ตอนที่ 300 องค์รัชทายาทประชวรหนัก ทดสอบวิชาการแพทย์ (1)
จูชูอวี้หลุบตาลง เอ่ยอย่างนอบน้อม “ท่านอ๋องคิดมากไปแล้วเพคะ ชูอวี้ไหนเลยจะกล้า ชูอวี้นั้นอ่อนแอ รู้ตัวว่าไม่เหมาะสมกับท่านอ๋อง พระองค์เองก็น่าจะรู้ เมื่อก่อนชูอวี้ชื่นชมผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง น่าเสียดายซื่อจื่อไม่สนใจหม่อมฉัน กระทั่งว่าซื่อจื่อยังรังเกียจหม่อมฉันด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นกับพระองค์จะเป็นไปได้เช่นไรเล่า”
เป็นเช่นนั้นแล้ว เซียวเชียนเยี่ยได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้ว ความสนใจที่มีต่อจูชูอวี้หายไปมากทีเดียว คนที่เว่ยจวินมั่วไม่สนใจแน่นอนเขาเองก็ไม่ต้องการ จูชูอวี้เองไม่สนใจที่ตนเองโดนดูถูก ถอนหายใจเบาๆ “แม้ชูอวี้จะรู้ว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ไม่เหมาะสมกับผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ใจที่มีต่อความรักก็จืดจางลงไปมาก ตระกูลจูแม้มิได้สูงส่ง ทว่าพอมีสมบัติประจำตระกูลอยู่บ้าง ต่อให้ชูอวี้ไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตก็ใช่ว่าจะเลี้ยงดูไม่ได้ ไยหม่อมฉันต้องแต่งเข้าไปเพื่อต่อสู้กับบรรดาอนุภรรยาพวกนั้นด้วยเล่า”
“เจ้าช่างหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ย
จูชูอวี้ส่ายศีรษะ “ละอายต่อพระองค์แล้ว”
เซียวเชียนเยี่ยใบหน้าจริงจัง “เลิกคุยเรื่องไร้สาระเถิด ในเมื่อตระกูลจูจริงใจจะรับใช้ข้า ข้าเองไม่มีทางละเลยตระกูลจู ขอเพียงน้องสาวเจ้าตั้งครรภ์ ข้าจะแต่งตั้งนางขึ้นเป็นชายารองก็ย่อมได้” จูชูอวี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เช่นนั้นต้องขอบคุณพระองค์ที่ทรงเมตตาเพคะ เช่นนี้แล้ว ชูอวี้ก็ควรตอบแทนพระคุณบ้าง ช่วงนี้พระองค์ทรงงานอยู่ในวัง เกรงว่าคงมิได้ใส่ใจเรื่องนอกวังและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนรัชทายาทหรอกใช่หรือไม่เพคะ”
เซียวเชียนเยี่ยเผยแววตาสงสัย เอ่ยถามเสียงเข้ม “จวนรัชทายาทหรือ จวนรัชทายาททำไมหรือ”
จูชูอวี้ถอนหายใจ “พระองค์ไม่รู้จริงๆ ด้วย ช่วงนี้องค์รัชทายาทร่างกายไม่แข็งแรง พระองค์ไม่รู้หรือเพคะ” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ย “เรื่องนี้แน่นอนข้ารู้” จูชูอวี้เอ่ยตอบ “องค์รัชทายาทร่างกายไม่แข็งแรง องค์ชายทั้งหลายล้วนไปอยู่ปรนนิบัติ ไม่ทราบว่าพระองค์อยู่ที่ใด”
“ข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวัง” เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้ว เอ่ย “เจ้ารู้อยู่แล้วไยต้องถาม”
จูชูอวี้ตอบว่า “พระองค์ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งนะเพคะ บิดาของพระองค์คือองค์รัชทายาท ดังนั้นพระองค์จึงเป็นหวงจั่งซุนผู้เป็นที่โปรดปรานต่อหน้าฝ่าบาท ที่ยามนี้ฝ่าบาทเรียกพระองค์เข้าไปและคอยแนะนำสั่งสอนด้วยพระองค์เอง นั่นก็เป็นเพราะองค์รัชทายาทร่างกายอ่อนแอ ไม่เช่นนั้นคนที่ถูกแนะนำสั่งสอนในวันนี้คงมิใช่พระองค์หากแต่เป็นองค์รัชทายาท ราชวงศ์นี้ใช้ความกตัญญูปกครองใต้หล้า องค์รัชทายาทล้มป่วยแต่หวงจั่งซุนไม่ได้คอยอยู่ดูแลปรนนิบัตินี่คือหลักการเช่นใดกันเล่า”
“แต่ว่า…” เซียวเชียนเยี่ยย่นคิ้ว
จูชูอวี้เอ่ยต่อ “เป็นความจริงที่ฝ่าบาทเรียกตัวหวงจั่งซุนเข้าไปคอยดูแล แต่ว่าฝ่าบาทเคยเอ่ยปากห้ามหวงจั่งซุนขอลาไปคอยดูแลปรนนิบัติที่จวนรัชทายาทหรือไม่ ยามนี้องค์รัชทายาทป่วยหนัก องค์ชายองค์อื่นๆ ต่างอยู่พร้อมหน้ามีเพียงหวงจั่งซุนผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่เห็น ท่านว่าองค์รัชทายาทจะคิดเยี่ยงไร หม่อมฉันขอเตือนพระองค์อย่าได้เดิมพันกับฝ่าบาทว่าในสายตาของพระองค์องค์รัชทายาทสำคัญหรือว่าท่านสำคัญจะดีกว่า”
“ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น” เซียวเชียนเยี่ยลุกขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันดัง
จูชูอวี้หลุบสายตาลงอย่างอ่อนโยน ทว่าวาจาที่เอ่ยออกมากลับเฉียบขาดไร้ความปรานี “เช่นนั้น ไยพระองค์จึงลืมที่จะแสดงความกตัญญูต่อหน้าองค์รัชทายาทเล่าเพคะ”
เซียวเชียนเยี่ยหลับตาลง ในที่สุดก็สงบขึ้นบ้าง เอ่ย “เจ้าพูดถูก หลายวันมานี้เป็นข้าเองที่ลืมหน้าที่” มิน่าเล่าสายตาที่เสด็จปู่มองเขาถึงได้แปลกไป เซียวเชียนเยี่ยลอบเสียใจอยู่ในใจ จูชูอวี้เอ่ยปลอบเสียงหนัก “พระองค์อย่าพึ่งกังวลจนเกินไป อย่างไรพระองค์ก็ยังเป็นหลานชายที่โปรดปรานที่สุดของฝ่าบาท สำหรับองค์ชายทั้งหลายนั่น ขอเพียงพระองค์และองค์รัชทายาทระแวดระวังไว้บ้าง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล”
“หากชูอวี้เป็นบุรุษ ต้องเป็นกุนซือด้านยุทธศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมเป็นแน่” เซียวเชียนเยี่ยถอนหายใจเอ่ยขึ้น
จูชูอวี้ยิ้มบาง “จูชูอวี้เป็นสตรี ก็สามารถช่วยพระองค์วางแผนได้ ขอเพียงพระองค์ตอบรับเงื่อนไขของข้า”
“นั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”
…
หลังจากมาส่งฮ่องเต้กลับวังด้วยตนเอง หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วก็จับมือและหันหลังกลับ เดินไปบนถนนมุ่งหน้าตรงไปยังจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง หนานกงมั่วครุ่นคิดถึงปัญหาขณะเดินไปกับเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่กำลังเหม่อลอย เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “คิดอันใดอยู่หรือ”
“หา?” หนานกงมั่วได้สติกลับมา ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ขมวดคิ้วเอ่ย “ข้ากำลังคิดว่า…ช่วงนี้ฝ่าบาทช่าง…กับพวกเราเกินไปหรือไม่”
“สนิทสนมเกินไป” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสริม หนานกงมั่วพยักหน้า “รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ” ฮ่องเต้ไม่ใช่กษัตริย์ผู้จิตใจดีมีเมตตา แม้กระทั่งหลานชายที่พระองค์โปรดปรานที่สุดยังไม่เรียกมาพูดคุยทานข้าวบ่อยครั้งถึงเพียงนี้ ต่อให้ตอนนี้เซียวเชียนเยี่ยจะติดตามฮ่องเต้อยู่ทุกวันก็ตาม หากไปถามเซียวเชียนเยี่ยตอนนี้ เกรงว่าเขาคงรู้สึกว่าฮ่องเต้ดีกับเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วมากกว่าเขา
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “แม้หวงจั่งซุนจะได้รับการอบรมสั่งสอนจากฝ่าบาท แต่ว่า…อย่างไรก็ยังขาดหินลับมีด”
หนานกงมั่วย่นคิ้ว ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ ก่อนจะส่ายหน้าไม่เอ่ยสิ่งใด ใช้เว่ยจวินมั่วเป็นหินลับมีดไปลับเซียวเชียนเยี่ยอย่างนั้นหรือ ฮ่องเต้ไม่กลัวว่ามีดที่รักของเขาจะถูกลับจนใช้ไม่ได้หรือ
“หากเป็นเช่นนี้ โอรสทั้งหลายในจวนรัชทายาทรวมไปถึงบรรดาองค์ชายที่อยู่ในวังไม่เหมาะสมกว่าหรือ” อย่างไรเสียเว่ยจวินมั่วก็แซ่เว่ย พูดตรงๆ คือไม่มีผลต่อตำแหน่งของเซียวเชียนเยี่ยเลยแม้เพียงเล็กน้อย ต่อให้ฮ่องเต้จะรักและเชื่อใจเว่ยจวินมั่วเพียงใด ก็คงไม่เอาแผ่นดินเซี่ยอันยิ่งใหญ่มาให้เขาหรอกใช่หรือไม่
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ฝ่าบาทเพียงอยากฝึกหวงจั่งซุน ไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายใจในหมู่เชื้อพระวงศ์ หากเป็นยี่สิบปีก่อน…” เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะเบาๆ อีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า “ฝ่าบาทอายุมากแล้ว…” หนานกงมั่วเข้าใจทันใด ไม่ว่าจะมีอำนาจแข็งแกร่งเพียงใดแต่เมื่ออายุมากแล้วก็จิตใจอ่อนโยนลงและมีใจลังเลอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นยี่สิบปีก่อน องค์รัชทายาทหวงจั่งซุนไม่ได้เรื่อง ฮ่องเต้จะเปลี่ยนคนก็คงไม่เป็นไร แต่ยามนี้บรรดาอ๋องผู้ปกครองเมืองต่างๆ เติบโตขึ้นมาแล้ว ฮ่องเต้เองก็อายุมาก ยามนี้หากมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง เกรงว่าทั่วทั้งอาณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่คงได้วุ่นวายไม่น้อย หากองค์ชายในฮ่องเต้ถูกเลี้ยงดูอยู่ในเมืองจินหลิงทั้งหมดก็คงจัดการได้ง่ายขึ้นมาบ้าง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตำแหน่งขององค์รัชทายาทยิ่งไม่อาจแตะต้องได้ เมื่อไม่มีรัชทายาท แต่งตั้งใครขึ้นมาเป็นรัชทายาทล้วนต้องเกิดความวุ่นวายในหมู่ผู้ปกครองเมืองต่างๆ อย่างแน่นอน และฮ่องเต้ในยามนี้ ไม่มีกำลังไปกดบรรดาโอรสทั้งหลายของตนอีกแล้ว
เมื่อครั้งก่อตั้งประเทศฮ่องเต้มีการจัดการให้องค์รัชทายาทปกครองประเทศ ผู้ปกครองเมืองออกไปปกครองตามเมืองต่างๆ นั้นไม่ผิดเลย แผ่นดินสงบสุข มีบรรดาองค์ชายในฮ่องเต้คอยปกครองดูแลตามเมืองต่างๆ ทำให้ประเทศสงบลง และแต่งตั้งตำแหน่งรัชทายาทโดยชัดเจน หลีกเลี่ยงการชิงตำแหน่งดังที่เคยเป็นมา ทว่าขณะเดียวกันก็มักมีอันตรายซ่อนอยู่ด้วย หากองค์รัชทายาทแข็งแกร่งดังเช่นฮ่องเต้ก็คงไร้ซึ่งปัญหา แต่เมื่อองค์รัชทายาทหรือผู้สืบทอดขององค์รัชทายาทไร้ความสามารถ เช่นนั้น…ใครจะรับรองได้ว่าบรรดาผู้ปกครองเมืองทั้งหลายจะไม่มีใจก่อกบฏ กระแสลมสายน้ำพัดเปลี่ยน ปีนี้ถึงครอบครัวข้า
หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ นึกถึงฮ่องเต้ที่เฝ้าฝืนอาการป่วยไม่ยอมบอกให้ใครได้รับรู้ นึกไปถึงองค์รัชทายาทที่จวนรัชทายาทผู้ป่วยติดต่อกันมานานหลายวัน รู้สึกว่า…แผ่นดินนี้ พายุใหญ่ได้พัดใกล้เข้ามาแล้ว
“ฝ่าบาทคิดจะทำอันใดหรือ” หนานกงมั่วย่นคิ้ว ในสายตาของฮ่องเต้ เวลานี้คงไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการฝึกฝนเซียวเชียนเยี่ยอีกแล้ว แม้จะเข้าใจความคิดของฮ่องเต้แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะดีใจที่ฮ่องเต้ดึงพวกตนมาอยู่ในอันตราย