ก็รีบเอาไปเถิด เด็กๆ เอาตัวเซียนซิ่วสุ่ยออกมา” ไม่นานองครักษ์สองคนจึงพาตัวเซียนซิ่วสุ่ยออกมา โยนลงไปบนพื้น เซียนซิ่วสุ่ยที่เมื่อครู่โอหังต่อหน้าหนานกงมั่วยามนี้ร้องโหยหวน แขนเสื้อทั้งสองข้างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แม้จะถูกแขนเสื้อปิดเอาไว้ทว่ามองออกได้ชัดเจนว่าภายใต้แขนเสื้อนั้นว่างเปล่า ใบหน้ากงอวี้เฉินทะมึน ดวงตาคมเข้มจ้องเขม็งไปยังลิ่นฉังเฟิง “เจ้าหลอกข้า”

ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว “เจ้าสำนักกงต้องการตัวเซียนซิ่วสุ่ยมิใช่หรือ หรือว่านี่ไม่ใช่เซียนซิ่วสุ่ย”

กงอวี้เฉินส่งเสียงไม่พอใจ เขาต้องการเซียนซิ่วสุ่ยที่สร้างและใช้พิษได้ เซียนยาพิษที่ไม่มีมือทั้งสองข้างแล้วจะเรียกว่าเซียนยาพิษได้อีกหรือ หอธาราของเขาไม่ใช่ที่ที่จะรับขยะไร้ประโยชน์ไว้แน่

“เจ้าสำนักลิ่นช่างมีฝีมือ” กงอวี้เฉินเอ่ยขึ้นเสียงเย็น ลิ่นฉังเฟิงยิ้ม “ชมเกินไป ใครใช้ให้นางไปล่วงเกินผู้ที่ไม่ควรล่วงเกินกันเล่า หากให้นางเดินออกไปได้ง่ายๆ วังจื่อเซียวของเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน คนที่เจ้าสำนักกงต้องการอยู่ตรงนี้แล้ว เชิญเจ้าสำนักตามสบายเถิด” กงอวี้เฉินกวาดตามองเซียนซิ่วสุ่ยที่มองมายังตนด้วยสายตาเฝ้ารอด้วยความรังเกียจ ส่งเสียงหยัน จากนั้นสะบัดแขนเสื้อออกไปทันที

ลิ่นฉังเฟิงยิ้มตาหยีหันไปหาเซียนซิ่วสุ่ย “ดูเหมือนว่า เจ้าสำนักกงก็ไม่มีความสนใจต่อเซียนซิ่วสุ่ยแล้วเช่นกัน น่าเสียดายจริงๆ นึกว่าเจ้าสำนักกงจะช่วยพาตัวเจ้าออกไปแทนข้าเสียอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้…พวกเจ้า ใครก็ได้ เอานางออกไปทิ้งนอกเมืองเสีย จริงสิ…อย่าลืมป่าวประกาศให้ผู้คนในยุทธภพได้รับรู้ทั่วกันด้วย เซียนซิ่วสุ่ย…อือฮึ ต่อไปคงไม่อาจวางยาได้อีกแล้ว ขอให้ทุกคนวางใจได้”

เซียนซิ่วสุ่ยจ้องมองลิ่นฉังเฟิงด้วยความโกรธแค้นแทบพ่นพิษออกมาด้วยตาได้ เช่นนี้ไหนเลยจะเป็นการป่าวประกาศให้ทุกคนวางใจ เห็นได้ชัดว่ากำลังส่งสัญญาณให้ผู้คนในยุทธภพมาล้างแค้นนางต่างหาก

หันกลับไปมองหนานกงมั่วที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง เซียนซิ่วสุ่ยจึงเอ่ยอย่างโกรธแค้น “หนานกงมั่ว เจ้ามันโหดเหี้ยม”

คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น มองหญิงสาวตรงหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เอ่ยตอบเชื่องช้า “หรือว่าเซียนยาพิษอย่างเจ้าคิดว่าข้าจะเอาคืนด้วยวิธีที่มีคุณธรรมเช่นนั้นหรือ เกรงว่าแม้แต่ตอนนี้ เซียนยาพิษอย่างเจ้าคงไม่เคยคิดเลยว่าหากหนานกงมั่วเป็นหญิงสาวธรรมดา หากแผนการของเจ้าสำเร็จ หนานกงมั่วจะมีจุดจบเช่นไร คนเยี่ยงเจ้า ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เจ้าล่วงเกินข้า ต่อให้เจ้าไม่ได้ล่วงเกินข้า เมื่อได้พบเจอข้าก็อยากจะฆ่าเจ้าให้ตาย”

“เจ้า” หากเป็นสตรีที่นึกว่าตนเองเป็นคนดีมีคุณธรรมเช่นนั้นก็คงจะด่าไปสักประโยคสองประโยค น่าเสียดายที่หนานกงมั่วมิใช่คนจิตใจดีมีคุณธรรม แม้แต่เซียนยาพิษที่มีชื่อเสียงก้องไปทั่วปฐพียังต้องยอมรับว่าตนนั้นโชคร้าย แม้จะอยากด่าเพียงใดก็ด่าไม่ออก

“เอาตัวไป จะเสียเวลาพูดพร่ำเพรื่อกับนางไปทำไมกัน” ลิ่นฉังเฟิงโบกมือ เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

องครักษ์สกัดจุดและเอาตัวนางออกไป ลิ่นฉังเฟิงหันมาหาหนานกงมั่ว เลิกคิ้วพลางเอ่ย “กงอวี้เฉินผู้นี้ตามติดเป็นเงาไม่เลิกรา เมื่อก่อนหลายปีกว่าจะปรากฏตัวในยุทธภพสักครั้ง ยามนี้กลับมาโผล่ที่จินหลิงติดกันสองสามครั้งแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ แม่นางมั่ว ระวังตัวด้วย” หนานกงมั่วพยักหน้า กล่าว “วางใจเถิด ในจินหลิงหากเขาคิดจะทำอันใดคงต้องไตร่ตรองให้ดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเองก็ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายเพียงนั้น”

เมื่อนึกถึงวรยุทธของหนานกงมั่ว ลิ่นฉังเฟิงก็วางใจขึ้นมา ทว่ายังคงเอ่ยย้ำ “อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องระวังเอาไว้บ้าง”

กล่าวขอบคุณการเตือนของลิ่นฉังเฟิง หนานกงมั่วจึงหมุนตัวเดินออกจากร้านเย็บปัก เพียงเดินออกจากร้านไปหนานกงมั่วก็มองเห็นกงอวี้เฉินยืนพิงกำแพงอยู่มุมตรงข้ามกำลังมองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม หนานกงมั่วปรายตามองเขานิ่งๆ หมุนตัวเดินมุ่งตรงไปทางจวนฉู่กั๋วกง เมื่อเดินไปถึงหัวมุมถนนอีกเส้นก็มองเห็นกงอวี้เฉินที่ยังอยู่ในอิริยาบถเดิมอีกครั้ง หนานกงมั่วนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่จึงหมุนตัวเดินตรงเข้าร้านน้ำชาใกล้ๆ

พึ่งนั่งลงได้ไม่นานก็มองเห็นกงอวี้เฉินสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างหนานกงมั่ว จากนั้นจึงนั่งลงด้วยตนเอง ยิ้มพลางเอ่ย “เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ ไม่ได้พบกันนานเลย”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท