ตอนที่ 281 คัดจนมือขาด (1)
“อีกทั้ง กระหม่อมรู้ดีว่าเสด็จลุงทำสงครามอย่างหนักที่โยวโจว กระหม่อมยังต้องฝึกฝนอีกมาก”
ฉีอ๋องหัวเราะ “เจ้าเด็กนี่เจ้าช่างถ่อมตน สนามรบก็ลงไปแล้วสองสามหน อยู่กองกำลังคุ้มกันเมืองเช่นนั้นเจ้าจะได้ฝึกฝนอันใด” จินหลิงมีกองกำลังทหารนั้นไม่ผิด แต่พวกเขาไม่ทำสงครามนี่สิ กองทัพต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดเมื่อไม่ได้ออกศึกสงครามก็กลายเป็นไร้ประโยชน์อยู่ดี ต้องมีการฝึกฝน ทั่วทั้งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่นี้คงไม่มีที่ใดเหมาะสมต่อการฝึกเท่ากองทัพของโยวโจวและกองทัพสีโจวของไท่หนิงเว่ยอีกแล้ว
เว่ยจวินมั่วมองเสด็จลุงเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใด
เยี่ยนอ๋องโบกมือบอกฉีอ๋องไม่ให้เอ่ยขัดจังหวะ พยักหน้า เอ่ยขึ้นบ้าง “เจ้ามีแผนอยู่ในใจก็ดีแล้ว ไม่ว่าเจ้าตัดสินใจอย่างไร พวกเราจะสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน”
“ไม่ผิด” ฉีอ๋องยิ้มจนตาหยีมองไปยังผู้คนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เอ่ย “ไม่ว่าเจ้าอยากทำอันใด พวกเราตระกูลเซียวต้องสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน”
ผู้นี้ยิ่งโหดร้ายขึ้นไปอีก ลากตระกูลเซียวมาทั้งหมดเลย หนานกงมั่วรู้สึกว่าใบหน้าของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเข้มขึ้น นี่มันเป็นการข่มขู่นี่นา กล้ามองข้ามหลานชายข้ายกตำแหน่งอ๋องให้ผู้อื่น ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งตระกูล
เห็นว่าบรรยากาศเริ่มตึงเครียด เยี่ยนอ๋องจึงเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อเสียงเรียบ “ได้ข่าวว่าจวนฉู่กั๋วกงเกิดเรื่องหรือ”
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ยตอบ “ลำบากเสด็จลุงใส่ใจแล้ว ไม่มีเรื่องใหญ่อันใดเพคะ หว่านฮูหยินจวนฉู่กั๋วกงจากไปแล้ว ท่านพ่อ…ช่วงนี้ดูจะเศร้าโศกอยู่บ้างเพคะ”
“โศกเศร้าหรือ” ฉีอ๋องเลิกคิ้ว “แต่ข้าได้ยินมาว่าหนานกงไหวพึ่งพาหญิงม่ายกลับไปจากจวนผู้ว่าไม่ใช่หรือ”
“…” ท่านอ๋อง ท่านช่างเอ่ยตรงไปตรงมาเสียจริง
“คงจะโศกเศร้าเกินไป จึงอยากหาคนใหม่มาช่วยปลอบโยนเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“ข้ายังได้ยินมาว่า หญิงม่ายผู้นั้นยังเข้ามายุ่งกับเจ้าและจวินมั่วอยู่กลางถนนอีกด้วย จึงถูกพวกเจ้าส่งเข้าห้องขังไป เช่นนี้…ฉู่กั๋วกงคงจัดการไม่ง่ายเลยสินะ” ฉีอ๋องเอ่ยถามด้วยความสนใจ ไม่มีวี่แววของความกังวลเลยสักนิด หนานกงมั่วอดไม่ได้ที่จะเอือมระอา ท่านอ๋องท่านช่างได้ยินมามากเสียจริง
“เรื่องนี้ หม่อมฉันจะรู้ได้เช่นไรเพคะว่าท่านพ่อมีใจต่อนาง ยิ่งไปกว่านั้น…ไม่ใช่ว่านางยังไม่แต่งเข้าจวนหรือเพคะ” หนานกงมั่วยิ้มจนตาหยี “นอกจากนี้ สตรีที่แต่งออกไปแล้วก็เป็นดั่งน้ำที่ถูกสาดออกไป ต่อให้บิดาของหม่อมฉันไม่พอใจ ก็ทำอะไรไม่ได้นะเพคะ” นางไม่คิดหวังให้หนานกงไหวมาหนุนหลัง ยิ่งไม่คาดหวังจะได้สิ่งใดจากหนานกงไหว ไยต้องสนใจว่าหนานกงไหวจะพอใจหรือไม่
ฉีอ๋องถอนหายใจ “บุตรีกับแม่เลี้ยงไม่ลงรอยนั่นเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นไร เจ้ายังมีพวกเรา เสด็จลุงจะหนุนหลังเจ้าเอง”
“ขอบพระทัยเสด็จลุงเพคะ” หนานกงมั่วยิ้มบาง รู้สึกว่าฉีอ๋องผู้นี้น่าสนใจ
ข่าวฉู่กั๋วกงกำลังจะแต่งหญิงม่ายผู้งดงามถูกกระจายไปเกินครึ่งเมืองหลวง ข่าวฉู่กั๋วกงบุกไปยังจวนผู้ว่าการอิ้งเทียนเพื่อหญิงม่ายผู้นี้ก็โด่งดังไปทั่วจินหลิงเช่นกัน เจิ้งซื่อเป็นอนุที่หนานกงไหวโปรดปรานมานานนับสิบปี วันนี้กลับมีข่าวเรื่องรักใคร่ที่สวยงามแพร่งพรายออกมา เพียงพอให้ผู้คนในราชสำนักสนใจไม่น้อย โรงเหล้าโรงน้ำชายิ่งเป็นสถานที่ที่ส่งข่าวสารให้รับรู้โดยทั่วกัน อีกทั้งยังถูกเสริมเติมแต่งเพื่อให้ระทึกใจมากยิ่งขึ้น นักปราชญ์บางคนแทบทนรอไม่ไหวที่จะเขียนออกมานับหมื่นคำ เขียนเรื่องราวของฉู่กั๋วกงและหญิงม่ายผู้งดงาม บรรดาผู้ตรวจการเองก็ตื่นเต้นดีใจ สำหรับผู้ตรวจการนั้นมีเพียงคำว่า…ฟ้องร้องไม่ไว้วางใจ การเป็นผู้ตรวจการ หากในหนึ่งปีมีการตรวจสอบขุนนางไม่ได้สักหนึ่งหรือสองคน นับว่าเป็นความล้มเหลวของงานตรวจการอย่างยิ่ง และผู้ตรวจการในรัชสมัยนี้ยังมีความผิดปกติอยู่อย่าง…เพียงได้ข่าวคราวเล็กน้อยก็พุ่งเข้าหาในทันใดโดยไม่สนว่าจะจริงหรือเท็จ ขอเพียงได้ข่าวต้องกล่าวหาฟ้องร้องไปก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน อย่างไรเสียก็เป็นไปตามกฏหมาย ไม่สามารถประหารเจ้าหน้าที่ได้ ต่อให้กล่าวหาผิดก็ย่อมไม่เป็นไร ที่ทำไปนั่นเป็นเพราะห่วงใยบ้านเมือง
กฎข้อนี้ดีหรือไม่ ส่วนดีคือผู้ตรวจการกล้ากล่าวหาต่อขุนนางชั้นสูงรวมไปถึงองค์ชายหรืออ๋องได้ ส่วนร้ายก็คือ หากมีความแค้นกับเจ้า อยู่คนละพวกกับเจ้า ตรวจสอบเจ้าได้ ไม่ถูกชะตากับเจ้า ก็ฟ้องร้องเจ้าได้ อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง แม้แต่หนานกงมั่วยังเคยถูกตรวจสอบมาก่อน เพียงแต่นางไม่ใช่ขุนนางในราชสำนัก หลังจากนั้นไม่นานฝ่าบาทก็โปรดแต่งตั้งให้เป็นจวิ้นจู่ เลยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอันใด นอกจากนี้ข้อกล่าวหาอื่นๆ ล้วนถูกหนานกงมั่วจัดการเรียบร้อยหมดจดแล้ว อย่างไรเสีย ในสายตาของผู้ตรวจการเหล่านี้ เอาเรื่องกับสตรีไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ว่าหากจะกล่าวหาว่าหนานกงไหวไร้ความสามารถสั่งสอนบุตรีนั้นเป็นไปได้ ส่วนเรื่องของหนานกงซู หนานกงไหวนั้นถูกต่อว่าต่อขานราวกับหมาตัวหนึ่งตอนอยู่ในราชสำนัก
ครั้งนี้เองก็ไม่แตกต่าง ในวันเดียวกันฟ้ายังไม่มืดผู้ตรวจการก็ลอยเข้าไปวังได้อย่างรวดเร็วราวกับหิมะเพื่อรีบไปถวายฎีกา บรรดาผู้ตรวจการตื่นเต้นจนแม้แต่วันพรุ่งนี้ก็ยังรอไม่ไหว ดังนั้นหนานกงไหวที่รีบร้อนเข้าวังตามคำเรียกตัวของฝ่าบาทก็ถูกด่าเยี่ยงสุนัขไปอีกรอบ หนานกงไหวที่อารมณ์ไม่ดีกลับมาถึงจวนก็ถอนหายใจออกมา ฮ่องเต้ไม่ได้สั่งลงโทษเขา ณ ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่คิดลงโทษเขา แต่ว่าหนานกงไหวรู้ดีว่าโชคร้ายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้นั้นคงยังไม่จบลงง่ายๆ
รุ่งเช้า บรรดาขุนนางยืนพร้อมเพรียงกันในห้องโถงพระราชวัง ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นเป็นจักรพรรดิที่ขยันขันแข็ง นอกจากวันหยุดไม่กี่วัน ทุกวันไม่ว่าจะมีพายุฝนฟ้ากระหน่ำก็ไม่ได้หยุดพัก วันนี้เพียงเดินเข้ามาในโถงพระราชวังพลันรู้สึกว่าบรรยากาศแปลกออกไป โดยเฉพาะขุนนางและผู้ตรวจการ ทุกคนต่างมีแววตาที่สดใสและกระตือรือร้น เมื่อครุ่นคิดดู ฮ่องเต้ก็พลันเข้าใจถึงความตื่นเต้นของคนเหล่านี้ขึ้นมาได้
สำหรับผู้ตรวจการพวกนี้ ฮ่องเต้เองก็ทั้งรักทั้งเกลียด รักเพราะเมื่อตนไม่ชอบใจขุนนางใหญ่คนใด คนพวกนี้จะช่วยจัดการฟ้องร้อง ค้นหาสิ่งที่ผิดปกติแม้จะยิบย่อยเพียงใดก็ตาม ยังมีขุนนางอีกมากมายที่ทุจริตและตนไม่ทันได้สังเกตก็ถูกตรวจสอบทั้งหมด ส่วนเกลียดก็เป็นเพราะว่าหลายครั้งที่คนพวกนี้ไม่รู้จักไว้หน้า เพียงมีความผิดเล็กน้อยก็จับจ้องราวกับแมวจ้องหนูไม่วางตา เรื่องเล็กน้อยแต่กลับทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต คนพวกนี้ยังอาศัยกฎไม่ประหารผู้ตรวจการ กล้าเอ่ยถึงทุกสิ่งทุกอย่าง โดยทั่วไปแล้วฮ่องเต้คิดว่าเวลาในการทรงงานของพระองค์นั้นครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องของบ้านเมือง อีกครั้งเป็นการฟังผู้ตรวจการทะเลาะกัน
หลายครั้งที่อยากลากคนปากดีเหล่านี้ออกไปเชือดทิ้งเสีย
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้อยู่ ทว่าฮ่องเต้กลับยังคงเดินด้วยท่าทางนิ่งสงบขึ้นไปนั่งยังบัลลังงก์
“มีเรื่องรีบเอ่ย ไม่มีก็ออกไปเสีย”
“กระหม่อมมีเรื่องต้องกราบบังคมทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมมี…”
ฮ่องเต้กวาดสายตามอง มีขุนนางเจ็ดแปดคน ผู้ตรวจการหกคนที่ก้าวออกมา ฮ่องเต้ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ยถาม “ท่านเสนาบดีกรมโยธาท่านมีสิ่งใดต้องกราบบังคมทูล” จัดการเรื่องสำคัญก่อนค่อยมาสนใจเรื่องไร้สาระจะดีเสียกว่า เสนาบดีกรมโยธาเองก็รู้ว่าวันนี้มีเรื่อง กล่าวรายงานคำของตนเองอย่างชัดเจนภายใต้สายตาของผู้คนมากมาย
ฮ่องเต้ยู่ปากอย่างผิดหวัง จากนั้นกวาดสายตาไปยังหนานกงไหว เอ่ยถาม “ผู้ใดมีเรื่องจะกราบบังคมทูลอีกหรือไม่”
ผู้ตรวจการหนึ่งคนก้าวขึ้นไปด้านหน้า เอ่ยอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมร้องเรียนหนานกงไหวบุกจวนผู้ว่าอิ้งเทียน พร้อมทั้งเอาตัวผู้ต้องหาที่กำลังถูกสอบสวนไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมร้องเรียนฉู่กั๋วกงร่วมกับหญิงม่าย ทำสิ่งไม่เหมาะสม ผิดหลักคุณธรรมพ่ะย่ะค่ะ”