ตอนที่ 280 อู๋สยาผู้รับผลในสิ่งที่ก่อ (3)
“อู๋สยา” มองดูหญิงสาวที่มีรอยยิ้มเบิกบานตรงหน้าแล้วเสียงทุ้มของเว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น หนานกงมั่วหันกลับมายิ้มตาหยีส่งให้เขา “ข้ากำลังช่วยซื่อจื่อฝึกจิตใจรับมือกับสตรี นี่ข้ากำลังทำเพื่อซื่อจื่ออยู่นะ” ใบหน้าหล่อเหลาของเว่ยจวินมั่วเข้มขึ้น มุมปากยกขึ้นแต้มรอยยิ้มสวยจางๆ “อู๋สยา มานี่”
หนานกงมั่วมองเขาอย่างระแวดระวัง แล้วกลับถอยห่างออกไปกว่าเดิม หัวเราะแห้ง “ฮ่าๆ ข้าเพียงล้อเล่น…”
“เจ้าไม่มา จะให้ข้าเข้าไปหาใช่หรือไม่” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “อู๋สยา ตอนนี้เจ้ายังเอาชนะข้าไม่ได้”
คุณหนูใหญ่หนานกงไม่พอใจ นางถูกข่มขู่แล้ว แต่ว่า…ไยนางจึงไปล้อเล่นกับเจ้าเด็กนี่เช่นนี้นะ
“ตอนนี้ข้ารู้สึกผิดแล้ว ท่านจะอภัยให้ข้าได้หรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง ควรก้มหัวก็ต้องก้มหัว คนที่ยืนหยัดไม่ยอมแพ้กลายเป็นป้ายชื่อวิญญาณนั้นก็มีให้เห็นมาก
เว่ยจวินมั่วไม่ตอบ ขยับตัวทันใด ห้องกว้างขวางเห็นเพียงชุดสีฟ้าเคลื่อนไหว หนานกงมั่วรีบหมุนตัวเตรียมหนีออกไป มือยังไม่ทันแตะถึงประตูห้องก็ถูกแขนข้างหนึ่งเข้ามาโอบรอบเอวเอาไว้แล้ว เวลาต่อมาก็ถูกช้อนอุ้มไปวางลงบนเบาะนุ่มในห้องหนังสือ
“ฮือ เว่ยจวินมั่วข้าผิดไปแล้ว ท่านให้อภัยข้าเถิด” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นทันใด เว่ยจวินมั่วยื่นมือออกไป หยิบเข็มสีออกมาจากง่ามนิ้วของนางโยนทิ้งไปอีกฝั่ง เลิกคิ้วเอ่ย “อู๋สยา ไม่เคยมีคนบอกกับเจ้าหรือว่าห้ามหยอกล้อบุรุษเช่นนี้”
เคยมี… แต่ว่า น้อยนักที่ข้าจะมีอารมณ์ไปหยอกล้อบุรุษ และมีน้อยมากที่บุรุษจะเอาชนะข้าได้
“ต่อไปไม่กล้าแล้ว” มองดวงตากลมโตที่ซื่อสัตย์ของข้าสิ
“ครั้งต่อไปทำอีกก็ได้” เว่ยจวินมั่วรู้สึกว่ายามที่นางล่อลวงเขานั้นช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก
“…” ไม่รู้เลยว่าต้องเอ่ยกับบุรุษมากตัณหาใจดำผู้นี้เช่นไร
เว่ยซื่อจื่อเองก็ไม่คุยอะไรกับภรรยาให้มากความแล้ว ก้มลงไปจูบริมฝีปากสวยที่เขาจับจ้องมานาน
เห็นชัดว่าไม่มีประสบการณ์เลย แต่หากนับด้านฝีมือก็เห็นได้ชัดว่าเว่ยซื่อจื่อนั้นเก่งกว่าพระชายาซื่อจื่อหลายร้อยเท่า เสียเปล่าที่ชาติก่อนหน้านี้ของคุณหนูใหญ่หนานกงมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ค้นข้อมูลได้ง่ายดาย แต่อย่างไรเรื่องเช่นนี้ทฤษฎีกับปฏิบัติมันคนละเรื่องกันอยู่ดี และสำหรับคุณหนูใหญ่หนานกงแล้วดูจะไร้เดียงสาเหลือเกินเมื่อเทียบกับวรยุทธ์และวิชาการแพทย์ของนาง
ในขณะที่หนานกงมั่วกำลังไม่ประสีประสาอยู่นั้น แม้จะรู้สึกว่าความรู้สึกตอนจูบนั้นไม่เลว แต่ก็ยังแค้นเคืองอยู่ในใจว่าครั้งหน้านางต้องเอาคืนให้ได้ ด้านนอกเสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
ทั้งสองเพียงชะงัก ใบหน้าของเว่ยซื่อจื่อฉายแววโกรธและไม่พอใจ หนานกงมั่วเลิกคิ้ว รีบลุกขึ้นนั่ง หัวเราะเบาๆ “มีคนมาแล้วท่านซื่อจื่อ ทำอะไรกลางวันแสกๆ ไม่ถูกนะเจ้าคะ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “เช่นนั้นตอนกลางคืนก็ได้หรือ”
“…”
เว่ยซื่อจื่อลุกขึ้น มองสตรีงามหยดย้อยอยู่ด้านข้าง ดวงตาคมกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาจัดเสื้อผ้าที่หลุดรลุ่ยบนไหล่ของนาง ใบหน้าของหนานกงมั่วชะงักรอยยิ้มทันใด
“รายงานซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อ เยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องเสด็จมาแล้วขอรับ” เสียงพ่อบ้านรายงานดังขึ้นมาจากด้านนอก
“รู้แล้ว”
เยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องมา ทั้งสองคนต้องไปเยี่ยมคารวะ ความจริงหลังจากกลับจากการกลับจวน ทั้งสองควรไปเยี่ยมคารวะเสด็จลุง แต่ตลอดสองวันมานี้หากไม่ใช่เพราะเว่ยจวินมั่วไม่ว่างก็เป็นเยี่ยนอ๋องหรือฉีอ๋องที่ไม่อยู่ วันนี้ตระกูลหนานกงยังมีเรื่องจึงไม่ได้ไป จนทั้งสองมาหาเองถึงที่จวนแล้ว
เยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องไม่ได้มาที่เรือนซูอวิ๋น แต่ไปยังเรือนองค์หญิงฉังผิง ท่านอ๋องทั้งสองมาเยือนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องพร้อมกัน แม้ความสัมพันธ์ต่อจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะจืดจาง แต่คนในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยังต้องให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วมาถึงทุกคนก็มาโดยพร้อมเพรียงแล้ว มองเห็นทั้งสองเดินจูงมือกันเข้ามา ฉีอ๋องเลิกคิ้ว เอ่ยยิ้มๆ “จวินมั่วนี่อะไรกันเล่า พึ่งแต่งงานก็ทำหน้าตาบูดบึ้ง ใครทำให้เจ้าไม่พอใจแล้วหรือ”
ไม่รู้ว่าจากการดูใบหน้าไร้อารมณ์นั่นฉีอ๋องมองออกได้เช่นไรว่าเขาไม่พอใจ
เว่ยจวินมั่วเหลือบตามามองนางเล็กน้อย ก้าวขึ้นไปด้านหน้า เอ่ยตอบ “เสด็จลุงเยี่ยนอ๋อง เสด็จลุงฉีอ๋อง เสด็จแม่ ท่านย่า เสด็จพ่อ”
เว่ยจวินมั่วคำนับ หนานกงมั่วเองก็ทำตาม เยี่ยนอ๋องไล่สายตามองหนานกงมั่ว พยักหน้า “เห็นพวกเจ้าทั้งสองเข้ากันได้ดี ข้ากับเจ้าหกก็วางใจแล้ว” องค์หญิงฉังผิงยิ้มหวาน “พี่สามวางใจ อู๋สยาเด็กคนนี้นิสัยดี หากเป็นสตรีคนอื่นคงรับอารมณ์ร้ายของจวินเอ๋อร์ไม่ได้แล้ว”
“อู๋สยานิสัยดีหรือ” ฉีอ๋องเลิกคิ้ว ที่เขาได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้นี่ สตรีที่นิสัยดีกล้าสร้างเรื่องกล่าวขานไปทั่วเมืองทั้งๆ ที่เพิ่งแต่งงานหรือ หากไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา เขาคงอยากวิ่งมาดูที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องด้วยตนเองว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ อย่างไรก็ตามเขาไม่เชื่อว่าแม่เฒ่าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะรังแกเด็กคนนี้ได้ ไม่เห็นหรือว่าแม่เฒ่าผู้นั้นเพียงมองเห็นอู๋สยาก็ใบหน้าเคร่งเครียดจนต้องยกมือขึ้นมานวด
สำหรับสายตากลมโตที่อาจหาญไม่เคารพผู้อาวุโสของหนานกงมั่ว ฉีอ๋องกลับไม่รู้สึกว่ามันไม่ดี เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับคนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมานานแล้ว รังแกน้องสาวเซียวฟั่ง ถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋องก็ยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้ม กะพริบตาปริบ “วาจานี้ของเสด็จลุง…บอกว่าอู๋สยานิสัยไม่ดีหรือเพคะ เสด็จลุงเข้าใจอู๋สยาผิดแล้วเพคะ”
ฉีอ๋องหัวเราะเสียงดังออกมา เอ่ยตอบ “ฮ่าๆ ข้าก็คิดว่าเจ้านิสัยไม่เลว ข้าชอบ มาสิ นั่งลงคุยกัน”
ทั้งสองนั่งลงข้างกายองค์หญิงฉังผิง เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เสด็จลุงจะไปจากจินหลิงแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องถอนหายใจ เอ่ยตอบ “เจ้าก็รู้ อ๋องผู้ปกครองหัวเมืองอยู่จินหลิงนานไม่ได้”
หนานกงมั่วรู้สึกเสียดายที่พึ่งทั้งสองของนาง ครอบครัวจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องพลันถอนหายใจ ทุกครั้งที่อ๋องทั้งสองกลับเมืองหลวงพวกเขามักรู้สึกถึงความกดดัน เพียงแต่ไม่นานหนานกงมั่วก็ดูออก ความจริงอยู่ในจินหลิง ไม่มีอะไรต้องพึ่งท่านอ๋องทั้งสองมากนัก ชินอ๋องแม้จะเก่งกาจเพียงใดเมื่ออยู่ใต้อำนาจของฮ่องเต้ก็ไม่อาจขยับตัวได้มากนัก ส่วนใหญ่ทำได้เพียงสยบเพียงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถของนางและเว่ยจวินมั่ว หากถึงจุดที่ต้องพึ่งท่านอ๋องทั้งสองคอยสนับสนุนจริงๆ คิดว่าคนที่พวกเขาล่วงเกินคงไม่ใช่เพียงอำนาจของอ๋องทั้งสองจะช่วยได้แล้ว
เยี่ยนอ๋องกวาดตามองจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่นั่งอยู่ด้านข้าง หันไปเอ่ยกับเว่ยจวินมั่ว “เรื่องที่ลุงเคยเอ่ยกับเจ้า น้องห้าคุยกับข้าแล้ว ยังเป็นดังนั้นเช่นเดิม หากไม่อยากอยู่จินหลิงแล้วก็มาที่โยวโจว เจ้าเป็นหลานของเสด็จพ่อ เพียงตำแหน่งจวิ้นอ๋องจะนับประสาอะไร”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าคนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องพลันเปลี่ยนแปร ชายารองเฝิงที่ยืนอยู่ด้านหลังแม่เฒ่าใบหน้าชะงักงัน กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “กระหม่อมรู้ เพียงแต่ฝ่าบาทพึ่งแต่งตั้งตำแหน่ง หากออกไปตอนนี้คงไม่ดีต่อฝ่าบาท” ฮ่องเต้ไม่มอบให้เจ้าก็อย่าไปอยากได้ ฮ่องเต้อยากให้เจ้าก็อย่าได้ปฏิเสธ เช่นนั้นจะเป็นการไม่ไว้หน้าฮ่องเต้ การไว้หน้าฮ่องเต้เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง