ตอนที่ 301 องค์รัชทายาทประชวรหนัก ทดสอบวิชาการแพทย์ (2)
เว่ยจวินมั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ไม่ต้องกังวล ฝ่าบาทไม่ทำเกินไปหรอก คนในเมืองจินหลิงแห่งนี้ล้วนไม่ใช่คนโง่”
หนานกงมั่วแค่นเสียงหยัน เอ่ยกระซิบกระซาบ “ฝ่าบาททุ่มเทให้กับเซียวเชียนเยี่ยถึงเพียงนี้ ข้าช่างอยากรู้ว่าหากองค์รัชทายาทอยู่ไม่ถึง…ตอนนั้น เขาจะทำเช่นไร” ทั้งสองต่างเป็นยอดฝีมือ ยามนี้เดินอยู่ด้านนอกพลางพูดคุยไปด้วย ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครได้ยิน
ดวงตาของเว่ยจวินมั่ววูบไหว เอ่ยเสียงเรียบ “ฝ่าบาทไม่คิดหาองค์ชายอื่นแล้ว พระองค์ไม่กล้าเดิมพัน เกรงว่าคงไม่กล้าเดิมพัน”
…
“คารวะซื่อจื่อ คารวะพระชายาซื่อจื่อ” ทั้งสองเพิ่งกลับมาถึงจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าประตูพลันถูกรั้งเอาไว้ก่อน เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยราบเรียบ “คนของจวนรัชทายาทหรือ มีเรื่องอันใด” ผู้มาใหม่ทำความเคารพทั้งสองคน เอ่ยตอบ “ข้าน้อยเป็นจั่งสื่อ[1]จวนรัชทายาทขอรับ องค์รัชทายาทป่วยหนัก พระชายารัชทายาท…นึกได้ว่าพระชายาซื่อจื่อเคยตรวจรักษาให้กับองค์รัชทายาทขอรับ”
“เหลวไหล” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเข้มด้วยใบหน้าทะมึน “อู๋สยาเป็นพระชายาผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงไม่ใช่หมอหญิง หมอจากสำนักหมอหลวงมีชื่อเสียงมากมาย ไยต้องให้พระชายาซื่อจื่อไปดูแลรักษาเล่า”
เดิมเว่ยซื่อจื่ออยู่เฉยๆ ผู้คนก็แทบถอยห่างอยู่แล้ว ยามนี้ใบหน้าหล่อเหลาทะมึนลงยิ่งทำให้คนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่าง กดดันราวกับจะหายใจไม่ออก จั่งสื่อผู้นั้นอย่างไรก็เป็นผู้มีอำนาจในจวนรัชทายาท จึงกล้าเงยหน้าขึ้นมองสบกับดวงตาสีม่วงคู่นั้น แล้วเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม “ซื่อจื่ออย่าได้โมโหไปเลยขอรับ ความจริงคือ เหล่าหมอหลวง…ไร้ความสามารถ ได้ข่าวว่าพระชายาซื่อจื่อเป็นลูกศิษย์ของท่านหมอยอดฝีมือมีชื่อเสียง ดังนั้นจึงอยาก…”
“ไร้ความสามารถหรือ” เว่ยจวินมั่วแค่นเสียงเย็น เอ่ย “แม้กระทั่งหมอหลวงยังไร้ความสามารถ เช่นนั้นหากอู๋สยาเองก็ไร้ความสามารถจะทำเช่นไร”
วาจานี้หากเป็นคนทั่วไป เกรงว่าคงไม่กล้าเอ่ยออกมาชัดเจนถึงเพียงนี้ จั่งสื่อผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “พระชายารัชทายาทอยากเชิญพระชายาซื่อจื่อไปดูสักหน่อยขอรับ หากไร้หนทาง…พระชายารัชทายาทไม่มีทางกล่าวโทษแน่นอนขอรับ”
เห็นใบหน้าที่ยังถมึงทึงของเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วจับมือของเขาแกว่งไปมาเบาๆ เรื่องเช่นนี้พระชายารัชทายาทเอ่ยออกมาแล้วเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามถึงพวกเขาปฏิเสธพระชายารัชทายาทได้แต่ไม่อาจปฏิเสธฮ่องเต้ได้ หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากับซื่อจื่อจะไปที่จวนรัชทายาทสักครั้ง องค์รัชทายาททรงป่วย พวกเราที่เป็นผู้น้อยก็ควรไปถวายพระพรเป็นเรื่องสมควรแล้ว”
จั่งสื่อรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง หันไปโค้งคำนับให้กับหนานกงมั่ว “ขอบคุณมากขอรับ พระชายาซื่อจื่อ”
จวนรัชทายาทที่เคยสว่างไสวยามนี้เพราะเจ้านายป่วยนอนเตียงจึงดูมัวหมองและอึมครึมกว่าเดิม ทั่วทั้งจวนรัชทายาทนั้นเงียบสงัด สาวใช้ที่เดินไปมาก็เงียบสงบราวกับกลัวจะรบกวนอะไรบางอย่าง เดินเข้ามาถึงใจกลางของจวนรัชทายาทที่พำนักขององค์รัชทายาท ห้องโถงด้านนอกนั้นมีพระชายารัชทายาทและพระสนมทั้งสองพระองค์ จวิ้นอ๋องและพระชายาจวิ้นอ๋อง ต่างก็นั่งอยู่ด้วยกัน ใบหน้าของทุกคนนั้นเคร่งเครียด ไม่เจอกันเพียงไม่นานทว่าพระชายารัชทายาทกลับซูบผอมลงไปมาก ดูอายุมากขึ้นไปกว่าสิบปี
“ถวายพระพรพระชายารัชทายาท” หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเอ่ยถวายพระพรโดยพร้อมเพรียง
พระชายารัชทายาทรีบลุกขึ้น เดินเข้าไปประคองหนานกงมั่ว “อู๋สยา ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว รีบตรวจดูองค์รัชทายาทด้วยเถิด”
หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ จะเข้มแข็งอย่างไรก็เป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งที่ห่วงใยชีวิตของสามีเท่านั้น เว่ยจวินมั่วยกมือขวางพระชายารัชทายาทเอาไว้ ใบหน้าเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพฟังไม่ออกถึงความรู้สึกใดๆ “พระชายารัชทายาท องค์รัชทายาทเป็นเยี่ยงไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายารัชทายาทดวงตาแดงก่ำ เอ่ยตอบ “ครึ่งชั่วยามก่อน องค์รัชทายาทสลบไปกะทันหัน หมอจากสำนักหมอหลวงทำอย่างไรก็ไม่อาจปลุกพระองค์ให้ตื่นขึ้นมาได้ บอกว่า…บอกว่าถ้าภายในคืนนี้องค์รัชทายาทไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้เกรงว่า…” เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่ต้องการให้อู๋สยาเข้ามายุ่ง หากองค์รัชทายาทฟื้นขึ้นมาก็คงดี หากองค์รัชทายาทไม่ฟื้นต่อให้มิใช่ความผิดของอู๋สยาก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงโดนโกรธไปด้วยเป็นแน่
หนานกงมั่วตบลงบนมือของเขาเบาๆ พลางปลอบโยน “วางใจ ข้าเพียงเข้าไปดูเท่านั้น”
เซียวเชียนเยี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังพระชายารัชทายาทเอ่ยสนับสนุน “พระชายาซื่อจื่อ ลำบากท่านแล้ว” หนานกงมั่วเหลือบมองเขาเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับ “จะทำสุดความสามารถเพคะ”
“ข้าจะเข้าไปกับเจ้า” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
แน่นอนพระชายารัชทายาทไม่ปฏิเสธ ไม่ใช่ว่านางเชื่อมั่นในความสามารถวิชาการแพทย์ของหนานกงมั่ว แต่เพราะไม่มีทางอื่นแล้ว ในเมื่อหมอหลวงพวกนั้นทำอะไรไม่ได้ ก็ควรลองวิธีอื่นบ้างใช่หรือไม่ ยังมีอะไรแย่ไปกว่าตอนนี้อีกหรือ
ห้องนอนขององค์รัชทายาทตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยาเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทคงจะป่วยไม่ใช่เพียงระยะเวลาสั้นๆ หนานกงมั่วย่นหัวคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “เปิดหน้าต่างออกให้หมด ระบายอากาศ” คนพวกนี้ก็ช่างไม่กลัวว่าองค์รัชทายาทจะไม่ได้ป่วยตายแต่ต้องมาตายเพราะหายใจไม่ออกกับกลิ่นในห้องนี้หรืออย่างไร
สาวใช้ผู้คอยดูแลลังเลอยู่ชั่วครู่ มองเห็นพระชายารัชทายาทที่เดินตามเข้ามาพยักหน้าให้จึงรีบเดินไปเปิดหน้าต่างห้องนอนออก ห้องนอนพลันสว่างขึ้นมามาก สายลมที่พัดเข้ามาได้พัดเอากลิ่นยาออกไป องค์รัชทายาทยังคงนอนสลบอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากขาวจนไม่มีสีเลือด ทั่วทั้งร่างผอมกว่าครั้งที่แล้วที่เจอกันไปมาก แม้องค์รัชทายาทจะไม่เคยดูทรงพลังและแข็งแกร่ง แต่เมื่อครั้งพวกเขาแต่งงานพระองค์ยังมาดื่มเหล้ามงคลได้ ยามนี้กลับป่วยจนเหลือแต่กระดูก ความแตกต่างเช่นนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนต้องตกใจ
“พระชายารัชทายาท” หมอหลวงหลายคนรีบเดินเข้ามาถวายพระพรด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม หากองค์รัชทายาทเป็นอะไรไปพวกเขาคงต้องถูกฝังไปพร้อมกัน จะไม่กลัดกลุ้มได้เช่นไร
พระชายารัชทายาทพยักหน้า หันกลับมาหาหนานกงมั่ว “อู๋สยา รบกวนเจ้าแล้ว”
หนานกงมั่วเดินเข้าไปตรวจชีพจรขององค์รัชทายาท เดิมหมอหลวงทั้งหลายอยากเอ่ยบางอย่าง สุดท้ายจึงส่ายศีรษะไม่เอ่ยออกมา พูดอย่างไม่สุภาพก็คือยามนี้พวกเขาเป็นดั่งหมอที่รักษาม้าตายราวกับม้าเป็น[2] อย่างน้อยพระชายาซื่อจื่อเองก็เคยร่ำเรียนวิชาการแพทย์ เกิดโชคดีขึ้นมาเล่า ต่อให้โชคไม่ดีก็ยังมีพระชายาซื่อจื่อคอยแบ่งเบา มีองค์หญิงฉังผิงและเยี่ยนอ๋อง หนานกงไหวอีก ไม่แน่พวกเขาอาจจะรอดพ้นไปได้
นั่งอยู่ด้านข้างเตียง หนานกงมั่วจับข้อมือซูบผอมขององค์รัชทายาท แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่เมื่อตรวจดูชีพจรแล้วหัวใจกลับหนักอึ้งอย่างห้ามไม่ได้
เพียงตรวจชีพจรก็รู้ได้แล้ว ร่างกายขององค์รัชทายาทอ่อนแอกว่าคนธรรมดาทั่วไป หากดูแลรักษาอย่างดีอาจจะอยู่ได้ไปจนแก่หรือไม่ก็ไม่อาจบอกได้ น่าเสียดายสมัยเด็กและวัยหนุ่มขององค์รัชทายาทนั้นต้องลำบาก ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ครั้นเมื่อก่อตั้งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ก็ถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ถึงจะได้รับการดูแลอย่างดีแล้วแต่มักมากในกาม ร่างกายดูเหมือนจะไม่เป็นไรก็จริง ทว่าเป็นดั่งต้นไม้ที่ไร้รากตำหนักที่ไร้ฐาน เพียงมีลมพัดก็พังทลายลงได้ หากเป็นคนทั่วไปป่วยเหมือนองค์รัชทายาทไม่กี่วัน ต่อให้ป่วยหนักขึ้นมากะทันหันก็คงไม่อ่อนแอเพียงนี้ แต่องค์รัชทายาท…
มองใบหน้าหนักอึ้งของหนานกงมั่ว สีหน้าของพระชายารัชทายาทก็ซีดขาวโดยไม่รู้ตัว เอ่ยน้ำเสียงสั่นระริก “อู๋สยา องค์รัชทายาท…”
————————-
[1] จั่งสื่อ ตำแหน่งในสมัยก่อน รับผิดชอบงานแตกต่างกัน ส่วนใหญ่อยู่ในนามขุนนางผู้ช่วย
[2] หมอที่รักษาม้าตายราวกับม้าเป็น เป็นสำนวนสุภาษิตจีน มีความหมายว่าทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอนแต่ยังคงมีความหวัง…