หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 290 ลูกคนอื่นดีกว่า (4)

ตอนที่ 290 ลูกคนอื่นดีกว่า (4)

ตอนที่ 290 ลูกคนอื่นดีกว่า (4)
“บังอาจ เด็กๆ จัดการโบยให้ข้า ดึงคุณชายใหญ่ออกไป” หนานกงไหวโกรธจนหน้าเขียวปั๊ด เอ่ยเสียงดังด้วยความโมโห

เห็นเขาโมโห บ่าวรับใช้ด้านข้างจึงไม่กล้าลังเลอีก รีบเดินเข้าไปลากหนานกงชวี่และหนานกงฮุย หนานกงชวี่ใบหน้าเยือกเย็น ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้นกวาดตามองไปยังเซียวเชียนหนิงและเซียวเย่ว์อู่ที่เดินตามหลังหนานกงไหวเข้ามา เซียวเย่ว์อู่อ้าปากอยากเอ่ยบางอย่าง สุดท้ายไม่รู้นึกอะไรได้จึงหุบปากไป ไม่นานพลันมีคนถือไม้เข้ามา กดหนานกงฮุยลงบนพื้น

หนานกงไหวมองไปยังเขาพลางเอ่ยถามเสียงเข้ม “สำนึกผิดหรือไม่”

หนานกงฮุยแสยะยิ้มเย็นไม่เอ่ยสิ่งใด เดิมหนานกงฮุยนั้นมีความเกรงกลัวต่อหนานกงไหวบิดาผู้นี้อยู่บ้าง ทว่าการกระทำของหนานกงไหวในช่วงนี้กลับทำให้หนานกงฮุยเข้าใจอย่างชัดเจน ความจริงแล้วบิดาของเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้เป็นแม่ทัพผู้ได้รับชัยชนะในสนามรบ แต่ก็ยังทำพลาดและไม่รู้สึกละอายแต่อย่างใด เมื่อความเคารพบูชามันแตกสลายหายไปหลายๆ ครั้งเข้า ความหวาดกลัวก็มลายหายตามไปด้วย เดิมหนานกงฮุยก็ไม่ใช่คนไร้ความกล้าอยู่แล้ว

“โบย” หนานกงไหวเอ่ยเสียงดัง

“หยุด” ไม้เพิ่งจะถูกยกขึ้น เสียงใสชัดเจนพลันดังขึ้นมาจากทางประตู ผู้คนเงยหน้ามองไปจึงเห็นว่าเป็นหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วจูงมือกันเดินเข้ามา ใบหน้างดงามของหนานกงมั่วคล้ายปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง มองหนานกงไหวด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยถาม “ท่านพ่อ นี่กำลังทำอันใดอยู่หรือเจ้าคะ”

“พวกเจ้ามาได้เยี่ยงไร” หนานกงไหวขมวดคิ้ว สตรีออกเรือนไปแล้วกลับบ้านทุกสามวันนี่มันอะไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเป็นเวลาเช่นนี้ หนานกงไหวไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

หนานกงมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อย กวาดตามองไปรอบๆ เอ่ย “ท่านพ่อคิดจะทำอันใดหรือ”

“ทำอันใดเจ้าก็เห็นแล้วมิใช่หรือ” หนานกงไหวเอ่ย “ปีกกล้าขาแข็งกันแล้ว วันนี้หากไม่สั่งสอนลูกไม่รักดีคนนี้สักที เขาก็จะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”

หนานกงมั่วสุ่มชี้นิ้วไปยังบ่าวรับใช้คนหนึ่ง เอ่ยถาม “เจ้าพูดมา เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ” สาวใช้คนนั้นรีบเอ่ยตะกุกตะกักเล่าเรื่องทั้งหมด บังเอิญสาวใช้คนนั้นเป็นสาวใช้ของเรือนหนานกงฮุยจึงไม่ปล่อยผ่านเรื่องที่สองพี่น้องตระกูลเซียวคิดจะบุกเข้าไปในเรือนจี้ชั่งให้ฟังด้วย เมื่อฟังจบ หนานกงมั่วจึงยิ้มเย็น เอ่ยขึ้น “ดังนั้น ท่านพ่อจึงคิดลงมือกับพี่รองเพราะเซียวเชียนหนิงอย่างนั้นหรือ”

หนานกงไหวส่งเสียงหยัน “ทำไมหรือ ข้าผู้เป็นบิดาจะสั่งสอนบุตรชายไม่ได้เลยหรือ”

หนานกงมั่วกำลังจะเอ่ยปาก ทว่ากลับถูกเว่ยจวินมั่วดึงเอาไว้ เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ฉู่กั๋วกงอยากสั่งสอนบุตรชายใครก็ยุ่งไม่ได้ เชิญตามสบายเถิด” ใบหน้าของหนานกงไหวอ่อนลง ยังไม่ทันได้ตอบโต้กลับก็ได้ยินเว่ยจวินมั่วชี้ไปยังเซียวเชียนหนิงและเซียวเย่ว์อู่ เอ่ย “จับสองคนนั้นมาให้ข้า” องครักษ์จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องสองคนที่ติดตามมาด้วยส่งเสียงตอบรับ ตรงเข้าไปควบคุมตัวเซียวเชียนหนิงและเซียวเย่ว์อู่เอาไว้

หนานกงไหวขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “เว่ยซื่อจื่อ นี่หมายความเช่นไร”

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “บุกรุกเรือนพระชายาซื่อจื่อ โบยคนละยี่สิบไม้”

ใบหน้าของหนานกงไหวเข้มขึ้น ไหนเลยหนานกงไหวจะไม่รู้ว่าเว่ยจวินมั่วกำลังประชันกับตนเอง เอ่ยเสียงเข้ม “เว่ยซื่อจื่อ นี่เป็นเรื่องของจวนฉู่กั๋วกง” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ฉู่กั๋วกง นี่ก็เป็นเรื่องของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเช่นกัน หากฉู่กั๋วกงคิดว่าลุกล้ำพื้นที่ของจวนฉู่กั๋วกง ออกไปโบยด้านนอกก็คงเหมือนกัน เด็กๆ เอาตัวสองคนนี้ออกไปโบยที่นอกประตู”

“ขอรับ ซื่อจื่อ”

“ได้เยี่ยงไรกัน ปล่อยข้านะ พวกเจ้าช่างกล้ายิ่งนัก” เซียวเชียนหนิงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ

‘เพี้ยะ!’ เงาเคลื่อนไหวรวดเร็ว ฝ่ามือทั้งเร็วทั้งรุนแรงฟาดลงบนใบหน้าของเซียวเชียนหนิง เซียวเชียนหนิงตกใจนิ่งค้าง พบว่าหนานกงมั่วที่เดิมยืนอยู่ข้างๆ เว่ยจวินมั่วพลันมายืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ฝ่ามือเมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนตบลงมา ทันใดนั้นสายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วจึงมีความโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น เว่ยจวินมั่วเดินเข้าไปดึงหนานกงมั่วมาอยู่ข้างกายตนเอง หันกลับมาเอ่ย “หากข้าเห็นเจ้ามองอู๋สยาเช่นนี้อีก ดวงตาคู่นี้ของเจ้าก็อย่าได้มีเลย”

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า หนานกงมั่ว อย่าคิดว่ามีฐานะเป็นจวิ้นจู่แล้วข้าจะกลัวเจ้า” เซียวเชียนหนิงตะคอกเสียงดัง

หนานกงมั่วเอียงศีรษะ พู่สวยประดับไข่มุกแกว่งไกวอยู่ข้างหู “มีสิทธิ์อันใดตบเจ้าอย่างนั้นหรือ ตบเจ้าจำต้องมีเหตุผลหรือ ข้าจะใช้ตำแหน่งจวิ้นจู่รังแกเจ้า เจ้าจะทำอันใดได้ หากมีความสามารถ…เจ้าก็รังแกกลับมาเสียสิ”

“เจ้า!”

“พี่สาว…” เซียวเย่ว์อู่น้ำตาคลอ กัดมุมปากพลางเอ่ย “ไยท่านต้องทำเช่นนี้กับพวกเรา…ต่อให้ ต่อให้ยามนี้พวกเราจะไม่มีอะไร อย่างไรก็ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ จะมาเหยียดหยามไม่ได้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เอ๋ ที่แท้พวกเจ้ายังจำได้ว่าพวกเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์นี่ ข้ายังนึกว่าพวกเจ้าคงอยากเป็นสายเลือดตระกูลหนานกงแทบแย่แล้ว เพียงแต่…เห็นท่าทางรีบร้อนของเฉียวฮูหยิน จึงบอกไม่ได้จริงๆ ว่าแท้จริงแล้วพวกเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของใครกันแน่”

“หนานกงมั่ว!” เซียวเชียนหนิงใบหน้าเข้มขึ้น กัดฟันเอ่ยอย่างโกรธแค้น

“มั่วเอ๋อร์!” หนานกงไหวใบหน้าไม่น่ามอง หนานกงมั่วกลับไม่สนใจเขา หันกลับไปมององครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง องครักษ์ก้าวเดินเข้าไปถีบคนที่กดหนานกงฮุยออก พยุงหนานกงฮุยลุกขึ้นมา หนานกงมั่วหมุนตัวกลับไปเอ่ยกับหนานกงไหวด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อ ช่วงนี้คงไม่ถูกตาพี่ใหญ่กับพี่รองใช่หรือไม่เจ้าคะ” หนานกงไหวส่งเสียงหยันไม่เอ่ยสิ่งใด หนานกงมั่วเองก็ไม่สนใจ ยิ้มตาหยี เอ่ยต่อ “ได้ยินบรรดาลูกผู้ดีมีเงินบอกว่าลูกสะใภ้คนอื่นดีกว่า ลูกชายตนเองนั้นดีกว่า แต่ท่านพ่อเล่า อย่างแรกก็คงถูกแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ดูเหมือนท่านพ่อเองก็คิดว่าลูกชายคนอื่นก็ยังดีกว่าอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าหมายความเช่นไร” หนานกงไหวกัดฟัน “เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่บุตรีที่ออกเรือนแล้วเช่นเจ้าจะมายุ่งได้หรือ”

หนานกงมั่วยิ้มเย็น “หากข้าไม่ยุ่ง ไม่แน่ว่ากลับมาครั้งหน้า แม้แต่ประตูทางเข้าจวนฉู่กั๋วกงจะเปิดทางไหนอาจหาไม่เจอก็ได้ หรือว่าจวนฉู่กั๋วกงอาจจะแซ่เซียวหรือแซ่เฉียวไปแล้ว ท่านพ่อ หากท่านยังคิดจะแต่งหญิงม่ายแซ่เฉียวผู้นั้น สุดท้ายท่านอย่าสร้างเรื่องใหญ่เสียจะดีกว่า มิเช่นนั้นข้าคงไม่กล้ารับรองว่าขุนนางตรวจการพวกนั้นจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้อีก”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ หนานกงไหวยังคิดว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะหนานกงมั่ว ใบหน้าพลันทะมึนขึ้น “เจ้ายังมีหน้ามาพูด”

“ท่านพ่อมีหน้ามาสร้างเรื่อง ไยข้าจะไม่มีหน้ามาพูดเล่า” หนานกงมั่วยิ้มร่า

หนานกงไหวโกรธจนปอดแทบระเบิด แต่รู้ว่าที่หนานกงมั่วเอ่ยนั้นไม่ผิดเลย เรื่องนี้หากกลายเป็นเรื่องใหญ่คงไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา สูดหายใจเข้าลึกเฮือกใหญ่ เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าปล่อยเชียนหนิงและเย่ว์อู่ เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ใครบอกว่าเรื่องนี้จะจบเพียงเท่านี้กันเล่า ข้ายังมีอีกหนึ่งบัญชีที่ยังไม่คิด ยังมีของขวัญอีกหนึ่งชิ้นที่ยังไม่ได้มอบให้พวกเขาด้วย”

“เจ้าคิดจะทำอันใด”

เซียวเย่ว์อู่และเซียวเชียนหนิงมองหนานกงมั่วด้วยสายตาระแวดระวัง หนานกงมั่วเดินเชื่องช้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเซียวเย่ว์อู่ เอ่ยถามเนิบช้า “ได้ยินว่าเจ้าเป็นหลานสาวของมารดาข้าหรือ”

เซียวเย่ว์อู่พยักหน้า “พี่สาว…”

‘เพี๊ยะ!’ ฝ่ามือหนักๆ ตบลงบนใบหน้าของเซียวเย่ว์อู่ ครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของหนานกงมั่ว แต่เป็นจือซูที่ยืนอยู่ด้านหลังของหนานกงมั่ว จือซูย่อตัวทำความเคารพต่อเซียวเย่ว์อู่ จากนั้นเอ่ยอย่างสุภาพ “แม่นางเซียว ท่านจำผิดแล้วเจ้าค่ะ ท่านคือลูกสาวของลูกสาวของลูกสาวเชื้อสายรองของพี่น้องท่านปู่ ห่างไกลกับฮูหยินที่จากไปแล้วของพวกเราจนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นหลานสาวของฮูหยินด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องมาเอ่ยเรียกพระชายาซื่อจื่อว่าพี่สาว ฝ่ามือนี้ เพราะหวังว่าแม่นางจะจดจำใส่ใจเอาไว้ ต่อไปหากมีผู้ใดเอ่ยถาม อย่าได้เอ่ยผิดไป อีกทั้งเฉียวฮูหยิน แม้ว่าเฉียวฮูหยินจะเป็นญาติผู้น้องห่างๆ ของฮูหยินพวกเรา แต่สิบเก้าปีก่อนตระกูลเมิ่งได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเฉียวฮูหยินไปแล้ว ขอเฉียวฮูหยินอย่าได้เอาแต่เอ่ยถึงฮูหยินอีก เพื่อไม่ให้ฮูหยินที่จากไปต้องเป็นทุกข์เจ้าค่ะ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน