หนานกงมั่วกลอกตา เอ่ย “ท่านแม่เฒ่าท่านกล่าวหนักไปแล้วเจ้าค่ะ อู๋สยาไหนเลยจะกล้ากำเริบเสิบสาน หากข้าคิดกำเริบเสิบสานจริง คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ นอกจากนั้นใครเคยสั่งเคยสอนว่าจำเป็นต้องเคารพมารดาเชื้อสายรองกันเล่า มีเพียงพวกชาวเป่ยหยวนเท่านั้นถึงจะมีเมียสามอนุสี่ ประเพณีชาวที่ราบภาคกลางเรามีเมียเดียวอนุเดียวบ่าวไพร่มากแต่ไหนแต่ไร ภรรยาเอกอายุสามสิบแต่ไม่มีบุตรจึงจะรับอนุได้ มิเช่นนั้นก็เป็นได้เพียงหญิงอุ่นเตียงเท่านั้น แม่เฒ่าท่านอย่าคิดว่าท่านแก่กว่าแล้วคิดรังแกว่าเด็กเช่นข้าไม่รู้ความ เช่นนั้นแล้วอนุของท่านปู่ มารดาเชื้อสายรองของเสด็จพ่อไปไหนเล่า”
“แค่กๆ อู๋สยา…” องค์หญิงฉังผิงปิดปากกระแอมไปสองครั้ง ตักเตือนเสียงเบา
หนานกงมั่วแลบลิ้น ก้มหน้าลอบยิ้มโดยไม่มีใครทันเห็น ไม่ระวังล่วงเกินผู้ล่วงลับแล้ว ทว่าท่าทางทะเล้นนั้นกลับอยู่ในสายตาของคนด้านข้าง ทำให้ดวงตาสีม่วงนั้นเข้มขึ้นมา
“เจ้า…เจ้า…” แม่เฒ่ายกมือขึ้นกุมหน้าอก ชี้หน้าหนานกงมั่วพูดไม่ออก มองเห็นว่าเพียงเหลือกตาก่อนจะเป็นลมล้มไป หนานกงมั่วตอบสนองว่องไว แม้แต่คนข้างกายแม่เฒ่ายังไม่ทันตั้งตัว หนานกงมั่วเคลื่อนไหวรวดเร็วมาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่เฒ่าแล้วประคองนางเอาไว้ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางตกอกตกใจ “ท่านแม่เฒ่า…ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ หากท่านเป็นลมล้มไปแล้วหลานจะอยู่ต่อไปเยี่ยงไร ฮือ…หลานสำนึกผิดแล้ว เพราะข้าผิดเองที่ลืมให้รางวัลแก่คนในเรือนของท่าน ฮือ…บิดาของข้าให้สินเจ้าสาวกับข้ามาเยอะ เดี๋ยวกลับไปข้าจะมอบรางวัลให้พวกเขา ท่านรีบลืมตาขึ้นมาเถิด”
“พระชายาซื่อจื่อ…” สาวใช้ด้านข้างจะก้าวเข้ามา แต่พบว่าหนานกงมั่วจับแม่เฒ่าเอาไว้แน่นไม่ยอมให้ตนแย่งออกไปได้
“ฮึก…ท่านแม่เฒ่าหากท่านเป็นอันตรายถึงชีวิต หลานเองก็จะไปกับท่านด้วย…” หนานกงมั่วก้มหน้าลงไปบนร่างของแม่เฒ่า ร้องห่มร้องไห้
“รีบตามหมอเร็วเข้า” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่ถูกหนานกงมั่วขวางอยู่ตรงหน้าเข้าใกล้ไม่ได้เอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ
หนานกงมั่วคล้ายกับได้สติจากความตื่นตระหนก สะอึกสะอื้นแล้วเอ่ยว่า “จริงสิ หมอ…ไม่ใช่ ข้าก็รู้วิชาการแพทย์ ท่านแม่เฒ่าท่านอย่าพึ่งรีบ เดี๋ยวข้าฝังเข็มให้ท่านไม่กี่เล่มก็จะดีขึ้น ไม่มีโรคตามมาแน่นอน” เอ่ยจบ เข็มหลายเล่มก็ปรากฏอยู่ระหว่างนิ้ว หนานกงมั่วเอ่ยกระซิบ “ท่านแม่เฒ่า ท่านไม่ต้องกลัว ฝังเพียงสองเข็มเท่านั้น”
เมื่อเอ่ยจบก็เตรียมปักเข็มลงบนขมับของแม่เฒ่า
“เจ้าจะทำอันใด” เข็มยังลงไม่ถึงผิวเนื้อ แม่เฒ่าก็ลืมตาขึ้นมา ผลักหนานกงมั่วออกไป เรี่ยวแรงไม่เหมือนสตรีวัยล่วงเข้าหกสิบปีเลย ร่างบางของหนานกงมั่วเมื่อถูกผลักจึงกระเด็นถอยออกมาหลายก้าว เว่ยจวินมั่วพุ่งเข้าไปคว้านางเข้าสู่อ้อมแขน แม่เฒ่าเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “หนานกงมั่ว เจ้าคิดทำร้ายร่างกายข้าอย่างนั้นหรือ”
หนานกงมั่วชะงัก ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้เสียงดัง “ฮือ…ท่านแม่เฒ่า ท่าน…ท่านแสร้งเป็นลมอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ฮือ ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบซื่อจื่อและไม่ชอบข้า แต่ว่า…ฮือ วันนี้ท่านแสร้งเป็นลม เข้าจวนวันแรกก็ทำให้แม่เฒ่าโกรธจนเป็นลมล้มพับ หากถูกแพร่งพรายออกไป ข้าจะอยู่ต่อไปได้เช่นไร ฮึก…ข้ารู้ว่าข้าไม่รู้ความ ฮือ…ข้าทำให้ฉู่กั๋วกงต้องขายหน้า ข้าจะไปตายเสียเดี๋ยวนี้” ช่างเป็นดอกบัวขาว[1]เสียจริง คุณหนูใหญ่หนานกงเสียดายที่วันนี้นางไม่ได้สวมชุดสีขาวให้สมกับเป็นดอกไม้สีขาวดอกน้อยๆ สตรีเช่นข้านี้มันร้อยเล่ห์ ก่อนหน้านี้นั้นเป็นดอกไม้ที่เก่งกาจ ยามนี้ก็กลายเป็นดอกไม้งดงามที่ใสซื่อและอ่อนหวาน…
หนานกงมั่วกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาขมขื่นจากภายใน ยกมือขึ้นปิดหน้าน้ำตารินไหลวิ่งหนีออกไป
ทุกคนในห้องโถงตะลึงงัน ไยจึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้ ไม่ใช่ว่าจะประณามหนานกงมั่วไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่หรอกหรือ
องค์หญิงฉังผิงใบหน้าทะมึนขึ้น “ยังไม่รีบตามออกไปอีก หากพระชายาซื่อจื่อเป็นอันใดไปข้าไม่ปล่อยพวกเจ้าเอาไว้แน่”
ทุกคนหนาวเหน็บอยู่ในใจ มองเห็นเพียงเงาพาดผ่าน ซื่อจื่อก็หายไปเสียแล้ว
บ่าวไพร่กว่าครึ่งจวนต่างเห็นภาพพระชายาซื่อจื่อร้องห่มร้องไห้วิ่งออกไปจากห้องโถงฝูฮุ่ย เห็นเพียงพระชายาซื่อจื่อยกมือขึ้นปิดหน้าวิ่งผ่านหน้าทุกคนไป คล้ายกับได้ยินประมาณ ‘แสร้งเป็นลม ไม่ยอมรับ ไม่อยากอยู่แล้ว…’ พร้อมทั้งเสียงสะอึกสะอื้น ยังไม่ทันได้สติกลับมา พระชายาซื่อจื่อก็หายไปแล้ว จะว่าไปพระชายาซื่อจื่อแม้จะปิดหน้าแต่ก็วิ่งเร็วเหมือนกันนะ
ไม่ อยาก อยู่ แล้ว!
ทุกคนตกตะลึง มองไปตามทิศทางที่พระชายาซื่อจื่อวิ่งหนีหายไป ไม่รู้เสียงใครดังขึ้น “แย่แล้ว พระชายาซื่อจื่อคิดสั้น รีบตามหาเร็ว”
ผู้คนกลุ่มใหญ่วิ่งตามไปยังทิศทางที่พระชายาซื่อจื่อวิ่งหนีไป เหลือเพียงผู้คนเล็กน้อยที่ยังยืนมองหน้ากันอยู่ที่เดิม จากนั้นหันกลับไปมองห้องโถงฝูฮุ่ยด้านหลัง แม้จะรู้ว่าแม่เฒ่าและท่านอ๋องไม่ยอมรับซื่อจื่อ แน่นอนว่าคงไม่ยอมรับพระชายาซื่อจื่อด้วยเช่นกัน แต่ว่า…พึ่งเข้าจวนมาก็บีบจนพระชายาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว แบบนี้ก็เกินไปหรือไม่ ไม่รู้ว่าด้านในนั้นเกิดอันใดขึ้น
หนานกงมั่วยืนสะอึกสะอื้นอยู่ริมสระน้ำในจวน ได้ยินเสียงผู้คนมากมายที่วิ่งตามมาพลางร้องตะโกนว่าพระชายาซื่อจื่ออย่าได้คิดสั้นเลย อดไม่ได้กระตุกมุมปากยกยิ้ม ไหนเลยนางจะคิดสั้น เมื่อครู่พึ่งให้ร้ายคนอื่นไปอารมณ์ดีไม่รู้เท่าไหร่ ส่วนสระน้ำนี่…ใครใช้ให้มันถูกสร้างอยู่ระหว่างทางกลับเรือนซูอวิ๋นกันเล่า
ด้านหลังถูกคนคว้าเอวเอาไว้ กลิ่นหอมเย็นลอยเข้ามา หนานกงมั่วสะอึกสะอื้นต่อ “ปล่อยข้า ข้าไม่อยากอยู่แล้ว…”
คนที่โอบรอบเอวนางขยับชิดใบหูกระซิบเสียงเบา “ไม่ต้องแสดงแล้ว ข้าเห็นหมดแล้ว เจ้าสะกดจุดให้แม่เฒ่ารู้สึกตัวก่อนจะหยิบเข็มออกมาฝังเข็มให้นาง”
หนานกงมั่วหยุดนิ่งทันใด กลอกตามองฟ้า ลงมือภายใต้สายตายอดฝีมือนี่ช่างไม่สะดวกเสียจริง โชคดีที่ในสถานการณ์นั้นมียอดฝีมือเพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ แต่ถึงวางแผนร้ายต่อแม่เฒ่านางก็ไม่ได้รู้สึกละอายเลยแม้เพียงนิด หากแม่เฒ่านั้นรู้สึกตัวแล้วรีบลืมตาขึ้นก็คงต้องรู้สึกอันใดบ้าง ทว่ารู้สึกตัวแล้วยังแสร้งทำเป็นลมต่อ ดังนั้น บอกว่านางแสร้งเป็นลมก็ไม่เรียกว่าให้ร้ายนางใช่หรือไม่
“ซื่อจื่อ…” บ่าวรับใช้ที่วิ่งตามหลังมากลุ่มใหญ่ เมื่อมาถึงพลันเห็นว่าซื่อจื่อกำลังกอดพระชายาซื่อจื่อจากทางด้านหลัง เหมือนกลัวว่านางจะกระโดดลงไป เว่ยจวินมั่วยกมือกดไปยังร่างของหนานกงมั่ว หนานกงมั่วร่างกายอ่อนแรงถูกเขาช้อนอุ้มขึ้นมา “จิตใจของนางยังไม่สงบ ข้าจะพานางกลับไปก่อน”
“…” พระชายาซื่อจื่อคิดฆ่าตัวตายจริงๆ หรือ โชคดีที่ซื่อจื่อตามมาทัน ไม่เช่นนั้น…เรื่องน่ายินดีในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องคงได้กลายเป็นเรื่องเศร้า ว่าแต่ในห้องโถงฝูฮุ่ยนั่นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ห้องโถงฝูฮุ่ยเกิดอะไรขึ้นกันนะ
ได้ยินมาว่า…พระชายาให้รางวัลเรือนองค์หญิงและเรือนซูอวิ๋น แม่เฒ่าไม่พอใจมาก
ได้ยินมาว่า…พระชายาให้รางวัลเรือนองค์หญิงและเรือนซูอวิ๋น แม่เฒ่าไม่พอใจมาก ต่อว่าพระชายาซื่อจื่อไปหนึ่งรอบ
ได้ยินมาว่า…ท่านแม่เฒ่าไม่ชอบพระชายาซื่อจื่อมาก ต่อว่าพระชายาซื่อจื่อไปหนึ่งรอบ
ได้ยินมาว่า…เพราะแม่เฒ่าไม่ชอบซื่อจื่อจึงพาลไม่ชอบพระชายาซื่อจื่อไปด้วย กล่าวดูถูกพระชายาซื่อจื่อไปหนึ่งรอบ
ได้ยินมาว่า…ท่านแม่เฒ่าเกลียดซื่อจื่อและองค์หญิง ดังนั้นจึงพาลไปโกรธพระชายาซื่อจื่อ กล่าวดูถูกพระชายาซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อโต้ตอบไปสองประโยคท่านแม่เฒ่าจึงแสร้งโกรธจนเป็นลม คิดอยากบีบพระชายาซื่อจื่อให้ตาย
—————————-
[1] ดอกบัวขาว (ศัพท์แสลง) ใช้ด่าผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่อ แต่จริงๆ นั้นร้ายกาจ