หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 265 การตายของเจิ้งซื่อ (1)

ตอนที่ 265 การตายของเจิ้งซื่อ (1)

ที่แท้คนที่ใจร้ายที่สุดคือผู้หญิงคนนั้น

หนานกงไหวพาหญิงตั้งครรภ์กลับมา ตั้งแต่นั้นมาผู้หญิงคนนั้นก็ตัดโอกาสการมีบุตรของหนานกงไหวไป และขณะเดียวกัน นางจำได้ว่าหมอได้ตรวจดูแล้วว่าลูกที่อยู่ในครรภ์ของนางนั้นเป็นผู้หญิง

หนานกงชวี่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก หมุนตัวเดินออกไป ชายชุดสีเทาวางกล่องอาหารไว้หน้ากรงขังจากนั้นหมุนตัวตามออกไป เสียงเท้าเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ความเงียบเข้าปกคลุมในห้องขังอีกครั้ง เจิ้งซื่อเปิดออกด้วยความลังเลพบว่าด้านในนั้นล้วนเป็นอาหารที่นางชอบ แม้จะเย็นชืดไปบ้างแล้วแต่ก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ เจิ้งซื่อไม่ได้อยากกินอาหารที่หนานกงชวี่นำมาให้ แต่นางหิวมากจริงๆ สิบกว่าปีมานี้นางใช้ชีวิตสุขสบายแน่นอนว่ายังรับกับอาหารหยาบๆ ในคุกไม่ได้ สองวันก่อนหน้ายังโยนอาหารทิ้งด้วยความโกรธ ทว่าไม่มีใครเอามาเพิ่มให้นาง จนกระทั่งรู้ว่านายท่านไม่มีความคิดจะปล่อยนางออกไป กับข้าวสองวันมานี้นับวันยิ่งแย่ลง

แม้เจิ้งซื่อจะหิว แต่กลับไม่ได้รีบที่จะกิน นางยังไม่เชื่อใจหนานกงชวี่ เมื่อก่อนไม่เคยเชื่อตอนนี้ยิ่งไม่เชื่อเลย นางเลือกสุ่มหยิบอาหารออกมา โยนออกไปที่มุมห้อง ไม่นานก็มีแมลงสาบและหนูวิ่งเข้ามากิน จนกระทั่งกินเสร็จแมลงสาบและหนูเหล่านั้นยังอยู่ดี เจิ้งซื่อจึงรีบเปิดกล่องหยิบอาหารออกมาด้วยความโล่งใจ กลืนกินมันอย่างหิวกระหาย ห้องที่เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงตะเกียบและเสียงกลืนอาหาร

รุ่งเช้า เว่ยจวินมั่วออกไปเข้าเวรแล้ว หนานกงมั่วจึงออกไปถวายพระพรองค์หญิงจากนั้นก็กลับมายังเรือนซูอวิ๋น ไม่มีใครจำกัดอิสระในการออกจากจวนของนาง แต่ในฐานะสะใภ้ที่พึ่งแต่งเข้าจวน แม้นางมีอิสระทว่านางกลับไม่มีเวลา เรือนซูอวิ๋นนั้นจำเป็นต้องซ่อมแซม กิจการที่เว่ยจวินมั่วมอบให้นางยังต้องได้รับการจัดการ ทั้งยังต้องวางแผนการในอนาคต หนานกงมั่วไม่เคยจินตนาการเลยว่าเมื่อตนเองต้องเป็นคนมั่งมีจะเป็นเช่นไร ยิ่งไปกว่านั้น จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็ไม่มีเรื่องจำเป็นใดให้นางต้องจัดการ

ในห้องหนังสือ จือซู หมิงฉิน แม่นมหลาน อีกทั้งยังมีพ่อบ้านแห่งเรือนซูอวิ๋นหยางจง รวมไปถึงลู่มามาผู้ดูแล ล้วนกำลังยืนนอบน้อมรับฟังการอบรมจากนางอยู่ มามาทั้งสองขององค์หญิงนั้นกลับไปตั้งแต่วันที่นางกลับจวนแล้ว วันนี้ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าล้วนเป็นคนของเรือนซูอวิ๋นที่นางสามารถใช้ได้ในอนาคต หยางจงและลู่มามาล้วนเป็นคนที่องค์หญิงคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแม่นมหลานที่เติบโตมากับเมิ่งซื่อ จือซูและหมิงฉินนั้นอยู่ข้างกายและได้รับการอบรมจากแม่นมหลานมาตลอด มีเพียงสาวใช้ไม่กี่คนที่ยังมีความสามารถไม่เพียงพอ ยามนี้ยังเป็นได้เพียงสาวใช้ธรรมดา

หนานกงมั่วเปิดพลิกเล่มบัญชีบนโต๊ะตรงหน้า เงยหน้าขึ้นไปมองหยางจง เอ่ย “ต่อไปเรื่องนอกเรือนซูอวิ๋นคงต้องลำบากพ่อบ้านหยางแล้ว” หยางจงรีบเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “น้อมรับคำสั่งพระชายาซื่อจื่อขอรับ” หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยต่อ “คนอื่นๆ คงต้องรบกวนลู่มามาแล้ว หากมีสิ่งใดไม่เหมาะสมขอให้มามาโปรดบอก โดยเฉพาะพวกกินในคายนอกนั่น…”

ลู่มามารีบเอ่ยตอบ “พระชายาวางใจได้เจ้าค่ะ บ่าวจะจัดการคนเหล่านี้ให้ดี”

หนานกงมั่วพยักหน้า หันมายิ้มให้แม่นมหลาน เอ่ย “แม่นม ท่านช่วยดูแลบัญชีอยู่แล้ว บัญชีในเรือนก็คงยังเป็นท่านเถิด” แม่นมหลานพยักหน้า เอ่ยตอบรับ “เจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อ”

แม้ดูแลบัญชีเป็นงานที่มีรายได้ดี และต้องได้รับความไว้ใจจากเจ้านาย แต่หยางจงและลู่มามาล้วนเป็นคนฉลาด รู้ดีว่าพระชายาไม่มีทางยกความเชื่อใจนี้มาให้พวกเขาที่ยังไม่คุ้นเคยเมื่อเทียบกับแม่นมที่เห็นนางมาตั้งแต่เด็ก ในใจจึงไม่ได้รู้สึกถึงความอยุติธรรมใดๆ เพียงแต่ทั้งสองนั้นไม่รู้ว่าสาเหตุที่หนานกงมั่วยกบัญชีให้แม่นมหลานจัดการนั้นมีเหตุผลอยู่ เนื่องจากทรัพย์สินในมือของหนานกงมั่วมีมากเพียงใด คิดว่ามีไม่กี่คนที่จะคาดเดาได้ ซึ่งหนานกงมั่วเองไม่ได้เก็บทั้งหมดนั่นไว้ในมือของตนทว่ากลับแบ่งส่วนหนึ่งออกไปทำอย่างอื่นด้วย หากให้คนอื่นจัดการดูแลจะพบว่าทรัพย์สินที่นางถือเอาไว้นั้นมีมากกว่าที่คาดเอาไว้เป็นอย่างมาก หากนางคิดจะทำสิ่งใดคงไม่สะดวก คนพวกนี้ถึงแม้ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่องค์หญิงฉังผิงให้มา แต่ในยามนี้หนานกงมั่วยังไม่อาจเชื่อใจพวกเขาได้ทั้งหมด

หนานกงมั่วพยักหน้า “มีเท่านี้ พวกเจ้าออกไปเถิด จริงสิ เรือนซูอวิ๋นของเรามีห้องครัวเล็ก ต่อไปเงินรายเดือนเราเพียงรับมา ทำกับข้าวในเรือนซูอวิ๋นของเราเองก็ได้ หากไม่พอ ลู่มามาหารือกับแม่นมหลานและจัดการตามเห็นสมควรได้เลย”

แม่นมหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูโปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมหลานเติบโตมากับตระกูลขุนนาง แน่นอนรู้ดีว่าในครัวของคุณหนูคุณชายทั้งหลายล้วนมีเคล็ดลับมากมาย เจ้านายบางคนถึงขั้นมีครัวเล็กๆ ในเรือนของตนเอง เพียงแต่ครัวเล็กๆ นั้นจำเป็นต้องรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง พวกนางนั้นไม่ขาดเงิน แน่นอนว่าไม่มีทางยอมให้คุณหนูของตนต้องลำบาก

หนานกงมั่วพยักหน้า มองทั้งสามคนเดินออกไป หนานกงมั่วจึงยื่นมือไปหยิบบัญชีสองเล่มตรงหน้าส่งให้จือซูและหมิงฉิน “นี่เป็นบัญชีร้านที่มารดาเก็บไว้ให้เมื่อหลายปีก่อน พวกเจ้าลองเอาไปอ่านดู” จือซูและหมิงฉินรู้สึกยินดีขึ้นมา พวกนางแตกต่างจากสาวใช้คนอื่นๆ แม่นมหลานเคยสอนพวกนางดูแลบัญชี แต่การเรียนกับการดูแลจริงๆ แน่นอนว่าแตกต่าง พระชายาซื่อจื่อให้พวกนางศึกษาสิ่งนี้แสดงว่าต้องการให้พวกนางเริ่มช่วยดูแลกิจการในมือแล้ว ติดตามพระชายาซื่อจื่อแล้วมีประสบการณ์เหล่านี้บ้าง อนาคตเมื่อถึงวัยอันควรอย่าว่าแต่ถูกยกให้กับผู้ดูแลที่ช่วยเหลือคุณหนูจัดการกิจการ หรือต่อให้เจ้านายเมตตายอมให้ไถ่ตัว แต่งงานออกเรือนไปเป็นฮูหยินของข้าราชการเล็กๆ ก็ไม่อาจรู้ได้ เช่นนี้มีอนาคตดีกว่าคนที่เป็นได้เพียงอนุภรรยาเป็นไฉน ฐานะเช่นพวกนางต่อให้เป็นอนุก็คงเป็นได้เพียงอนุอุ่นเตียง จะมีคุณชายคนใดที่ยอมแต่งพวกนางไปเป็นภรรยารองกัน

แล้วหากได้เป็นภรรยารอง จะเป็นเช่นไรเล่า

“บ่าวขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” ทั้งสองมองสบตากันด้วยความยินดี เอ่ยขอบคุณโดยพร้อมเพรียง

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถิด ข้างกายข้ายังต้องการใช้คนอยู่มาก เพียงดูว่าพวกเจ้ามีใจซื่อสัตย์ มีความสามารถหรือไม่” ความจริงนางไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ สาวใช้ที่พามาจากตานหยางยังไม่เชื่อใจเท่าจือซูและหมิงฉิน เป็นเช่นนี้เพราะนางเชื่อมั่นในตัวแม่นมหลาน พวกนางทั้งสองเป็นคนที่แม่นมหลานเฝ้าอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ นางเฝ้าดูมาเนิ่นนานก่อนจะเลือกใช้งานสองคนนี้อย่างแท้จริง คนที่นางจะใช้ไม่เพียงต้องมีความสามารถ ยังต้องทำให้นางเชื่อใจได้ด้วย หนานกงมั่วนับว่ายังควบคุมได้ ดังนั้นนับได้ว่าไว้วางใจคนรอบกายได้ แต่นางก็ไม่รังเกียจหากพวกเขาทำผิดเล็กๆ น้อยๆ แม้หลายคนจะบอกว่าความเชื่อใจไม่อาจทนต่อความสงสัยและสิ่งล่อตาล่อใจได้ แต่ว่า…บนโลกใบนี้ก็ไม่มีความเชื่อใจที่ไร้ซึ่งเหตุผล

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

“รายงานพระชายาซื่อจื่อ ฮูหยินน้อยรองและฮูหยินน้อยสามมาเจ้าค่ะ” ด้านนอก หุยเสวี่ยเอ่ยรายงานขึ้น

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยตอบ “พวกนางมาได้เยี่ยงไร เชิญพวกนางเข้ามา”

“เจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อ”

ไม่นานเสิ่นซื่อและเซวียซื่อก็เดินตามหุยเสวี่ยเข้ามา หนานกงมั่วไม่ชอบออกไปข้างนอก และไม่พบปะกับคนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง สำหรับสะใภ้ที่ร่วมใช้สกุลเดียวกันนางเองก็ไม่สนิท เจอกันครั้งที่แล้วก็เป็นวันพิธีแต่งงาน นอกจากวันมอบของขวัญก็ไม่เคยมองสองคนนี้ให้ละเอียด เวลานี้ได้พบกันอีกครั้ง ทั้งสองล้วนแล้วแต่อายุสิบแปดสิบเก้าปี เสิ่นซื่อดูอ่อนหวาน เมื่อเทียบกับเซวียซื่อที่ดูอ้วนท้วนมากกว่า ขนตาเป็นแพหนา ดวงตากลมโต ยิ่งเมื่อเทียบกับผิวขาวนวลของเสิ่นซื่อแล้วก็ดูคล้ำกว่าไม่น้อย สตรีที่มีลักษณะเช่นนี้ควรมีความสง่างาม แต่ระหว่างคิ้วของเซวียซื่อกลับมีความขุ่นเคืองและเกลียดชัง ทำให้คนอยากตีตัวออกห่างโดยไม่รู้ตัว

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท