“แน่นอนว่าของขวัญชิ้นนี้ไม่ควรส่งไปยังจวนฉู่กั๋วกง” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยพลางยกยิ้ม “ข้าเฝ้าเลี้ยงดูมาหลายวันรอจนแม่นางมั่วมาถึงที่นี่ อยู่ด้านในแล้ว เชิญแม่นางมั่ว”
หนานกงมั่วประหลาดใจ พยักหน้าแล้วเดินตามลิ่นฉังเฟิงเข้าไปด้านหลังร้าน เรือนด้านหลังร้านแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหน้าเป็นห้องปักเย็บสำหรับพนักงานปักเย็บทั้งหลาย โดยทั่วไปจะทำงานกันอยู่ตรงส่วนนี้ เรือนด้านหลังจึงเป็นสถานที่ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกได้ง่ายๆ หนานกงมั่วเดินตามลิ่นฉังเฟิงเข้าไป มองเห็นหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งอยู่ในห้องเก็บฟืนเล็กๆ ที่ห่างออกไป
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เอ๋ แม่นาง เจอกันอีกแล้วนะ”
สตรีนางนั้นถูกโยนเข้าไปอยู่กับกองฟืน ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยฝุ่นผง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ แม้จะขยับตัวไม่ได้ทว่าดวงตากลมโตนั้นกลับจ้องหนานกงมั่วเขม็ง ลิ่นฉังเฟิงโบกสะบัดพัดในมือเล่น เอ่ย “แม่นางมั่ว เจ้าอย่าให้ใบหน้าเล็กๆ ของนางหลอกเอาได้ คนผู้นี้…อย่างน้อยก็อายุมากกว่าเจ้าถึงสิบปีได้”
“เอ๋” หนานกงมั่วแปลกใจ หญิงสาวตรงหน้าดูแล้วอย่างมากก็อายุไม่เกินสิบห้าปีเท่านั้น
ลิ่นฉังเฟิงยิ้มพลางบอก “เมื่อครั้งที่เซียนซิ่วสุ่ยมีชื่อเสียงไปทั่วยุทธภพ…บางทีคุณชายเสียนเกออาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักเลยก็ได้ เจ้าว่า นางมีอายุเท่าใดกัน” ก่อนคุณชายเสียนเกอจะมีชื่อเสียงขึ้นมา ยาพิษของเซียนซิ่วสุ่ยนั้นเป็นที่น่าตกตะลึงแก่ทุกคนในยุทธภพ ไม่สิ แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะแม้ว่าคุณชายเสียนเกอจะถอนพิษได้ แต่ความจริงแล้วทั้งสองยังไม่เคยเผชิญหน้ากัน และคุณชายเสียนเกอก็ไม่ใช่คนที่เจอใครแล้วจะช่วยทันที แม้แต่ครั้งนี้ วังจื่อเซียวต้องทำร้ายผู้คนมากมายเพื่อจับสตรีผู้นี้ หากไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าไม่แน่ว่าผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตคงมีมากกว่านี้ ในสายตาของเซียนซิ่วสุ่ย มันเป็นความโชคร้ายของนางที่หนานกงมั่วมิได้ตกอยู่ในกำมือของนาง
หนานกงมั่วมองด้วยความแปลกใจ เอ่ยถาม “ไยนางจึงไม่พูดเล่า”
ลิ่นฉังเฟิงบอก “คนผู้นี้…มิได้ควบคุมอารมณ์เก่งดังเช่นคุณหนูในจินหลิง วาจาที่เอ่ยออกมาอาจไม่รื่นหู ทนได้ยาก ข้าจึง…”
หนานกงมั่วเข้าใจ ดีดลูกปัดหนึ่งลูกไปที่จุดลมปราณของนาง หญิงสาวไอสำลักจ้องลิ่นฉังเฟิงเขม็ง “ต่ำช้า”
ไม่เหนือความคาดหมายของลิ่นฉังเฟิง เขาแสยะยิ้ม “วาจานี้ของท่านเซียนช่าง…เมื่อเทียบกันแล้วอย่างไรพวกเราก็นับว่าลงมือกับเจ้าซึ่งๆ หน้าใช่ไหม”
เซียนซิ่วสุ่ยส่งเสียงหยันเบาๆ ไม่เอ่ยสิ่งใด นางเชี่ยวชาญเรื่องพิษ ให้เผชิญหน้าโดยไม่วางยา คิดว่านางบ้าหรือ เบี่ยงสายตาหลบมองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยถาม “ไยเจ้าจึงไม่ถูกยาพิษ” หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ยตอบ “ท่านเซียนหมายถึงยาพิษที่อยู่ในกระถางที่ลี่สุ่ยเซวียนนั่นน่ะหรือ หากข้าถูกวางยาเช่นนี้ได้ ท่านอาจารย์คงบีบคอข้าตายเป็นแน่”
“เจ้าเป็นศิษย์น้องของเซียนเกอจริงหรือ” เซียนซิ่วสุ่ยเอ่ยถาม
หนานกงมั่วพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ข้ามีความแค้นกับท่านเซียนด้วยหรือ”
เซียนซิ่วสุ่ยตอบ “รับเงินคนมาช่วยคนสะเดาะเคราะห์”
หนานกงมั่วพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ก็หมายความว่าพวกเรามิได้มีความแค้นต่อกันใช่หรือไม่”
เซียนซิ่วสุ่ยมองนางด้วยความไม่เข้าใจ หนานกงมั่วหันไปเอ่ยกับลิ่นฉังเฟิง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรต้องถามแล้ว ท่านเซียนผู้นี้ ยกให้คุณชายฉังเฟิงจัดการเลยก็แล้วกัน”
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าแม่นางมั่วจะไม่ค่อยพอใจกับของขวัญชิ้นนี้เท่าใดนัก เสียดายใครบางคนให้ข้าเลี้ยงดูไว้ตั้งสองวัน ดูว่าเจ้าอยากจัดการเช่นไร” หนานกงมั่วยิ้ม “ท่านเซียนซิ่วสุ่ยก็บอกแล้วมิใช่หรือ รับเงินคนมาจึงต้องช่วยคนสะเดาเคราะห์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยข้าต้องเอาเรื่องนางเล่า” ลิ่นฉังเฟิงเห็นด้วย “จะว่าไปก็ถูก หากคิดจะจัดการก็ต้องจัดการคนต้นเรื่องถึงจะถูก น่าเสียดายคนผู้นั้น…เวลานี้คล้ายกับจะเอาเรื่องไม่ได้ มิสู้ให้ข้าช่วยสังหารนางแทนเจ้าดีหรือไม่”
หนานกงมั่วปรายตามองเขา กล่าว “จินหลิงอยู่ใต้เท้าโอรสสวรรค์ คุณชายฉังเฟิงอย่าได้ทำผิดกฎเสียดีกว่า” หากจะสังหารใครนางลงมือเองไม่ดีกว่าหรือ เพียงแต่…เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นางก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นไปตามเกม หากโลกใบนี้มือสังหารจัดการได้ทุกอย่างจริงคงไม่ต้องมีกลอุบายมากมายหรอกใช่หรือไม่
“ข้าไปก่อนล่ะ เชิญคุณชายฉังเฟิงตามสบายเถิด”
ลิ่นฉังเฟิงจนปัญญา ทำเพียงเอ่ยตอบรับ “ก็ได้ แม่นางมั่วกลับดีๆ”
มองหนานกงมั่วเดินออกไป เซียนซิ่วสุ่ยจึงหันมามองลิ่นฉังเฟิงด้วยสายตาระแวดระวัง “ในเมื่ออยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่เจ้า”
ลิ่นฉังเฟิงยิ้มออกมาท่าทางใจดี ส่ายหน้าเบาๆ เอ่ย “ไม่หรอก ท่านเซียนโปรดวางใจ…ข้าไม่คิดจะสังหารเจ้า”
“เจ้าจะปล่อยข้าหรือ”
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อแม่นางมั่วไม่สนใจเจ้า แน่นอนว่าต้องปล่อยเจ้าไป หรือจะให้ข้าเลี้ยงเจ้าต่อไปดี เพียงแต่…ต้องเป็นหลังจากที่ข้าตัดสองมือของเจ้าแล้วเท่านั้น”
“เจ้าว่าเช่นไรนะ” เซียนซิ่วสุ่ยตื่นตระหนก ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองลิ่นฉังเฟิงราวกับได้ยินข่าวร้าย ลิ่นฉังเฟิงไม่เข้าใจ “ทำไมหรือ หลายปีมานี้เซียนซิ่วสุ่ยวางยาพิษสังหารคนมานับไม่ถ้วน ตอนนี้ถูกจับได้ก็สมควรได้รับผลกรรมมิใช่หรือ ต้องการแค่สองมือของเจ้า…คุณชายเช่นข้าดูมีใจเมตตาใช่หรือไม่ โอ๊ะ สองมือนี้มิใช่ข้าที่ต้องการหรอก คือ…อือหึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าไปล่วงเกินใครเข้าแล้ว”
“เจ้ากล้าหรือ” ในที่สุดเซียนซิ่วสุ่ยก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นางอายุสิบกว่าก็กลายเป็นจอมยุทธ์ผู้มีความสามารถเรื่องพิษที่น่าทึ่งและน่าหวาดกลัว มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุทธภพ หากไม่มีสองมือนี้แล้ว…นางไม่กล้าคิดเลยว่าอนาคตจะกลายเป็นเช่นไร
รอยยิ้มของลิ่นฉังเฟิงดูมีความสุขมากขึ้น “ฮ่าๆ ท่านเซียนเจ้าก็รู้ดี ข้ากล้าจริงๆ หากไม่ส่งสองมือของเจ้าไป ไม่แน่ว่าคนที่ถูกตัดสองมือนั้นคงกลายเป็นข้าเองแล้ว ดังนั้นเจ้าตายดีกว่าข้าตาย ท่านเซียน ทำให้เจ้าน้อยใจเสียแล้ว”
“ไม่…ไม่นะ” เซียนซิ่วสุ่ยอยากกระถดตัวเข้าไปด้านในทว่าถูกสกัดจุดเอาไว้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หลบได้ที่ไหนกัน
ลิ่นฉังเฟิงมองใบหน้าของนางอย่างเสียดาย ถอนหายใจ “อยู่ดีๆ ไม่ชอบ มาท้าทายต่อคนที่ไม่ควร เจ้ารู้หรือไม่ หากวันนั้นเจ้าทำสำเร็จ เจ้าคงไม่สามารถชดใช้แค่เพียงสองมือนี้เป็นแน่ คงได้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน น่าเสียดาย สี่ผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพ…จากนี้ต่อไปคงไม่มีเจ้าแล้ว”
เทียบกับอีกสามคนที่เหลือ ความจริงท่านเซียนผู้นี้ดูจะค่อนข้างเสียเปรียบ กงอวี้เฉินมีหอธารา เว่ยจวินมั่วมีวังจื่อเซียว คุณชายเสียนเกอมีวิชาการแพทย์ดั่งเทพ เขาเป็นผู้มีพระคุณของคนทั่วหล้า มีเพียงเซียนผู้นี้ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็กทว่าไม่มีอำนาจคอยหนุนหลัง ชื่อเสียงในยุทธภพยังสู้เสียนเกอไม่ได้ด้วยซ้ำ หากบอกว่ากงอวี้เฉินและเว่ยจวินมั่วเป็นทั้งดีและชั่ว หากคุณชายเสียนเกอเป็นสุภาพบุรุษมีคุณธรรม ชื่อเสียงของเซียนซิ่วสุ่ยผู้นี้คงเปรียบได้กับปีศาจร้าย ต่อให้สังหารนางก็คงมีเพียงไม่กี่คนที่อยากแก้แค้นแทนนาง คนส่วนใหญ่คงปรบมือดีใจเสียมากกว่า
เซียนยาพิษที่เสียมือคู่นี้ไป…สิ่งที่หลั่งไหลเข้ามาหานางคงจะเป็นคนที่กลับมาแก้แค้น จุดจบเช่นนี้คงเจ็บปวดมากกว่าสังหารให้ตายเสียด้วยซ้ำ
ลิ่นฉังเฟิงส่ายศีรษะ เดินออกจากประตูไป “ตัดมือนาง ส่งไปยังตระกูลจู”