“โอ้อวดไม่รู้จักละอายใจ” หนานกงซูกัดฟัน
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ยเสียงกระซิบ “เจ้ากับหว่านฮูหยินก็เป็นหลักฐานให้เห็นได้แล้วมิใช่หรือ ข้ายังมีธุระ น้องสาวกับหว่านฮูหยินคุยกันไปเถิด”
เมื่อมองหนานกงมั่วย่างกรายออกไป หนานกงซูทุบโต๊ะจนชุดน้ำชาตรงหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ เจิ้งซื่อตกใจ รีบปลอบโยน “คุยกันแล้วว่าจะอดทนมิใช่หรือ ไยจึงเกรี้ยวกราดอีกแล้วเล่า” หนานกงซูโกรธจนน้ำตาแทบไหลริน กำแขนเสื้อของเจิ้งซื่อเอาไว้แน่น “ท่านแม่ นางตั้งใจ นางตั้งใจยั่วโมโหข้า” เจิ้งซื่อถอนหายใจจนปัญญา “ตอนนี้เราจะทำอันใดได้ นางถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ แม้แต่ท่านพ่อเจ้าก็ทำอะไรนางไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพ่อเจ้ายังเชื่อฟังนางไปเสียทุกอย่าง…”
หนานกงซูเช็ดน้ำตาพลางเอ่ย “ตั้งแต่นางกลับมา…เรื่องทุกอย่างก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง…นางกลับมาทำไมกัน…”
หลินซื่อมีความสุขเมื่อเห็นพวกนางเป็นทุกข์ เอ่ยขึ้น “ตอนนั้นรับน้องสาวกลับมา ไม่ใช่เพื่อเจ้าหรอกหรือ น่าเสียดายแล้ว อย่างไรเว่ยซื่อจื่อก็ยังเป็นถึงผู้สืบทอดจวิ้นอ๋อง หากตอนนั้นน้องสาวไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยแต่งออกไปก็ได้เป็นถึงพระชายาซื่อจื่อ ไหนเลยจะเหมือนตอนนี้…”
“หุบปาก!” เจิ้งซื่อโมโห “มิรู้จักพูดก็อย่าได้เอ่ยปาก”
หลินซื่อส่งเสียงหยัน ไม่โต้เถียงกับเจิ้งซื่ออีก เพียงนั่งดื่มชาไปเงียบๆ
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่” หนานกงมั่วเดินอ้อมภูเขาจำลอง หยุดเท้าและหันกลับไปมองสาวใช้ที่เดินตามหลังมา เอ่ยถาม “มีอันใดหรือ”
สาวใช้แสดงท่าทางนอบน้อม กล่าวว่า “คุณหนูเซี่ยเพ่ยหวนแห่งตระกูลเซี่ยอยู่ที่ลี่สุ่ยเซวียน เชิญจวิ้นจู่ไปด้วยกันเจ้าคะ”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ลี่สุ่ยเซวียนงั้นหรือ”
สาวใช้ยิ้มตอบกลับไป “ลี่สุ่ยเซวียนเป็นศาลาเล็กๆ เหนือน้ำที่อยู่ภายในจวนแห่งนี้เจ้าค่ะ ยามนี้แม้ดอกบัวจะเหี่ยวเฉาไปแล้ว แต่ฝักบัวกำลังพอเหมาะ คุณหนูเซี่ยกำลังเก็บฝักบัวอยู่ที่ลี่สุ่ยเซวียนเจ้าค่ะ”
“มีแค่เซี่ยสามคนเดียวหรือ”
สาวใช้พยักหน้า “คุณหนูเซี่ยสามชอบความสงบ จึงไม่ได้มาสนุกสนานกับคนอื่นๆ ในสวนเจ้าค่ะ ทุกครั้งที่คุณหนูเซี่ยมาจวนรัชทายาทก็มักไปเล่นที่ลี่สุ่ยเซวียน”
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าเดินนำทางไปเถิด”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่ เชิญทางนี้เจ้าค่ะ”
เดินตามสาวใช้ผ่านสวนไป เลี้ยวไปอีกสองมุมก็มองเห็นทะเลสาบเล็กๆ ทะเลสาบสีเขียวที่ปกคลุมไปด้วยใบบัว ระหว่างใบบัวมีฝักบัวมากมายกำลังโตพอดีให้เก็บ ด้านข้างมีศาลาเล็กๆ ยื่นไปเหนือน้ำ มีแผ่นป้ายเล็กๆ ตรงหน้าเขียนคำว่า ลี่สุ่ยเซวียน เอาไว้ ศาลาเล็กๆ แห่งนี้ครึ่งหนึ่งยื่นลงไปในน้ำ หากฤดูร้อนมาอยู่ที่ศาลาแห่งนี้คงจะรู้สึกเย็นขึ้นไม่น้อย ตอนนี้แม้จะเลยฤดูร้อนมาแล้ว ทว่าอากาศยังคงร้อนอยู่ เพียงเดินเข้าใกล้ทะเลสาบกระแสความเย็นก็พรูเข้ามา
ด้านล่างมีสาวใช้สองคนยืนเฝ้าอยู่ บนศาลามีเสียงสาวใช้ดังขึ้นเบาๆ “จวิ้นจู่มาแล้วหรือ คุณหนูอยู่ด้านบน เชิญเข้ามาด้านในเลยเจ้าค่ะ”
สาวใช้ด้านหลังค้อมตัวให้ “จวิ้นจู่ บ่าวลาแล้วเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม “ลำบากเจ้าแล้ว”
เมื่อเข้ามาด้านใน ขณะก้าวเดินขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้า แม้ลี่สุ่ยเซวียนจะเป็นสถานที่ที่ไม่สะดุดตามากนัก ทว่าสมแล้วที่เป็นจวนรัชทายาท ทุกหนทุกแห่งล้วนเปี่ยมไปด้วยความงดงามตระการตา หนานกงมั่วจับราวข้างๆ พลางสาวเท้าขึ้นไปอย่างเชื่องช้า โต๊ะริมหน้าต่างมีชุดน้ำชาวางเอาไว้ ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเซี่ยเพ่ยหวน สาวใช้หน้าตาน่ารักเดินเข้ามา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คารวะจวิ้นจู่”
“เซี่ยสามเล่า”
สาวใช้ยิ้มตอบกลับมา “คุณหนูเซี่ยดูปลาอยู่ด้านหน้าเจ้าค่ะ” ลี่สุ่ยเซวียนแห่งนี้อยู่ห่างจากใจกลางทะเลสาบกว่าสิบจั้ง[1] อีกทั้งยังมีสองชั้น ไม่ว่าจะเป็นชั้นบนหรือชั้นล่างล้วนสามารถเดินออกไปยังฝั่งทะเลสาบได้ หากเป็นฤดูร้อนในยามดอกบัวผลิบานที่นี่คงเป็นสถานที่ที่เหมาะในการชมดอกบัวอีกแห่งหนึ่ง หนานกงมั่วเลิกคิ้วพร้อมด้วยขยับยิ้ม “ไยนางจึงห่างไกลไปเรื่อยๆ เล่า”
สาวใช้ปิดปากที่ยิ้มอยู่ “คุณหนูบอกว่านางเป็นเพื่อนกับจวิ้นจู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองเจ้าค่ะ จวิ้นจู่เดินเข้าไปก่อน เดี๋ยวบ่าวจะให้สาวใช้อีกสองคนยกน้ำชาเข้าไปให้เจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วพยักหน้า เดินตรงออกไปทางทะเลสาบ เมื่อเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จึงมองเห็นหญิงสาวสองคนปีนไปนั่งอยู่บนราวและกำลังมองลงไปยังด้านล่าง หนานกงมั่วยิ้มบางๆ “พวกเจ้าช่างเลือกสถานที่เสียจริง หาได้ยากนักที่จวนรัชทายาทจะมีสถานที่เงียบสงบเช่นนี้” หญิงสาวหนึ่งในนั้นหันกลับมายิ้มพลางตอบว่า “จวิ้นจู่มาถึงแล้วหรือ พวกเรารอจวิ้นจู่ตั้งนานแล้ว”
หญิงสาวลุกขึ้นหันกลับไปช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามที่ไม่คุ้นเคย เมื่อมองเห็นแล้วว่าหนานกงมั่วหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับล้มลงไปในที่สุดก็แสดงท่าทีพึงพอใจออกมา
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่หรือ ก็ไม่เท่าไรนี่” หญิงสาวเลิกคิ้วขณะเอ่ย
“ข้านึกว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่จะเก่งกว่านี้เสียอีก ที่แท้ก็แค่นี้เอง” หญิงสาวเดินวนรอบร่างของหนานกงมั่วที่สลบอยู่บนพื้น เอ่ยอย่างไม่พอใจนัก หญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาใกล้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่นาง อย่าพึ่งวางใจจะดีกว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงมิได้รับมือง่ายขนาดนั้น” หญิงสาวผู้นั้นส่งเสียงหยัน เดินเข้าไปใกล้หนานกงมั่วตรวจดูชีพจรของนาง เอ่ย “วางใจเถิด ยาที่ข้าวางไปไม่มีทางสูญเปล่าอย่างแน่นอน พวกเจ้าระวังตัวเกินไปแล้ว”
หญิงสาวยิ้ม กล่าวว่า “ระวังไว้บ้างก็ไม่ผิด จะว่าไปแล้ว ข้ามิเห็นรู้เลยว่าท่านวางยาไปตั้งแต่เมื่อใด”
หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน “เรื่องนี้หรือ…แน่นอนว่าตั้งแต่นางก้าวเข้ามาในลี่สุ่ยเซวียนก็โดนพิษหนักแล้ว มิเช่นนั้นจะเอาอยู่ได้อย่างไร เอาล่ะ สิ่งที่พวกเจ้าต้องการให้ข้าทำข้าก็ทำสำเร็จแล้ว ข้าต้องไปแล้ว หลังจากนี้พวกเจ้าจัดการเองก็แล้วกัน” หญิงสาวพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว ของขวัญที่รับปากเดี๋ยวเราจะส่งตามไป แม่นางออกไปจากตรงนี้เถิด เดี๋ยวจะมีคนคอยนำทางให้”
หญิงสาวพยักหน้าพึงพอใจ “เหลือบมองสตรีที่นอนอยู่บนพื้น เอ่ย “ศิษย์น้องของคุณชายเสียนเกอก็ไม่เท่าไรนี่นา” จากนั้นจึงหมุนตัวเดินออกไปด้วยจิตใจเบิกบาน
เหลือไว้เพียงหญิงสาวผู้นี้ที่กำลังมองหนานกงมั่วอยู่เงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจ เอ่ยขึ้น “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ เจ้าอย่ากล่าวโทษข้านะ ใครใช้ให้เจ้าขวางทางเจ้านายเล่า” ประคองหนานกงมั่วกลับไป ลี่สุ่ยเซวียนนับว่าพอมีพื้นที่อยู่บ้าง ด้านบนมีห้องหับมากมายเพื่อเอาไว้ชมดอกบัว หญิงสาวประคองหนานกงมั่วเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ในห้องมีคนผู้หนึ่งรออยู่ก่อนแล้ว ทว่ามิใช่ใครอื่น เป็นคุณชายสามแห่งจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เว่ยจวินเจ๋อ
ขณะมองหนานกงมั่วที่ถูกประคองเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาของเว่ยจวินเจ๋อแสดงสีหน้าแปลกประหลาดและบิดเบี้ยวเล็กน้อย หญิงสาวปิดปากยิ้ม “ให้คุณชายสามต้องรอนานแล้ว พวกเราเองก็จนปัญญา ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่หนานกงวรยุทธ์ล้ำเลิศ หากมิใช่เพราะเจ้านายของเรายอมลงทุนเชิญยอดฝีมือเรื่องพิษมา เกรงว่าคุณชายสามคงไม่มีโอกาสได้เชยชม”
ใบหน้าของเว่ยจวินเจ๋อปรากฏรอยยิ้มร้าย “ข้าฝากขอบคุณเจ้านายของเจ้าด้วย”
หญิงสาวเผยยิ้มรับ ปิดปากหัวเราะออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญคุณชายได้สุขสม ข้าน้อยคงต้องลาแล้ว เพียงแต่ หวังว่าคุณชายจะไม่ลืมการร่วมมือครั้งนี้” เว่ยจวินเจ๋อโบกมือไล่ด้วยความหงุดหงิด “รู้แล้ว วางใจเถิด…ขอเพียงเว่ยจวินมั่วไม่ได้แต่งกับหนานกงมั่ว ไม่ว่าเขาจะแต่งกับใครข้าจะช่วยเขาให้สมปรารถนา”
———————
[1] จั้ง 1 จั้ง เท่ากับประมาณ 3.33 เมตร