หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 276 โบยก่อนค่อยว่ากัน (2)

ตอนที่ 276 โบยก่อนค่อยว่ากัน (2)

ตอนที่ 276 โบยก่อนค่อยว่ากัน (2)
เฉียวเฟยเยียนปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่จวนฉู่กั๋วกงคือตอนที่หนานกงไหวอยากรับนางเข้ามาเป็นอนุภรรยา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย ตอนนั้นหนานกงชวี่ยังไม่ทันสามขวบด้วยซ้ำ จะจำเรื่องเหล่านี้ได้หรือ

หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ขอรับ เพียงเคยได้ยินว่ามีญาติผู้น้องเป็นพระชายาหวาหนิงจวิ้นอ๋องขอรับ”

“มารดาเจ้าเป็นคนบอกหรือ นางยังบอกอันใดกับเจ้าอีก”

หนานกงชวี่ส่ายหน้า “เคยได้ยินบ่าวรับใช้เอ่ยถึงขอรับ” หนานกงไหวเองไม่รู้ว่าควรเชื่อบุตรชายผู้นี้หรือไม่ หลังจากเมิ่งซื่อจากไปเจิ้งซื่อได้ทำการทำความสะอาดข้าทาสในจวนยกใหญ่ คิดว่าคงถามไม่ได้แล้วว่าเป็นบ่าวคนใดเอ่ยถึง เพียงแต่เมื่อนึกถึงความเย่อหยิ่งทะนงตนของภรรยาคนเดิม แม้แต่เจิ้งซื่อนางยังไม่ชายตามองเลยแม้เพียงนิด คิดว่าคงไม่มีทางเอ่ยถึงเฟยเยียนหรอก

หนานกงไหวถอนหายใจออกมา เอ่ยว่า “เมื่อครั้งนั้นน้าสาวของเจ้ามีเรื่องเข้าใจผิดกับมารดาของเจ้า ดังนั้นหลายปีต่อมาจึงไม่เคยมาเยี่ยม เวลานี้หวาหนิงจวิ้นอ๋องจากไปแล้ว เมื่อไร้ซึ่งตำแหน่งอ๋องแล้ว นางคนเดียวเลี้ยงลูกสองคนย่อมมิใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังเป็นญาติเพียงคนเดียวของมารดาเจ้า…” หนานกงชวี่หลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อ ลูกเข้าใจขอรับ”

“เข้าใจก็ดี เข้าใจก็ดี” หนานกงไหวเอ่ย ในใจนั้นยังสับสน เจิ้งซื่อตายอย่างแปลกประหลาด บุตรชายผู้นี้ดูน่าสงสัยที่สุด ทว่ากลับไม่มีหลักฐานใดๆ หรือว่า…เขาจะคิดมากไปจริงๆ

“นายท่าน นายท่าน แย่แล้วขอรับ” ด้านนอก พ่อบ้านวิ่งเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน

หนานกงไหวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “มีอะไรแย่อีกเล่า”

พ่อบ้านเหลือบมองหนานกงชวี่และหนานกงฮุยด้วยท่าทีลำบากใจ หนานกงไหวขมวดคิ้ว “พวกเจ้าออกไปก่อน”

“ขอรับ ท่านพ่อ” สองพี่น้องเดินเคียงข้างกันออกไป

รอทั้งสองเดินหายลับออกไปแล้ว หนานกงไหวจึงเอ่ยถาม “เกิดอันใดขึ้น”

พ่อบ้านรีบเอ่ยทันที “เฉียว…เฉียวฮูหยินและคุณชายคุณหนูถูกจับไปที่คุกเขตอิ้งเทียนขอรับ”

“อะไรนะ” หนานกงไหวดีดตัวลุกขึ้นทันใด เอ่ยเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น”

พ่อบ้านเอ่ยด้วยใบหน้าเจื่อน “ตอบนายท่าน ได้ยินว่า…เฉียวฮูหยินและคุณชายคุณหนูไปเจอกับคุณหนูใหญ่และท่านเขย คุณหนูใหญ่…คิดว่าทั้งสามเป็นพวกเข้ามาหลอกลวงจึงเกิดความเข้าใจผิดขึ้นขอรับ จากนั้น…คุณหนูเย่ว์อู่จึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเฉียวฮูหยินเป็นฉู่กั๋วกงฮูหยินขอรับ”

“อะไรนะ” หนานกงไหวใบหน้าทะมึน เขาจะแต่งเฟยเยียนไม่ผิด แต่งยังไม่ทันจัดพิธีเลย เอ่ยเช่นนั้นต่อหน้าผู้คน… เกรงว่ายามนี้คงแพร่งพรายไปทั่วทั้งเมืองแล้ว นึกถึงสายตาเสียดสีและเย้ยหยันในราชสำนักวันพรุ่งนี้ใบหน้าจึงเริ่มไม่น่ามองมากขึ้น

“นายท่าน แล้วเฉียวฮูหยิน…”

ใบหน้าของหนานกงไหวอ่อนโยนขึ้น เอ่ยเสียงเข้ม “ข้าจะไปคุกเขตอิ้งเทียน” เว่ยจวินมั่วสั่งให้ควบคุมตัวไปด้วยตนเอง จะส่งใครอื่นไปรับก็คงพาออกมาไม่ได้ เฟยเยียนร่างกายอ่อนแอ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา… เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานกงไหวก็นั่งไม่อยู่ รีบลุกขึ้นและออกไปทันใด

ในห้องหนังสือของหนานกงชวี่ หนานกงชวี่กำลังนั่งคัดอักษรอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ตัวอักษรคำว่า ‘สงบ’ ตัวใหญ่ ไม่รู้ทำไมเมื่อเขียนออกมาแล้วมันกลับเต็มไปด้วยแรงอาฆาต หนานกงฮุยผลักประตูเข้ามา เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่ ท่านพ่อออกไปแล้ว”

หนานกงชวี่ส่งเสียง “อืม” ตอบรับ ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก หนานกงฮุยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่ ท่านน้าอะไรนั่นมีที่มาเช่นไรกัน ไม่เคยได้ยินท่านเอ่ยถึงมาก่อนว่าเรามีน้า” หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “เป็นเพียงญาติห่างๆ ของท่านแม่ก็เท่านั้น ไยต้องเอ่ยถึงนาง”

“ตอนนี้นางจะกลายมาเป็นแม่เลี้ยงของเรานะ” หนานกงฮุยเอ่ย “แปลกจริงๆ ต่อให้ท่านพ่อคิดจะแต่งงาน หาสตรีในห้องหอดีๆ ในจินหลิง อือหึ…ไหนเลยจะหาไม่ได้ ไยจึงต้องเป็นหญิงม่ายที่อยู่ไกลหลายพันลี้ด้วย อีกทั้งยังเป็นสตรีที่สามีพึ่งจากไปไม่นานอีก คงไม่ใช่ว่าท่านพ่ออยากแต่งตั้งนานแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่มั่วเอ๋อร์พึ่งจะกลับมาเอ่ยถึงไยเขาจึงไม่ยอม”

เหลียงโจวอยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ยิ่งไปกว่านั้นเส้นทางเดินทางไปเหลียงโจวนั้นลำบาก เช่นนั้นหวาหนิงจวิ้นอ๋องจากไปตั้งแต่เดือนสามก่อน ข่าวมาถึงจินหลิงน่าจะสักเดือนสี่เดือนห้า ท่านพ่อส่งจดหมายแต่งงานตอบกลับไปและรอจดหมายตอบกลับมาก็คงอยู่ในช่วงเวลานี้ นั่นหมายความว่า…เมื่อหวาหนิงจวิ้นอ๋องตายไปแล้วท่านพ่อก็คิดหมายปองชายาของเขาแล้ว…บอกว่าสองคนนี้ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนใครจะเชื่อ หากไม่เคยมีความสัมพันธ์กันจริงๆ หนานกงฮุยอยากถามท่านพ่อมากเหลือเกินว่า หวาหนิงจวิ้นอ๋องนั้นมีความแค้นอันใดกับท่านมากมายนัก

“ฮุยเอ๋อร์ เจ้าควรแต่งงานได้แล้ว” หนานกงชวี่วางพู่กันลง เอ่ยเสียงเรียบ

หนานกงฮุยชะงัก ยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยท่าทางงงงวย “ไยจึงเป็นข้าแล้วเล่า”

หนานกงชวี่เอ่ย “เจ้าเคยไปออกรบ เคยได้รับคุณงามความดี ยามนี้แม้ยังไม่มีตำแหน่งสูงในกองทัพ แต่มีชื่อเสียงของท่านพ่อ ยังมีน้องเขยอีกก็คงพอจะดูแลเจ้าได้บ้าง เช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว”

“ไม่ใช่สิ” หนานกงฮุยกลอกตา ไม่ชอบพวกคนฉลาดเอาเสียเลย ยากจะก้าวตามทันพวกเขาได้ “ตอนนี้ข้ากำลังเอ่ยถึงท่านพ่อจะแต่งงานอยู่มิใช่หรือ”

หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าต้องแต่งก่อน เดี๋ยวข้าจะให้ท่านพ่อทูลขอตำแหน่งดีๆ ให้เจ้า เจ้าอยู่ในกองทัพ อำนาจของท่านพ่อมีประโยชน์ต่อเจ้ามากกว่าข้า” ทุกๆ ปีราชสำนักจะรับข้าราชการอายุน้อยเข้ารับตำแหน่งโดยไม่ผ่านช่องทางที่เป็นทางการอย่างการสอบเข้า แต่มาจากการทำความดีความชอบ สิ่งนี้ใช้ได้กับลูกหลานของบรรดาผู้ร่วมก่อตั้งประเทศเท่านั้น หนานกงชวี่เอ่ยต่อไปอีก “แต่งงานแล้ว พวกเจ้าก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นเถิด”

“พี่ พี่ พี่ใหญ่” หนานกงฮุยเบิกตากว้าง เอ่ย “พี่ใหญ่ ท่านจะทำอันใดกันแน่” หนานกงฮุยไม่ได้คิดว่าพี่ชายจะกลัวตนไปแย่งตำแหน่ง เพราะเหตุนี้เขาจึงยิ่งไม่เข้าใจ “ท่านพ่อยังอยู่ ต่อให้แต่งงานแล้วแต่ตามหลักอย่างไรก็ไม่อาจแยกตัวออกไปได้

หนานกงชวี่กวาดตามองเขา เอ่ย “ตลอดหลายปีมานี้ข้าปกป้องเจ้าดีเกินไป เจ้าอยากพึ่งข้าไปตลอดชีวิตหรือ เมื่อก่อนยังบอกว่าจะปกป้องมั่วเอ๋อร์ เจ้าเป็นนกที่หนีจากรังไม่ได้อยู่แบบนี้ เป็นเจ้าปกป้องมั่วเอ๋อร์หรือมั่วเอ๋อร์ปกป้องเจ้ากันแน่” หนานกงฮุยรู้สึกละอายขึ้นมา จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบตาปริบอย่างไร้การวางแผนขณะมองไปยังหนานกงชวี่ เอ่ย “แต่ว่า ต่อให้ข้ายอม ท่านพ่อก็ไม่มีทางยอมน่ะสิ”

“ท่านพ่อจะยอมแน่” หนานกงชวี่บอก

แม้ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เมื่อหนานกงฮุยลองไตร่ตรองจึงรู้สึกว่าพี่ใหญ่เอ่ยไม่ผิดเลย ตนเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วควรพึ่งพาตนเองได้แล้ว ต่อให้แยกตัวออกไป พี่ใหญ่ก็ยังคงเป็นพี่ใหญ่มิใช่หรือ อยู่ในเมืองจินหลิงด้วยกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอกันอีกสักหน่อย เพียงแต่ไม่รู้ทำไมหนานกงฮุยกลับรู้สึกไม่สบายใจ “พี่ใหญ่…มิสู้ รอให้ท่านพ่อแต่งก่อนค่อยคุยเรื่องนี้ดีหรือไม่” เขาต้องดูว่าภรรยาคนใหม่นั้นจะรับมือง่ายหรือไม่ เกิดเป็นเจิ้งซื่ออีกคนจะทำเช่นไร

หนานกงชวี่ส่ายหน้า ยืนยันหนักแน่น “ไม่ได้ เจ้าต้องแต่งก่อน ท่านพ่อค่อยรับภรรยาใหม่”

หนานกงฮุยกะพริบตาปริบ คร้านจะเตือนพี่ชายว่าท่านพ่อจะแต่งภรรยามิใช่รับภรรยา

“พี่สะใภ้จะไหวหรือขอรับ” แม้ยังไม่มั่นใจในความสามารถของพี่สะใภ้ แต่ก็ไม่อยากแต่งภรรยาเช่นพี่สะใภ้หรอกนะ แบบนั้นอยู่เป็นอิสระไปเลยไม่ดีกว่าหรือ หนานกงชวี่เอ่ยด้วยท่าทางนิ่งสงบว่า “ข้าช่วยเจ้าเลือกคนเอาไว้แล้ว ลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพซังเจิ้น”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท