หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 213 ลุงที่คอยปกป้อง (1)

ตอนที่ 213 ลุงที่คอยปกป้อง (1)

“ฝ่าบาท…” ถึงแม้หนานกงมั่วจะกล้าหาญ แต่เมื่อได้ยินประโยคนั้นก็ตกใจไม่น้อย ข้าราชบริพารที่อยู่โดยรอบต่างพากันทรุดตัวคุกเข่าลงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ไตร่ตรองแล้ว ว่าจะยกเจ้าให้เยี่ยเอ๋อร์ดีหรือไม่” ฮ่องเต้ยิ้ม “หากมีเจ้าคอยค้ำจุน ข้าคงวางใจเรื่องเยี่ยเอ๋อร์ลงบ้าง”

หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยขึ้นเสียงเรียบนิ่ง “ฝ่าบาทชื่นชมเกินไปแล้วเพคะ หนานกงมั่วไร้ความสามารถ มิบังอาจรับความสำคัญถึงเพียงนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น…พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องจิตใจดีมีเมตตา ยามนี้ยังมีเหลนให้พระองค์…เย่ว์จวิ้นอ๋องเองก็มีความสามารถ หนานกงมั่วเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งจะช่วยเหลือได้เช่นไรเพคะ” ฮ่องเต้มองนางด้วยความเสียดาย เอ่ย “เจ้ากล่าวถูกแล้ว ดังนั้นข้าจึงไตร่ตรองอยู่หลายรอบ สุดท้ายจึงละทิ้งความคิดนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม”

“ฝ่าบาททรงพระกรุณา” หนานกงมั่วเอ่ย

ฮ่องเต้ยิ้มหยัน ไม่ใส่ใจกับคำชื่นชมของนาง “แม้ข้าจะบอกว่าเจ้าคล้ายกับฮองเฮาของข้ามาก แต่เมื่อเทียบกับฮองเฮาแล้วเจ้ายังดื้อรั้นกว่ามาก หากใจเจ้าไม่ยินยอม ข้าเองก็ไม่อาจรับรองได้ว่าข้าหาตัวช่วยหรือศัตรูให้เยี่ยเอ๋อร์กันแน่ นอกจากนี้…ตลอดหลายปีมานี้เป็นครั้งแรกที่ฉังผิงมาขอร้องข้า ข้าก็ไม่อยากทำให้นางต้องผิดหวัง”

ความจริงยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่ฮ่องเต้มิได้เอ่ยออกมา นิสัยของรัชทายาทและเซียวเชียนเยี่ยนั้นไม่แข็งแกร่งเท่าฮ่องเต้ หากยกนางให้เซียวเชียนเยี่ยจริงๆ ไม่แน่อำนาจอาจถูกครอบงำโดยเครือญาติของภรรยา หนานกงมั่วเข้าใจ ทว่ามิได้เอ่ยออกมา ฮ่องเต้กล่าวต่อ “เจ้าลองบอกมาสิ ว่ารัชทายาทและหวงจั่งซุนของข้าเป็นเช่นไร”

หนานกงมั่วตกใจเล็กน้อย ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “หม่อมฉันมีวาสนาได้พบกับองค์รัชทายาทเพียงครั้งเดียว ไยจะกล้าวิจารณ์องค์ชายและหวงซุนได้ ประชาชนต่างชื่นชมว่าองค์รัชทายาทมีเมตตา แน่นอนย่อมต้องดีอยู่แล้วเพคะ”

ฮ่องเต้มองนางอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้…ไม่เพียงกล้าหาญ ซ้ำยังฉลาดเป็นกรด น่าเสียดายแล้ว…ได้ยินมาว่าวิชาการแพทย์ของเจ้าไม่เลว ช่วยตรวจให้ข้าที”

ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้กะทันหัน หนานกงมั่วชะงักไปชั่วครู่ ไม่นานจึงได้สติกลับมา เอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม “เพคะ ฝ่าบาท”

วางมือลงตรวจชีพจร หนานกงมั่วขมวดคิ้วมุ่น มองไปยังฮ่องเต้ด้วยความลังเลโดยมิได้เอ่ยสิ่งใด

ฮ่องเต้เองมิได้รีบร้อน เห็นได้ชัดว่ารู้อาการของตนเองอยู่บ้าง ทำเพียงเอ่ยกับหนานกงมั่วเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ลองพูดมาเถิด” หนานกงมั่วถอนหายใจอยู่ในใจ เอ่ยตอบ “อาการของฝ่าบาทมิได้มีอาการป่วยหนักอันใด” เป็นเพราะไม่มีอาการป่วยจึงยิ่งยุ่งยากมากขึ้น ฮ่องเต้อายุมากแล้ว ได้รับบาดแผลจากการทำศึกสงครามมาตั้งแต่ยังเยาว์ หากอายุสามสิบสี่สิบดังเช่นเยี่ยนอ๋องคงพอมีทางรักษาได้ ทว่าอายุเท่าฮ่องเต้ในยามนี้นั้นไร้หนทางรักษาแล้ว พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ฮ่องเต้นั้นถึงวาระแล้ว ควรตายได้แล้ว แน่นอนว่าคำนี้ไม่อาจเอ่ยต่อหน้าฮ่องเต้ได้

ฮ่องเต้พยักหน้า กล่าว “เดี๋ยวกลับไปเขียนใบสั่งยาให้หมอหลวงด้วย”

“เพคะ ฝ่าบาท” หนานกงมั่วเอ่ยตอบรับอย่างนอบน้อม นางรู้ดีว่าใบสั่งยาที่นางเขียนให้ฮ่องเต้อาจจะไม่ใช้ก็ได้ แต่ในเมื่อฮ่องเต้ออกปากสั่งให้นางเขียนใบสั่งยา เช่นนั้นแล้วนางคงทำได้เพียงพยายามให้ถึงที่สุด เงียบไปชั่วครู่ ฮ่องเต้พลันเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินมาว่า…ในยุทธภพมีหมอเทวดาชื่อเสียนเกอหรือ”

หัวใจของหนานกงมั่วสั่นไหว เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทูลฝ่าบาท เสียนเกอเป็นศิษย์พี่ร่วมสำนักของหม่อมฉันเมื่อครั้งเรียนรู้วิชาการแพทย์เพคะ ศิษย์พี่มีพรสวรรค์ แต่เขาฝึกวิชาการต่อสู้กับอาจารย์อาเพคะ” แม้ว่าวรยุทธของเขาจะสู้นางไม่ได้ก็ตาม

ฮ่องเต้จ้องมองนางแล้วเอ่ย “เจ้าหมายความว่า วิชาการแพทย์ของเสียนเกอสู้เจ้ามิได้เช่นนั้นหรือ”

“แต่ละคนล้วนมีความเชี่ยวชาญเป็นของตนเอง งานอดิเรกของศิษย์พี่คือรักษาโรคที่ยากจะรักษาเพคะ” ดังนั้น พระองค์แก่แล้วไม่นับว่าเป็นอาการป่วยได้ เช่นนั้นก็อย่าไปตามหาเข้าเลยเพคะ ฮ่องเต้นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ในยามที่หนานกงมั่วกำลังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ในใจเขาจึงถอนหายใจออกมา “ช่างเถิด เจ้าไปเถิด”

หนานกงมั่วลอบถอนหายใจอยู่ในใจ “หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

มองร่างของหญิงสาวที่หายไปยังมุมทางเดิน ฮ่องเต้จึงเอ่ยถาม “เจ้าว่า สิ่งที่เด็กสาวผู้นั้นเอ่ยเป็นความจริงหรือไม่” ด้านหลังห่างออกไปไม่ไกล มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนถือดาบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เอ่ยเสียงเข้ม “จริงครึ่งโกหกครึ่งพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้โบกมือ “ช่างเถิด ข้าอายุเพียงนี้แล้ว มีอะไรปลงไม่ตกอีกหรือ” เขาไม่อ้อนวอนขอให้มีอายุยืนยาว รู้ดีว่าบนโลกใบนี้ไม่มีทางอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ ดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวหากต้องจบชีวิตลง เขาเซียวเทียนอวี้ต่อสู้ดิ้นรนยากลำบากมาจากสามัญชนธรรมดา จนกลายเป็นกษัตริย์ผู้ก่อตั้งประเทศ ยังมีเรื่องใดที่ไม่เคยเจออีกหรือ ไม่ว่าอย่างไรชาตินี้ทั้งชาติก็นับว่าเพียงพอแล้ว เพียงแต่เขา…ละทิ้งไม่ได้เท่านั้นเอง ละทิ้งราชวงศ์เซี่ยที่เขาก่อสร้างมากับมือไม่ได้ ละทิ้งรัชทายาทผู้อ่อนโยนและร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงผู้นั้นไม่ได้ ยิ่งมิอาจละทิ้งหวงจั่งซุนของเขาที่ยังวางใจไม่ได้ด้วยเช่นกัน

“ข้ามีโอรสมากมาย…แต่ว่า…” ฮ่องเต้ส่ายหน้า สุดท้ายจึงไม่เอ่ยอันใดออกมา เขามีโอรสทั้งหมดยี่สิบหกคน นอกจากที่จากไปแล้ว นอกนั้นยังเหลืออยู่สิบกว่าคน แต่นอกจากรัชทายาทแล้วคนอื่นๆ เมื่อแต่งงานก็ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นอ๋อง เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งชิงบัลลังก์ซ้ำรอยกับราชวงศ์ก่อนหน้า รัชทายาทปกครองประเทศ อ๋องปกครองเมือง กษัตริย์และขุนนางต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าตอนนี้เขากลับพบว่าตนเองนั้นมองข้ามปัญหาไปอย่างหนึ่ง หากรัชทายาทหรือผู้สืบทอดตำแหน่งไม่อาจรับผิดชอบประเทศได้ จะทำเช่นไรเล่า

กฎแห่งป่านั้นโหดร้ายทารุณ แต่ผู้ชนะจากหนึ่งในนั้นจึงจะกลายเป็นราชาที่แท้จริง ผู้ถูกเลือกตามพระประสงค์ของฮ่องเต้นั้นมั่นคงแต่ถูกปกป้องไว้ดีเกินไป สุดท้ายผู้ที่ถูกเลือกนั้นไม่เป็นที่น่าพอใจ ในหมู่พวกเขาใครดีใครแย่ ผู้ใดกันจะบอกได้ชัดเจน

รัชทายาทไม่มีความผิด เขาก็ไม่อาจปลดตำแหน่งของรัชทายาทในยามนี้ได้ ข้าราชบริพารแข็งแกร่ง ต่อให้ปลดรัชทายาทและแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นมา เกรงว่าข้าราชบริพารคนอื่นๆ ก็คงไม่เห็นด้วย และเขา ยังแก่แล้ว

หันหน้าเข้าหาอาทิตย์ยามอัสดง ดวงตาของฮ่องเต้ในวัยชราฉายชัดถึงความโศกเศร้าและจนปัญญา ไม่นานจึงหลับตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “คืนนี้หลังงานเลี้ยงผ่านไป ออกคำสั่งเรียกตัวเย่ว์จวิ้นอ๋องเข้าเฝ้า”

ดวงตาของชายวัยกลางคนฉายแววประหลาดใจ ทว่ายังคงตอบรับด้วยความนอบน้อม “กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

เดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร พลันมองเห็นเว่ยจวินมั่วกำลังยืนพิงต้นไม้ไปพลางหลับตา เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง ดวงตาของเว่ยจวินมั่วจึงเปิดขึ้นมองมายังนางด้วยสายตาเรียบนิ่ง รอยยิ้มของหนานกงมั่วปรากฏขึ้น สาวเท้าก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านมารอข้าหรือ เป็นห่วงหรือ”

ดวงตาของเว่ยจวินมั่วมีรอยยิ้มปรากฏ เอ่ยเสียงเบา “เสด็จลุงมาแล้ว อยากเจอเจ้า”

“เยี่ยนอ๋องหรือ” ความประทับใจของหนานกงมั่วที่มีต่อเยี่ยนอ๋องนั้นไม่เลวนัก จึงเอ่ยถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ “ยังมีเสด็จลุงฉีอ๋องด้วย”

“เช่นนั้นไปกันเถอะ”

เยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องนั่งอยู่ที่ศาลาเล็กในสวนดอกไม้ ด้านข้างยังมีคู่สามีภรรยาองค์หญิงฉังผิงและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั่งอยู่ด้วย ส่วนเว่ยจวินปั๋ว เว่ยจวินเจ๋อ เว่ยจวินอี้สามพี่น้องที่เข้ามาร่วมงานเลี้ยงแน่นอนว่าต้องยืนรออยู่ด้านนอกศาลา คนอย่างเยี่ยนอ๋องคุยกันพวกเขาไม่มีสิทธิ์รับฟังด้วย

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท