หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 263 ความลับของเจิ้งซื่อ (2)

ตอนที่ 263 ความลับของเจิ้งซื่อ (2)

หนานกงชวี่เงียบอยู่นาน แล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบขึ้น “ก่อนท่านแม่จะจากไปได้สั่งเอาไว้ให้ข้าดูแลพวกเจ้าให้ดี น่าเสียดาย…” หนานกงชวี่ส่ายหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกก็ลุกขึ้นแล้วบอกลาไป สุดท้ายยังกำชับหนานกงมั่วอีกหนึ่งรอบ ต่อไปหากไม่มีอันใดก็ไม่ต้องกลับมาที่จวนฉู่กั๋วกงอีก

มองแผ่นหนังหนานกงชวี่ที่เดินห่างออกไป หนานกงมั่วพลันรู้สึกสับสนอยู่ในใจ เมื่อครั้งที่เมิ่งซื่อจากไปหนานกงชวี่เป็นเพียงเด็กชายอายุสิบสามปีเท่านั้น เมื่อครั้งที่หนานกงชิงถูกส่งตัวออกไปหนานกงชวี่พึ่งมีอายุได้สิบหก หากเป็นชาติก่อนของนาง เด็กอายุเพียงเท่านี้คงได้แต่เที่ยวเล่นขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ ต่อให้อยู่ในราชวงศ์เซี่ย เด็กหนุ่มอายุยี่สิบก็ยังคงเป็นเด็กที่ยังไม่ถึงวัยผู้ใหญ่อยู่ดี หนานกงมั่วเชื่อว่าเมื่อครั้งนั้นที่หนานกงชวี่ไม่เอ่ยอันใดตอนที่นางถูกส่งไปยังตานหยาง ไม่ใช่เพราะว่าเขาทอดทิ้งน้องสาวผู้นี้ บางทีอาจเพราะเขาคิดว่าด้านนอกนั่นคงปลอดภัยกว่าจินหลิงก็เท่านั้น เช่นนั้น…ใครกันที่รังแกให้หนานกงชิงต้องตกอยู่ในอันตรายกันเล่า คนละคนกับคนที่จับนางส่งขายให้หมู่บ้านโจรหรือ

เมื่อทานมื้อเที่ยงเรียบร้อย หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วก็กล่าวลาแล้วเดินทางจากจวนฉู่กั๋วกงกลับจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เมื่อกลับมาจากบ้านแล้ว วันหยุดพิธีแต่งงานของเว่ยจวินมั่วก็จบสิ้นลง ต้องกลับไปเข้าเวรตามปกติ แม้การเป็นผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันเมืองหลวงจะค่อนข้างอิสระไม่ต้องไปทำงานทุกวันเหมือนทหารที่เฝ้ารักษาประตู ทว่าก็ไม่อาจเรียกว่าสบายได้

ในจวนฉู่กั๋วกง หนานกงชวี่นั่งหลับตาอยู่ในห้องหนังสือ ชายในชุดสีเทาผลักประตูเข้ามาเอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม “คุณชาย คุณหนูใหญ่และเว่ยซื่อจื่อกลับไปแล้วขอรับ” หนานกงชวี่ลืมตาขึ้นช้าๆ พยักหน้าถาม “ท่านพ่อเล่า” ชายชุดสีเทาลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยตอบว่า “นายท่านออกไปข้างนอกแล้วขอรับ”

“ออกไปข้างนอกเช่นนั้นหรือ” หนานกงชวี่ลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงเรียบ “มั่วเอ๋อร์พึ่งออกไป เขาก็ตามออกไปเลยเช่นนั้นหรือ”

ชายชุดสีเทาเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่คุณหนูใหญ่กลับจวน แต่ก็มิได้มีข้อห้ามว่าห้ามใครออกจากเรือนในวันกลับเรือนเสียหน่อย เพียงนายท่านอยู่ตอนที่คุณหนูใหญ่กลับมาก็พอแล้วมิใช่หรือ “บางที…นายท่านอาจจะมีธุระหรือไม่ขอรับ”

“แล้วไปที่ใดหรือ”

ชายในชุดสีเทารายงานด้วยท่าทางนอบน้อม “คล้ายจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านนอกเมืองขอรับ”

หนานกงฮุยเงียบไปเนิ่นนาน พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ไปเถอะ ไปดูเจิ้งซื่อ”

คุกมืดจวนฉู่กั๋วกงเป็นเรือนเล็กๆ ในมุมลับตาคนห่างไกลออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจวน เพราะอยู่ไกลลับสายตาจึงไม่มีผู้ใดมาอยู่อาศัย ที่นี่นั้นมีไว้เก็บฟืนและถ่านที่ใช้ในจวน ในช่วงแรกแถวนี้ยังได้รับการดูแลอย่างแน่นหนา หลายปีมานี้ค่อยๆ ถูกทิ้งร้างไม่มีใครเฝ้าอยู่แล้ว ยามนี้เจิ้งซื่อถูกขังอยู่ที่นี่ หน้าประตูจึงมีสองคนคอยเฝ้า หน้าประตูคุกมีคนอยู่คอยเฝ้าก็นับว่าเพียงพอแล้ว

เมื่อมองเห็นหนานกงชวี่ คนเฝ้าประตูก็เดินหน้าเข้ามาคารวะ “คารวะคุณชายใหญ่ขอรับ”

หนานกงชวี่พยักหน้า เอ่ยขึ้น “ข้ามาเยี่ยมฮูหยิน”

องครักษ์เฝ้าหน้าประตูท่าทางลำบากใจ เอ่ย “เรียนคุณชายใหญ่ นายท่านสั่งห้ามให้ผู้ใดพบเจิ้งซื่อขอรับ”

ใบหน้าหนานกงชวี่ทะมึนขึ้น “อย่างไรเจิ้งซื่อก็เคยเป็นนายหญิงแห่งจวนฉู่กั๋วกง แม้จะทำความผิด แต่ต้องมาลำบากถูกขังอยู่ที่นี่ ข้าอดเป็นห่วงไม่ได้ ข้าเอาอาหารมาให้เจิ้งฮูหยิน พูดคุยไม่กี่ประโยคแล้วก็ไป” องครักษ์เฝ้าประตูมีท่าทีลังเล หนานกงชวี่เอ่ยต่อ “ตอนนี้ฮูหยินถูกขังอยู่ที่นี่ แต่ว่า…ก็ยังไม่มีใครรู้ว่านางจะถูกปล่อยออกมาหรือไม่”

เจิ้งซื่อได้รับความโปรดปรานมาสิบกว่าปี เมื่อองครักษ์ได้ฟังคำที่หนานกงชวี่เอ่ยก็ครุ่นคิดตาม ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายใหญ่มิใช่คนที่พวกเขาจะล่วงเกินได้ง่ายๆ สุดท้ายจึงต้องปล่อยหนานกงชวี่เข้าไป

คุกถูกสร้างขึ้นในใต้ดิน แน่นอนว่าย่อมต้องอับชื้น บวกกับการไม่ได้ใช้งานมาหลายปี เพียงเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นอับแปลกๆ ลอยออกมาแล้ว หนานกงชวี่ขมวดคิ้ว สั่งให้องครักษ์เฝ้าประตูออกไป เหลือไว้เพียงชายชุดสีเทาที่ถือกล่องใส่อาหารเดินเข้าไปในคุกด้วยกัน ในคุกเงียบสงัดทำให้เสียงก้าวเท้าเดินดังสะท้อน มีห้องขังเพียงสองห้อง เจิ้งซื่อถูกขังอยู่ที่ห้องด้านในสุด ในห้องมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง เปลวไฟพริ้วไหวราวกับมันจะดับลงได้ทุกเมื่อ กำแพงโดยรอบมีร่องรอยมากมาย หลายปีก่อนที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่โหดร้ายที่หนึ่ง

เจิ้งซื่อพึ่งถูกขังไม่กี่วัน เห็นได้ชัดว่ายังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คนคนหนึ่งกำลังนอนขดตัวสั่นเทาอยู่บนกองฟางกองหญ้า เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงรีบลุกขึ้นมา พุ่งพรวดเข้าไปเกาะกรงขัง ร้องเสียงดัง “ปล่อยข้าออกไป ปล่อยข้าออกไป”

หนานกงชวี่ยืนอยู่หน้าประตูมองสำรวจใบหน้าซีดนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สตรีที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก เจิ้งซื่อมองเห็นหนานกงชวี่พลันชะงัก นางไม่คาดคิดว่าหนานกงชวี่จะมาอยู่ที่นี่ได้ “เจ้า…เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร” หนานกงชวี่เอ่ยตอบ “แน่นอนว่ามาเยี่ยมฮูหยิน หลายวันมานี้ฮูหยินสบายดีหรือไม่”

เจิ้งซื่อยื่นมือออกไปคว้าชายเสื้อของเขาอย่างบ้าคลั่ง พลางเอ่ย “ปล่อยข้าออกไป ข้าถูกใส่ร้าย เรื่องพวกนั้นข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่… ข้าไม่ได้ทำร้ายหนานกงมั่วนะ”

หนานกงชวี่หัวเราะเยาะเย้ยเสียงต่ำ “ใส่ร้ายหรือ คำพูดของฮูหยินใครจะเชื่อ เกรงว่า…หลายเรื่องแม้แต่ฮูหยินเองก็จำไม่ได้ว่าตนเองเป็นคนทำหรือไม่” เจิ้งซื่อจ้องเขาเขม็ง เอ่ย “ข้าไม่ได้ให้คนเอาเด็กหนานกงมั่วนั่นไปขาย เรื่องที่วัดต้ากวงหมิงนั่น…คนพวกนั้นก็ไม่ใช่คนของข้า มีคนใส่ร้ายข้า”

“น่าเสียดาย ที่ท่านพ่อไม่เชื่อ”

เจิ้งซื่อสงบลงมาบ้าง มองออกว่าหนานกงชวี่มิได้มาช่วยนาง เกาะกรงรั้วและนั่งลงช้าๆ กัดฟันเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชายใหญ่มาที่นี่ทำไมหรือ” หนานกงชวี่เลิกคิ้ว เอ่ยตอบ “ข้าเพียงมาบอกกับฮูหยิน ท่านพ่อของข้ากำลังเตรียมแต่งฮูหยินคนใหม่แล้ว อีกไม่นานจวนฉู่กั๋วกงก็มีฮูหยินที่ถูกต้องตามธรรมเนียมแล้ว ถึงตอนนั้น ฮูหยินท่านคิดว่าท่านจะเป็นเช่นไร”

เจิ้งซื่อจ้องมองหนานกงชวี่อย่างระแวดระวัง แน่นอนนางไม่คิดว่าหนานกงชวี่มาที่นี่เพียงเพราะจะแจ้งข่าวนี้กับนาง แม้ว่าข่าวหนานกงไหวจะแต่งภรรยาเอกคนใหม่จะทำให้นางทั้งโกรธทั้งแค้น แต่สภาพแวดล้อมเช่นนี้มันทำให้นางรู้สึกไร้ความสามารถ หนานกงชวี่เอ่ยต่อไปอีก “วันนี้เป็นวันที่มั่วเอ๋อร์กลับจวน ซูเอ๋อร์ที่น่าสงสาร…เกือบแท้งบุตรแล้ว ได้ยินว่า…ครรภ์นี้ของนางคงจะช่วยเอาไว้ไม่ได้”

“ซูเอ๋อร์มีครรภ์หรือ” เจิ้งซื่อรู้สึกยินดีขึ้นมาก่อน จากนั้นมีความหวาดกลัวขึ้นมา แม้แต่ซูเอ๋อร์มีลูกให้หวงจั่งซุน หนานกงไหวยังไม่ยอมปล่อยนางออกไป เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะปล่อยนางออกไปแล้ว จะให้นางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกมืดมิดนี่ กินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น… เจิ้งซื่อรู้สึกเย็นยะเยือก มองชายตรงหน้าด้วยสายตาหวาดกลัว “เจ้าคิดจะเอ่ยสิ่งใดกันแน่”

หนานกงชวี่เอ่ยถาม “ฮูหยินยังอยากออกไปหรือไม่”

เจิ้งซื่อดวงตาวาววับ จ้องหนานกงชวี่นิ่ง “เจ้ามีข้อแลกเปลี่ยนอันใด ไม่… ไยเจ้าต้องช่วยข้า เจ้าไม่ได้เกลียดข้าเหมือนเจ้าเด็กหนานกงฮุยผู้นั้นหรอกหรือ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท