หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 252 เศรษฐีที่ซ่อนเร้น (1)

ตอนที่ 252 เศรษฐีที่ซ่อนเร้น (1)

แน่นอนว่าหนานกงมั่วรู้กฎข้อนี้ดี พยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองเว่ยจวินมั่วพลางเลิกคิ้ว “ท่านจะไปห้องหนังสือก่อนหรือไม่”

เว่ยจวินมั่วเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด ดึงเก้าอี้ด้านข้างออกมาแล้วนั่งลงไป ใช้การกระทำบอกความตั้งใจของตนเอง หนานกงมั่วกระตุกมุมปาก นั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง ในมือของจ้าวมามามีกระดาษอยู่ในมือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “รายงานพระชายา เรือนซูอวิ๋นนอกจากบ่าวที่ติดตามพระชายามา ยังมีสาวใช้ใหญ่สองคน สาวใช้ขั้นสองแปดคน สาวใช้ทั่วไปอีกยี่สิบคน เย็บปัก ซักล้าง คนครัวรวมสิบแปดคน พ่อบ้านหนึ่งคน มามาผู้จัดการสามคน บ่าวรับใช้ทั่วไปอีกแปดคนเจ้าค่ะ” เอ่ยจบจ้าวมามาก็พับกระดาษแผ่นนั้นกลับคืนเช่นเดิม เอ่ยเสียงเข้ม “ยังไม่คารวะพระชายาซื่อจื่ออีก”

“คารวะพระชายาซื่อจื่อ ยินดีกับซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อ” เสียงดังขึ้นโดยพร้อมเพรียง ในคนจำนวนนี้นั้นมีคนขององค์หญิงฉังผิง และยังมีที่ซื้อมาอบรมใหม่จากข้างนอก ไม่มีคนของใครส่งเข้ามาแทรกแซงแน่นอนจึงไม่ต้องปวดหัวกับความวุ่นวายมากนัก เวลานี้มีเพียงซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อที่เป็นเจ้านายเพียงสองคนของพวกเขา แน่นอนว่าย่อมต้องมีความจริงใจอย่างที่สุด

หนานกงมั่วเองรู้ดีว่าองค์หญิงฉังผิงนั้นใส่ใจทำเพื่อตนเองมากเพียงใจ รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ สาวใช้ใหญ่จัดเตรียมไว้เพียงสองคน นั่นก็เพราะเหลือตำแหน่งไว้สำหรับสาวใช้ของตนให้ได้อยู่ข้างกาย มามาผู้จัดการมีเพียงสามคนคาดว่าคงเหลือพื้นที่ไว้ให้แม่นมหลาน หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ต้องมากพิธี ต่อไปขอเพียงมุ่งมั่นรับผิดชอบในงานของตน ข้ากับซื่อจื่อจะไม่มีทางเอาเปรียบพวกเจ้า แต่วาจาที่ไม่น่าฟังก็ต้องเอ่ยต่อหน้า หากมีผู้ใดมีใจไม่สมควรก็อย่าหาว่าข้าไม่มีความปรานี”

แม้น้ำเสียงของพระชายาซื่อจื่อจะราบเรียบ แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนี้กลับรู้สึกถึงความกดดันแปลกประหลาด ใบหน้าที่แสดงความเคารพอยู่แล้วยิ่งแสดงความเคารพให้เห็นมากขึ้น หนานกงมั่วเลิกคิ้วสวยขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มงดงาม “จือซู คนของเรือนซูอวิ๋นทุกคนจ่ายเพิ่มอีกคนละสองเดือน สาวใช้ขั้นสองเพิ่มรางวัลให้อีกสามตำลึง สาวใช้ขั้นหนึ่งเพิ่มรางวัลสิบตำลึง พ่อบ้านตบรางวัลอีกคนละยี่สิบตำลึง เรือนของเสด็จแม่ก็ให้รางวัลแบบนี้เช่นกันเถิด”

“เจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อ” จือซูย่อตัวลง เอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม

ทุกคนรู้สึกยินดีขึ้นมา “ขอบคุณพระชายาซื่อจื่อที่มอบรางวัลเจ้าค่ะ”

จ้าวมามาและหยางมามาเองก็หน้าชื่นตาบาน เมื่อคืนพวกนางได้รับรางวัลจากพระชายาซื่อจื่อไปแล้ว ยามนี้พระชายาซื่อจื่อยังมอบรางวัลแก่มามาเรือนขององค์หญิงด้วย แน่นอนว่ามีส่วนของพวกนาง พระชายาซื่อจื่อนั้นจิตใจกว้างขวาง พวกนางที่เป็นบ่าวรับใช้ได้รับประโยชน์อีกทั้งยังมีหน้ามีตา หยางมามาเอ่ยอย่างระแวดระวัง “พระชายาซื่อจื่อเจ้าคะ แล้วเรือนอื่นเล่าเจ้าคะ” เมื่อได้รับความเมตตาจากพระชายาซื่อจื่อแล้วนางจึงต้องเอ่ยเตือนด้วย หากมอบรางวัลเพียงเรือนของตนและองค์หญิง คงไม่ดีต่อชื่อเสียงของพระชายา บ่าวรับใช้พวกนั้นดูมิได้สะดุดตา ทว่าเมื่อเกิดข่าวลือขึ้นมาก็ทำให้น่ารำคาญได้เช่นกัน ไม่โกรธตายก็บีบบังคับให้เจ้าตายได้

หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ เอ่ยเสียงเรียบ “เรือนอื่นก็เพิ่มเงินเดือนให้สักเดือน จริงสิ…ไม่ต้องไปเอาที่เจ้าหน้าที่คลัง เอาเงินจากข้าไปเถิด” นางจงใจหลีกเลี่ยงการใช้เงินที่ดูจะมีปัญหากับใคร เมื่อคิดดังนั้นแล้ว หนานกงมั่วจึงยิ้มตาหยี “จือซู พ่อบ้าน เดี๋ยวเอาเงินจากจือซูไปแลกเศษตำลึงและแผ่นทองแดง จำเอาไว้ว่าต้องแจกจ่ายให้ถึงมือของทุกคน”

“ขอรับ บ่าวน้อมรับคำสั่ง” พ่อบ้านแม้จะมีเงินเดือนมากกว่าคนทั่วไป แต่เขาก็ได้เพียงเดือนละสามตำลึง ยามนี้ได้รับรางวัลกว่ายี่สิบตำลึง พ่อบ้านจึงตื่นเต้นดีใจขึ้นมา เขาพึ่งได้รับมอบตำแหน่งพ่อบ้านเป็นครั้งแรกจากคำสั่งขององค์หญิงฉังผิง ภารกิจที่พระชายาซื่อจื่อสั่งมานั้นนั่นเป็นภารกิจแรกของเขา แน่นอนว่าต้องจัดการให้เรียบร้อยที่สุด

เมื่อทุกคนได้รับรางวัลแล้วจึงกระตือรือร้นขึ้นมา รอยยิ้มประดับไปทั่วใบหน้ารู้สึกว่าพระชายาซื่อจื่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งนั้นช่างงดงามและมีเมตตา เป็นนางสวรรค์ที่มาจุติบนโลกมนุษย์ หนานกงมั่วหัวเราะเบาๆ โบกมือพลางเอ่ย “ข้าไม่มีอื่นใดแล้ว ซื่อจื่อมีอันใดจะกล่าวหรือไม่”

เว่ยจวินมั่วช้อนตาขึ้น กวาดตามองทุกคน แววตาเย็นชาทำให้ผู้คนที่กำลังชื่นมื่นนั้นหัวใจเย็นเยียบ ห้องทั้งห้องเงียบลงไม่น้อย ได้ยินเพียงเสียงของเว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น “คำของพระชายาซื่อจื่อก็คือคำของข้า หากมีคนกล้าหน้าไหว้หลังหลอก…”

ทุกคนเห็นเพียงซื่อจื่อสะบัดมือ แสงสีเงินพลันสว่างวาบ หูได้ยินเสียงแจกันกระเบื้องแหลกละเอียดกระจัดกระจาย

“ข้าน้อยมิกล้า บ่าวมิกล้า” ทุกคนเหงื่อตกตัวสั่นระริก รีบคุกเข่าลง

หนานกงมั่วหมดคำพูด ใช้กำลังภายในข่มขู่บ่าวไพร่ผู้เป็นไก่อ่อน ช่างก้าวหน้าเสียจริง

“เอาล่ะ ไม่มีอันใดแล้วก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองเถิด” เห็นบ่าวไพร่ขวัญอ่อนแทบเป็นลมล้มพับ หนานกงมั่วจึงเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน

ฮือ พระชายาซื่อจื่อช่างอ่อนโยน ซื่อจื่อ…น่ากลัว

“สาวใช้ใหญ่ทั้งสองและพ่อบ้านอยู่ก่อน” หนานกงมั่วออกคำสั่ง

สาวใช้ทั้งสองและพ่อบ้านที่เดิมกำลังคิดจะรีบออกไปพลันตัวแข็งทื่อ หันกลับมาด้วยท่าทางหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ตกใจกับการกระทำของเว่ยจวินมั่วอยู่ไม่น้อย หนานกงมั่วส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ต้องกลัว ชื่ออะไรกัน” พ่อบ้านประสานมือ “ข้าน้อยหยางจง คารวะพระชายาซื่อจื่อขอรับ”

“อ้อ หยางหรือ เจ้ากับหยางมามาเป็น…” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว หยางมามารีบเอ่ย “รายงานพระชายาซื่อจื่อ นี่เป็นหลานของตระกูลสามีบ่าวเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วพยักหน้า สาวใช้ทั้งสองย่อตัว เอ่ย “ขอพระชายาตั้งชื่อให้บ่าวด้วยเจ้าคะ” หนานกงมั่วแปลกใจเล็กน้อย หันไปมองมามาทั้งสอง หยางมามาจึงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีสาวใช้ทั้งสองนี้เป็นสาวใช้ขั้นสองขององค์หญิงเจ้าค่ะ ยามนี้มาอยู่ดูแลพระชายาซื่อจื่อ องค์หญิงจึงเห็นว่าชื่อเดิมคงใช้ไม่ได้แล้ว ได้ยินมาว่าสาวใช้เคียงกายของพระชายาล้วนแล้วแต่เป็นพระชายาที่ตั้งชื่อให้ จึงอยากรอให้พระชายาเป็นผู้ช่วยตั้งชื่อให้ด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วมองสำรวจสาวใช้ทั้งสองอีกรอบ ทั้งสองอายุราวสิบห้าปี หน้าตาเรียกได้ว่าหมดจด ถึงยังสู้จือซูและหมิงฉินไม่ได้ แต่ดวงตานั้นใสซื่อบริสุทธิ์ นางเข้าใจประสงค์ขององค์หญิงฉังผิงเป็นอย่างดี พระองค์มิได้คิดส่งสาวใช้เข้ามาแทรกซึมเรือนบุตรชาย สาวใช้สองคนนี้เมื่อมอบให้นางแล้วก็กลายเป็นคนของนาง ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ หนานกงมั่วจึงเอ่ย “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ชื่อฉิงอวี่กับซวงเย่ว์เป็นอย่างไร”

“บ่าวฉิงอวี่ ซวงเย่ว์ขอบคุณพระชายาซื่อจื่อที่มอบชื่อให้เจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “เอาล่ะ จือซูทั้งหลายนั้นอยู่กับข้ามาตลอด ต่อไปนี้พวกเจ้าก็ทำความรู้จักกันไว้”

“เจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อ” ทุกคนเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพียง

เห็นว่าหนานกงมั่วเอ่ยจบแล้ว เว่ยจวินมั่วจึงลุกขึ้นมองมาที่นาง หนานกงมั่วยิ้มหวานลุกขึ้นตาม “เอาล่ะ เราไปกันเถิด”

ทั้งสองจูงมือกันเดินออกไป เหลือไว้เพียงบ่าวด้านหลังที่หันมามองสบตากัน ความหมายของซื่อจื่อคือไม่ให้พวกเขาติดตามไปด้วย จือซูและคนอื่นๆ นั้นชินแล้วเพราะคุณหนูเคยชินกับการไม่มีสาวใช้ติดตามไป ดังนั้นจึงยักไหล่รอให้ซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อเดินห่างออกไปไกลก่อนค่อยติดตามไปทีหลัง เพื่อให้ไม่เป็นการรบกวนเวลาอยู่ด้วยกันของซื่อจื่อและชายาซื่อจื่อ แต่หากไม่ติดตามไปเลย เมื่อเจ้านายต้องการใช้งานแล้วหาบ่าวรับใช้ไม่พบก็คงไม่ดีใช่หรือไม่

ในห้องหอ หนานกงมั่วมองห้องที่เป็นสีแดงไปทั่วก็แทบอยากปิดตา เว่ยจวินมั่วตบเบาๆ อย่างปลอบโยน เอ่ยว่า “อีกสองวันก็เอาออกได้แล้ว” หนานกงมั่วกลอกตา เดินไปหยิบกระดาษปึกใหญ่ออกจากกล่องมาวางไว้บนโต๊ะ “อย่างไรก็ว่างไม่มีอันใดทำแล้ว มาจัดการของพวกนี้ให้เรียบร้อยกันเถิด”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท