หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 212 พระประสงค์ของฝ่าบาท (3)

ตอนที่ 212 พระประสงค์ของฝ่าบาท (3)

ดังนั้น เมื่อเข้าวังมาแล้วสตรีทั้งหลายจึงมุ่งหน้าตรงไปหานางสนมที่มาจากตระกูลของตนเองทันที ส่วนคนที่ไม่มีนางสนมจากตระกูลของตนก็คงรู้สึกไม่ต่างจากงานเลี้ยงทั่วไป อย่างน้อยภายนอกทุกคนก็ยังนิ่งสงบดูเรียบร้อย ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มีอะไร หนานกงมั่วก็คงมองไม่เห็น เพียงก้าวเข้ามาในวัง นางก็ถูกเชิญให้ไปเข้าเฝ้ายังห้องทรงพระอักษรเสียแล้ว

“หม่อมฉันหนานกงมั่วถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ” ในท้องพระโรง หนานกงมั่วกล่าวถวายพระพรด้วยท่าทางนอบน้อม

“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้เอ่ย มองหนานกงมั่วที่ยืดตัวตรง ฮ่องเต้กวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสนใจ ทว่าเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหนานกงมั่วยังคงเรียบนิ่งจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กหนานกง เจ้าเห็นข้าแล้วไม่ตกใจหรือ หรือว่า…เด็กจวินมั่วนั่นบอกสถานะข้าให้เจ้ารับรู้แล้วอย่างนั้นหรือ” หนานกงมั่วยังไม่ทันทำอันใด ทว่าหนานกงไหวที่อยู่ด้านข้างกลับตกอกตกใจ ที่แท้บุตรีเคยพบกับฝ่าบาทแล้ว เด็กคนนี้กลับไม่เคยบอกกับเขาเลย

หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “บารมีของฝ่าบาทบนโลกนี้จะมีผู้ใดเทียบได้ แม้หม่อมฉันจะโง่เขลา แต่รู้ดีว่าฐานะของฝ่าบาทสูงส่งมิอาจกล่าวถึงได้”

ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “เอ่ยเช่นนี้แสดงว่าเจ้าคาดเดาเองอย่างนั้นหรือ”

หนานกงมั่วไม่คิดปิดบัง พยักหน้ายอมรับ

ฮ่องเต้หัวเราะเสียงดัง หันไปหาหนานกงไหวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเช่นกัน “ท่านช่างมีบุตรีที่ประเสริฐยิ่งนัก นางมีทั้งความกล้าหาญและดวงตาแหลมคม ช่างโดดเด่นกว่าคนวัยเดียวกันเสียจริง”

หนานกงไหวเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนก “นางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น คงไม่เหมาะสมกับคำชื่นชมของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” แม้ในห้องทรงพระอักษรจะมีเพียงไม่กี่คน ทว่าคำชื่นชมของฮ่องเต้ทำให้สายตาทุกคู่มารวมกันอยู่ที่หนานกงมั่ว คิดว่าอีกไม่นานคำชื่นชมของฮ่องเต้ต่อหนานกงมั่วคงแพร่งพรายไปทั่วจินหลิง ฮ่องเต้โบกปัดมือ เหลือบตามองหนานกงไหวแล้วจึงเอ่ย “เมื่อครั้งยังเยาว์ท่านดูมิได้ระมัดระวังถึงเพียงนี้”

หนานกงไหวยิ้มเจื่อนอยู่ในใจ เมื่อครั้งเขายังเยาว์ ฝ่าบาทเป็นเพียงวีรบุรุษ ยามนี้พระองค์เป็นถึงฮ่องเต้ จะเหมือนกันได้เช่นไรเล่า

เซียวเชียนเยี่ยยิ้มให้หนานกงมั่ว หันกลับไปหาฮ่องเต้ “คุณหนูหนานกงนับว่าเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจินหลิงยามนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอแสดงความยินดีต่อแม่นางและน้องชายด้วย” หลายวันมานี้อารมณ์ของเซียวเชียนเยี่ยนับว่าไม่เลวนัก ก่อนหน้านี้ถูกฝ่าบาทตักเตือนเขายังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่หลายวัน หลังจากนั้นเห็นท่าทีของเสด็จปู่ที่เมินเฉยราวกับลืมเรื่องที่ตักเตือนเขาไป อีกทั้งยังเอ็นดูเขาเหมือนดังที่ผ่านมาแล้ว เซียวเชียนเยี่ยจึงเชื่อในคำพูดของนายทหารของตน เสด็จปู่คงเพียงต้องการตักเตือนตนเองไม่กี่ประโยคเท่านั้น เขากลับมาอยู่ในอิริยาบถของหวงจั่งซุนอีกครั้ง อีกทั้งยังรับหญิงงามเข้าจวนมาถึงสองคน บวกกับยามนี้พระชายากำลังทรงครรภ์ เซียวเชียนเยี่ยคิดว่าอุปสรรคของตนเองก่อนหน้านี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

องค์หญิงฉังผิงเอ่ยขึ้นพลางยิ้มบางๆ “วาจาของเชียนเยี่ยเป็นมงคลแล้ว”

เมื่อเผชิญหน้ากับความเย็นชาขององค์หญิงฉังผิง เซียวเชียนเยี่ยจึงทำตัวไม่ถูก จำต้องยกมือขึ้นเกาจมูกเบาๆ เขาต้องการดึงตระกูลจูและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมาเป็นพวก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำให้เสด็จอาฉังผิงขุ่นเคือง ช่วยไม่ได้จริงๆ แต่หากต้องยอมให้อำนาจของตระกูลจูและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไปอยู่ในมือคนอื่นเขาก็ยอมไม่ได้เช่นกัน เสด็จลุงเยี่ยนอ๋องก็ไม่มีทางแสดงท่าทีไม่พอใจต่อเสด็จพ่อเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ รอให้เสด็จพ่อขึ้นครองราชย์เรียบร้อย แน่นอนว่ายิ่งไม่ต้องกังวล

ท่าทางของทุกคนล้วนอยู่ในสายตาของฮ่องเต้ ยกมือขึ้นโบกปัดด้วยความเหนื่อยล้า “ออกไปเถิด เจ้าเด็กตระกูลหนานกงอยู่ก่อน อยู่คุยเป็นเพื่อนข้า”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”

“ฉังผิงทูลลาเพคะ” องค์หญิงฉังผิงเหลือบมองไปยังหนานกงมั่วด้วยความกังวล หนานกงมั่วยิ้มให้นางบอกให้นางไม่ต้องกังวล จิตใจขององค์หญิงฉังผิงจึงสงบลงบ้าง ก้าวถอยตามทุกคนออกไป

รอจนทุกคนออกไปแล้วฮ่องเต้จึงลุกขึ้นยืน “เด็กน้อย พาข้าออกไปเดินเล่น” สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติฮ่องเต้รีบเข้ามาประคองแล้วเดินนำออกไป หนานกงมั่วเดินตามหลังจึงมีโอกาสลอบสังเกตพระองค์ เซียวเทียนอวี้กษัตริย์ผู้ก่อตั้งประเทศแต่เดิมนั้นเป็นวีรบุรุษ ขี่ม้าออกรบอยู่ในสนามรบ แน่นอนฝีมือไม่ธรรมดา ยามนี้หนานกงมั่วกลับมองเห็นก้าวย่างอ่อนแรง ใบหน้าซูบผอมเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าร่างกายไม่แข็งแรงนัก แม้อยู่ต่อหน้าผู้คน ด้วยอำนาจและบารมีของพระองค์ทำให้ไม่มีใครกล้าสังเกตใบหน้าโดยละเอียด แต่เมื่อละทิ้งสิ่งเหล่านั้นและดูให้ละเอียดแล้ว จะเห็นว่าใบหน้าของพระองค์เป็นสีคล้ำ ดวงตาพร่ามัว โดยเฉพาะมือข้างขวาที่สั่นระริกจนไม่อาจควบคุมได้ หัวใจของหนานกงมั่วหนักอึ้ง…ฮ่องเต้ประชวรหนักทีเดียว

บรรดานางกำนัลสาวเท้าเดินตามอยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลังห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ไม่เอ่ยปากหนานกงมั่วก็ไม่รีบร้อน ทำเพียงก้าวเดินตามไปไม่ช้าไม่เร็ว ไม่นานนัก ลมหายใจของฮ่องเต้ที่ดูสงบยามนี้พลันไม่มั่นคงขึ้นมา ขันทีผู้คอยปรนนิบัติจึงเอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาท พักสักครู่เถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้า ขันทีประคองฮ่องเต้เดินไปยังระเบียงทางเดินเก้าโค้ง นางกำนัลที่ติดตามมาด้านหลังรีบเดินเข้ามาวางเบาะรอง จากนั้นจึงประคองฮ่องเต้นั่งลง

“เด็กน้อย นั่งลง”

หนานกงมั่วแสดงความเคารพ นั่งลงตรงข้ามฮ่องเต้

ฮ่องเต้เฝ้าสังเกตนางอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าจึงอยากพบเจ้า”

หนานกงมั่วส่ายหน้า “ฝ่าบาทได้โปรดชี้แนะด้วยเพคะ”

ฮ่องเต้เอ่ย “เมื่อก่อนข้าเองก็เคยเจอมารดาเจ้าอยู่หลายครั้ง ยามนี้ดูแล้ว…เด็กน้อย รูปลักษณ์ของเจ้าเหมือนมารดา ทว่านิสัยกลับไม่ค่อยเหมือนนัก เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าคิดว่านิสัยเจ้าเหมือนผู้ใด”

หนานกงมั่วส่ายหน้าอย่างระแวดระวัง ไม่เข้าใจว่าฝ่าบาทอยากเจอนางด้วยสาเหตุอันใด เดิมทีคิดว่าฝ่าบาทเรียกนางมาเข้าเฝ้าเพียงเพราะเห็นแก่หน้าหนานกงไหวและตำแหน่งซิงเฉิงจวิ้นจู่ หรืออาจเป็นเพราะแสดงความเอ็นดูนางต่อหน้าองค์หญิงฉังผิง แต่พระองค์ยังเรียกนางมาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวเช่นนี้คงเกินไปแล้ว แม้ฮ่องเต้จะป่วยหนักถึงขั้นที่นางสามารถสังหารให้ตายได้ในเข็มเดียว แต่อย่างไรเสียพระองค์ก็ยังเป็นถึงกษัตริย์ผู้ก่อตั้งประเทศ นางจะประมาทไม่ได้

“เทียบกับมารดาเจ้าแล้ว…คุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่ง ข้ากลับคิดว่า…เจ้าเหมือนฮองเฮาของข้ามากกว่า” ฮ่องเต้เอ่ยเสียงราบเรียบ

หนานกงมั่วชะงัก รีบเอ่ย “ฝ่าบาทชื่นชมเกินไปแล้วเพคะ ฮองเฮาทรงเป็นถึงมารดาของแผ่นดิน หม่อมฉันจะไปเทียบกับพระองค์ได้เช่นไรเพคะ”

ฮ่องเต้โบกปัดมือ เอ่ย “เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ข้าปกครองใต้หล้ามาทั้งชีวิต พอมองคนออกบ้าง เรื่องราวในจวนฉู่กั๋วกงใช่ว่าข้าจะไม่รู้ เพียงแต่ฉังผิงต้องการหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่จวินมั่ว เมื่อเทียบกับหนานกงซูแล้ว เจ้าที่เป็นบุตรีคนโตของตระกูลหนานกงดูจะเหมาะสมมากกว่า เพียงแต่…ตั้งแต่ได้ยินเรื่องที่เจ้าบุกไปยังกองทัพที่เมืองหูก่วงตัวคนเดียว ข้าก็เริ่มเสียใจภายหลังแล้ว”

หนานกงมั่วหลุบตาลงไม่เอ่ยสิ่งใด ยามนี้ฝ่าบาทคงมิได้ต้องการให้นางพูดมาก อีกทั้งหากเอ่ยสิ่งใดผิดไปคงจะเอาคืนกลับมาไม่ได้

ฮ่องเต้ถอนหายใจ “ยามนี้เมืองจินหลิงมิได้มีเพียงลูกหลานของข้า ยังมีลูกหลานของผู้มีอำนาจ สตรีในห้องหอที่พอใช้ได้ก็มีไม่กี่คน ยิ่งเป็นเหมือนฮองเฮาของข้ายิ่งไม่มี ข้าเองเหลือเวลาอีกไม่นาน แต่ว่า…สำหรับองค์รัชทายาทและเย่ว์เอ๋อร์นั้น ข้ากลับไม่วางใจ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน