หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 249 แต่งงาน อำนาจปกครองเรือน (2)

ตอนที่ 249 แต่งงาน อำนาจปกครองเรือน (2)

เมื่อได้สติ หนานกงมั่วจึงรีบดีดตัวลุกขึ้น ทั้งสองยังอยู่ในชุดแต่งงานเมื่อวาน เพียงแต่การต่อสู้เมื่อคืนทำให้หนานกงมั่วถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่เกะกะนั้นทิ้งไป เมื่อต่อสู้จนเหนื่อยแล้ว สุดท้ายเข้ามานอนได้เช่นไรหนานกงมั่วก็จำไม่ค่อยได้ แต่ว่า…นางนอนทับเว่ยจวินมั่วหลับตลอดทั้งคืน คงไม่ได้…ทับจนเขาพิการไปแล้วนะ

เว่ยจวินมั่วลืมตาขึ้นช้าๆ มองใบหน้าของสตรีชุดแดงที่นั่งใบหน้ายับยุ่งอยู่บนเตียง ยิ้มบางๆ ขณะลุกขึ้นนั่ง “อู๋สยากำลังคิดอันใดอยู่หรือ”

“คิดถึงเมื่อคืน…” หนานกงมั่วเอ่ยตอบท่าทางใจลอย

ดวงตาของเว่ยจวินมั่วดูมีลับลมคมใน “อู๋สยานึกออก…ว่าเมื่อคืนเจ้าทำอันใดดีๆ แล้วหรือ” หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมองอย่างมึนงงไปยังคนที่นั่งพิงหัวเตียงและมองกลับมาที่ตนด้วยรอยยิ้ม พลันรู้สึกขนลุกซู่ รีบลุกออกมาจากเตียง เว่ยจวินมั่วถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “อู๋สยา เราแต่งงานกันแล้วนะ”

หนานกงมั่วรู้สึกเขินอายขึ้นมา แน่นอนว่านางรู้ดีว่าตนนั้นแต่งงานแล้ว หากเป็นชาติที่แล้วเจอผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่ไม่ยอมเข้าหอนางคงคิดว่าหญิงผู้นี้นั้นเสแสร้ง แต่เมื่อมาเป็นนางตอนนี้…เสแสร้งก็คงต้องเสแสร้งต่อไปแล้วล่ะ นางไม่ต้องการให้คืนเข้าหอนั้นกลายเป็นลานสังหาร หากเป็นชาติที่แล้ว ความสัมพันธ์ของนางกับเว่ยจวินมั่วนั้นเรียกว่าเป็นมิตรภาพ ยังไม่ถึงขั้นของคนรัก ยามนี้กลับต้องมาเดินเข้าสู่การสมรส ด้วยเป็นเด็กที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน หนานกงมั่วแสดงออกชัดเจนว่านางไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ยามนี้นางยังรับไม่ได้หากต้องมีอะไรกับอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเช่นนี้

บุรุษงามมิใช่สิ่งที่เจ้าอยาก

บุรุษรูปงามใช่ว่าเจ้าอยากได้ก็จะได้นะ

มองสีหน้ายับยุ่งของนาง เว่ยจวินมั่วจึงถอนหายใจออกมา ในสายตาของเขาอู๋สยานั้นเป็นสตรีที่มีความย้อนแย้งกันมาก นางเป็นคนเด็ดขาดเมื่อต้องตัดสินใจฆ่า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนของตนเองกลับใจอ่อน อย่างเช่นนางคอยดูแลอาจารย์ที่บ้าๆ บออย่างใจเย็น และนางจะแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อนางรู้สึกผิด ช่างเป็นสตรีที่น่าสนใจ

“อู๋สยา” เว่ยจวินมั่วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหนานกงมั่ว เชยใบหน้าเล็กของนางขึ้น “อย่ากลัว ข้าไม่มีทางบังคับเจ้า”

เมื่อฟังเขาเอ่ยเช่นนี้ หนานกงมั่วยิ่งรู้สึกละอายขึ้นมา แต่ว่า…

“ขอบคุณท่านมาก” นางไม่ใช่สตรีที่เพียงรู้สึกขอบคุณก็ยินยอมพร้อมถวายตัว แน่นอนว่าสามารถให้เวลาตัวเองจนแน่ใจก่อนว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ดวงตาสีม่วงของเว่ยจวินมั่วมีความผิดหวังพาดผ่าน ดูเหมือนไม้อ่อนจะใช้กับอู๋สยาไม่ได้

“ซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อเจ้าคะ ตื่นหรือยังเจ้าคะ” ด้านนอกมีเสียงมามาดังขึ้น ทั้งสองมองสบตากัน จากนั้นจึงมองไปที่เตียงที่ถูกปูด้วยผ้าสีขาวอีกทั้งยังไม่มีรอยสีแดงอยู่บนนั้น เคลื่อนสายตามายังเสื้อผ้าบนร่างของตนอย่างพร้อมเพรียง

“เดี๋ยวก่อน”

ทั้งสองจัดการตนเองโดยรวดเร็ว ไม่นานก็มีเสียงเว่ยจวินมั่วดังขึ้น “เข้ามา”

มามาทั้งสองเดินนำจือซู หมิงฉิน รู่ฮว่า และเฟิงเหอ อีกทั้งยังมีสาวใช้ที่ยกน้ำและเครื่องประทินโฉมตามเข้ามา เห็นเพียงเว่ยจวินมั่วที่นั่งเกียจคร้านอยู่ที่หัวเตียง หนานกงมั่วที่นั่งเอียงข้างหวีผมอยู่อีกฝั่ง เสื้อผ้าของทั้งสองอยู่ในสภาพเรียบร้อย มามาชะงัก “ซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อไยจึงตื่นเช้าเพียงนี้เจ้าคะ”

มามาทั้งสองโบกมือออกคำสั่งให้สาวใช้วางอ่างน้ำลงให้ซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อได้ล้างหน้าล้างตา แล้วเดินอ้อมมายังเตียง มองไปยังผ้าสีขาวยับยุ่งที่มีรอยจุดสีแดงเข้ม รอยยิ้มพลันเบิกบานขึ้นมา เก็บไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน ที่ด้านข้าง หนานกงมั่วมองภาพนั้นด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ฝืนแสดงความเขินอายออกมาไม่ได้ ใครบางคนกรีดปลายนิ้วตนเองและหยดเลือดลงไป จากนั้นใช้กำลังภายในย่างให้สีมันเข้มขึ้นอย่างรอบคอบ นางจึงไม่รู้ว่านางต้องเขินอายอย่างไร

มามาทั้งสองไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ แสดงความยินดีกับซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่ออย่างมีความสุข

หลังจากล้างหน้าล้างตาทานมื้อเช้าเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองต้องไปยกน้ำชาแก่ผู้ใหญ่ แม้จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั้นจะทำราวกับเว่ยจวินมั่วไม่มีตัวตน แต่น่าเสียดายอย่างไรเสียเว่ยจวินมั่วก็ยังเป็นผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอยู่ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมเนียม

รุ่งเช้า ผู้คนในจวนต่างมารวมตัวกันที่ห้องโถงฝูฮุ่ยของแม่เฒ่า เมื่อคืนตอนที่เว่ยจวินมั่วเข้าพิธีคำนับฟ้าดินแม่เฒ่ามิได้ปรากฏตัว ว่ากันว่าป่วยขณะออกไปไหว้พระข้างนอกจึงกลับมาไม่ทัน ความจริงในใจทุกคนต่างรู้ดี แม่เฒ่าเองก็ไม่ชอบเว่ยจวินมั่วหลานผู้นี้ เพียงแต่อย่างไรสามีของแม่เฒ่าก็ได้จากไปเพราะช่วยชีวิตฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเองก็มีความสัมพันธ์เป็นญาติห่างๆ ของฮ่องเต้ เพราะเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งใด แม่เฒ่าปรากฏตัวในเวลานี้ ไม่รู้ว่าเพราะมาดื่มชาของหลานสะใภ้หรือโกรธที่เยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องดูหมิ่นกันแน่

ยามนี้ผู้คนมากมายนั่งอยู่ในห้องโถงฝูฮุ่ย แน่นอนว่าแม่เฒ่านั้นนั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งหลัก แม้จะอายุเลยหกสิบปีมามากโขแล้ว เมื่อครั้งยังเยาว์เคยผ่านความลำบากมาไม่น้อย แต่เมื่อได้รับการดูแลปรนนิบัติอย่างดีมากว่าหลายสิบปีย่อมทำให้นางยังดูราวกับอายุห้าสิบสี่ห้าสิบห้าปี มวยผมสีเทามีปิ่นทองที่เป็นที่นิยมของสตรีสูงศักดิ์ปักอยู่ บนศีรษะมีอัญมณีมากมายประดับเอาไว้ ใบหน้าเหี่ยวย่นได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจึงมิได้แห้งกรังและซีดเซียว กลับให้ความรู้สึกชุ่มชื้นอิ่มน้ำ หากไม่ใช่เพราะความร้ายกาจที่ปรากฏในสายตา คงจะดูเหมือนหญิงชราใจดีที่ดูอ่อนกว่าวัย

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเว่ยหงเฟยและองค์หญิงฉังผิงนั่งอยู่ด้านข้างซ้ายขวาของแม่เฒ่า ถัดลงมาจากเว่ยหงเฟยคือเฝิงซื่อ ถัดลงมาอีกเป็นคุณชายเชื้อสายรองทั้งสามและคุณหนูเชื้อสายรองอีกสองคนของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง สองคนในนั้นเว่ยจวินปั๋วและเว่ยจวินเจ๋อเป็นลูกของเฝิงซื่อ เว่ยจวินอี้และคุณหนูเชื้อสายรองอีกหนึ่งคนเป็นลูกของอนุหัน ส่วนคุณหนูอีกหนึ่งคนเป็นลูกของอนุเซียง เว่ยจวินปั๋วและเว่ยจวินเจ๋อแต่งงานแล้ว ภรรยาของพวกเขาแน่นอนว่านั่งอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน อนุของเว่ยหงเฟยมีเพียงเฝิงซื่อที่ได้นั่งอยู่ด้านข้าง อีกสองคนทำได้เพียงยืนนิ่ง สำหรับอนุของเว่ยจวินปั๋วและเว่ยจวินเจ๋อนั้นไม่มีสิทธิ์เข้ามาอยู่ในนี้ด้วยซ้ำ

“องค์หญิง ได้ข่าวว่าเมื่อคืนซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยต่อสู้กันที่เรือนซูอวิ๋น ไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ” เฝิงซื่อยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบดบังริมฝีปาก เอ่ยถามด้วยใบหน้าห่วงใย

องค์หญิงฉังผิงวางถ้วยชาในมือ เอ่ยเสียงเรียบ “ทั้งสองล้วนมีวรยุทธ์ จะสู้กันสักหน่อยแล้วจะมีอันใดได้”

เฝิงซื่อยิ้ม “นั่นก็ยากจะเอ่ยแล้วเพคะ สามีภรรยาสู้กันบ่อยคงจะไม่ดี ออกเรือนมาแล้วต้องฟังสามี ใครบ้างจะเคยเห็นภรรยาที่กล้าลงมือกับสามี” ดวงตาองค์หญิงฉังผิงเย็นยะเยือก เอ่ยเสียงเรียบ “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ใช่คนที่เจ้าจะมาจัดเรียงได้ตามอำเภอใจหรือ” หนานกงมั่วมิใช่เพียงพระชายาผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง ยังเป็นจวิ้นจู่ที่ฮ่องเต้แต่งตั้งด้วยตนเองอีกด้วย เมื่อเทียบลำดับขั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าจวิ้นอ๋องอย่างเว่ยหงเฟยเลยด้วยซ้ำ เฝิงซื่อเป็นเพียงชายารองใครให้นางกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมากัน

ทว่าแม่เฒ่าที่นั่งอยู่ด้านหน้ากลับมีแววตาเข้มขึ้น เอ่ยเสียงเรียบ “องค์หญิง เฝิงซื่อเอ่ยก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล สตรีควรอ่อนโยนอ่อนหวาน เชื่อฟังสามีคอยสั่งสอนบุตร ซิงเฉิงจวิ้นจู่ผู้นี้แม้มีฐานะสูงส่ง แต่นับเป็นสะใภ้จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ต่อไประวังไว้บ้างก็ดี”

องค์หญิงฉังผิงหลุบตาลงยังคงมีท่าทีนิ่งสงบ “ขอบคุณแม่เฒ่าที่ชี้แนะเจ้าค่ะ ข้าจะเตือนมั่วเอ๋อร์เอง แต่แม่เฒ่าเองก็รู้ เสด็จพ่อทรงโปรดปรานมั่วเอ๋อร์ ยังเคยตรัสว่านางคล้ายกับเสด็จแม่ในวัยเยาว์ ไม่ใช่เพราะ…มั่วเอ๋อร์แตกต่างจากเราสตรีสูงศักดิ์ที่เอาแต่หดหัวอยู่แต่ในเรือนหรือเจ้าคะ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท