ตอนที่ 302 องค์รัชทายาทประชวรหนัก ทดสอบวิชาการแพทย์ (3)
หนานกงมั่วกำลังจะเอ่ยบางอย่าง มองเห็นคนที่เดินเข้ามาจึงต้องชะงัก ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ฮ่องเต้เองก็มาอยู่ที่จวนรัชทายาท เมื่อมองเห็นฮ่องเต้ ทุกคนจึงรีบถวายพระพร ฮ่องเต้โบกปัดมือ เอ่ยขึ้น “ลุกขึ้นเถิด รัชทายาทเป็นอย่างไร” หนานกงมั่วขมวดคิ้วไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมา “ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทเปรียบดั่งตะเกียงใกล้หมดน้ำมัน นอกเสียจากจะมีโอสถทิพย์ มิเช่นนั้น…ขอทรงอภัยที่หนานกงมั่วไร้ความสามารถเพคะ”
สีหน้าของฮ่องเต้พลันเปลี่ยน เอ่ยเสียงเข้ม “ยาในสำนักหมอหลวง ต้องการสิ่งใดเพียงบอกมาเท่านั้น”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะเงียบๆ ในเมื่อบอกว่าเป็นโอสถทิพย์ แน่นอนว่าโสมร้อยปีพวกนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะใช้ได้ พูดอีกแบบก็คือยามนี้มาถึงบั้นปลายชีวิตขององค์รัชทายาทแล้ว ยาอายุวัฒนะที่สามารถใช้แย่งชิงชีวิตจากยมราชนั้นพบเจอได้ทว่าไม่อาจร้องขอได้ แม้สำนักของหนานกงมั่วจะสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่นทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่จะเคยเห็นสิ่งเหล่านี้ ในมือของหนานกงมั่วมียาที่สามารถยืดอายุขององค์รัชทายาทได้ แต่ยาที่ศิษย์พี่ทำขึ้นมานั้นคนธรรมดาทั่วไปไม่อาจรับไหว ซึ่งร่างกายขององค์รัชทายาทอ่อนแอจนถึงที่สุดแล้ว หากใช้ยาของศิษย์พี่คงช่วยยืดชีวิตออกไปได้สักสองถึงสามวัน แต่หลังจากนั้นแล้วองค์รัชทายาทจะต้องตายอย่างน่าเกลียดยิ่งกว่า ยาสามารถช่วยคนที่ช่วยได้ พุทธศาสนาใช้ได้กับคนที่มีวาสนาเท่านั้น
ฮ่องเต้หันหน้าไปมองหมอหลวงที่เหลือ บรรดาหมอหลวงแข้งขาอ่อนยวบทรุดลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายฮ่องเต้โอนเอน องครักษ์ด้านข้างรีบพุ่งเข้ามาพยุง ได้ยินเพียงเสียงฝ่าบาทคร่ำครวญ “หรือว่าข้า…อายุเพียงนี้แล้วยังต้องส่งคนหัวดำไปอีกหรือ” กวาดตามองหมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาของฮ่องเต้ฉายแววร้ายกาจ เอ่ยเสียงดัง “ข้าสั่งให้พวกเจ้าช่วยชีวิตองค์รัชทายาทไว้ให้ได้ มิเช่นนั้น…ข้าจะประหารพวกเจ้าเก้าชั่วโคตร”
“ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตด้วย” บรรดาหมอหลวงหวาดกลัวตัวสั่นเทาร้องขอชีวิตขึ้นมาพร้อมกัน หนานกงมั่วถอนหายใจอยู่ในใจ ฮ่องเต้เอ่ยเช่นนี้ไม่กลัวจะทำให้หมอหลวงพวกนี้ตกใจตายหรือ และโชคดีที่เขาเป็นฮ่องเต้จึงมีอำนาจมาข่มขู่หมอเหล่านี้ หรือว่าเขาไม่รู้…ว่าหมอไม่ใช่จะล่วงเกินได้ง่ายๆ
“ทูลฝ่าบาท เกาอี้ปั๋วพาคุณหนูใหญ่จวนเกาอี้ปั๋วมาขอเข้าเฝ้าพระชายารัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอก พ่อบ้านจวนรัชทายาทรีบวิ่งเข้ามารายงาน สีหน้าฮ่องเต้ทะมึนขึ้น โกรธกริ้วขึ้นมา “เวลาเช่นนี้ยังมาขอเข้าเฝ้าพระชายารัชทายาทอีกหรือ ไล่พวกเขาไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
พ่อบ้านตกใจ รีบเอ่ย “ฝ่าบาท เกาอี้ปั๋วบอกว่า…ว่านำยามาถวายพ่ะย่ะค่ะ”
“ยาหรือ” ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว พ่อบ้านรีบตอบรับ
ฮ่องเต้ครุ่นคิด หันไปมองหนานกงมั่ว เอ่ยถาม “เด็กหนานกง เจ้าออกไปดูกับข้า จวนอี้ปั๋วนำยาอันใดมา ใช้ได้หรือไม่”
หนานกงมั่วไม่ได้คาดหวัง แต่เมื่อฮ่องเต้เอ่ยปากนางจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้เพียงจูงมือเว่ยจวินมั่วเดินตามหลังฮ่องเต้ออกไปจากห้องนอนขององค์รัชทายาท
ในห้องโถงด้านนอก เกาอี้ปั๋วยืนตัวสั่นอยู่ในห้องโถง มองไปยังจวิ้นอ๋องและพระชายาจวิ้นอ๋องหลายคนตรงนั้นยิ่งทำตัวไม่ถูกขึ้นไปอีก กลับกันจูชูอวี้ที่อยู่ด้านข้างเขากลับดูนิ่งสงบ ทำให้คนต้องหันกลับมามอง เกาอี้ปั๋วทนไม่ไหวยกมือขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้าผาก แม้ถูกแต่งตั้งเป็นเกาอี้ปั๋ว แต่เพราะฐานะพ่อค้าทำให้เขามีโอกาสพบกับบรรดาลูกหลานของฮ่องเต้น้อยมาก หากเป็นปกติเขาที่เป็นหัวหน้าตระกูลจูก็คงไม่รู้สึกกังวลเพียงนี้ แต่วันนี้กลับเกี่ยวพันไปถึงความเป็นความตายขององค์รัชทายาท คนทั่วไปนั้นแทบจะหลีกหนีไปให้ไกลที่สุด แต่พวกเขากลับเดินเข้ามาเผชิญหน้า จะไม่กังวลได้อย่างไร
เวลานี้เกาอี้ปั๋วรู้สึกเสียใจที่เชื่อบุตรีนำยามาถวายให้ เดิมก็ไม่ใช่ธุระของตระกูลจู หากรัชทายาทรอดก็ดีไป ถ้าหากว่า…
“ฮ่องเต้เสด็จ” เสียงดังขึ้นทำให้บรรยากาศในห้องโถงตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนรีบคุกเข่าต้อนรับ
“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้นั่งลง จ้องมองเกาอี้ปั๋วสองพ่อลูกที่คุกเข่าอยู่ในห้องโถง เอ่ยถาม “ได้ยินว่าพวกเจ้ามียามาถวายแก่องค์รัชทายาทหรือ”
เกาอี้ปั๋วตัวสั่นไม่กล้าเอ่ยปากตอบรับ จูชูอวี้จึงรีบเอ่ยขึ้น “ทูลฝ่าบาท ร้านขายยาของตระกูลจูได้รับโอสถทิพย์มาหนึ่งชนิดเพคะ ท่านพ่อได้ยินว่าองค์รัชทายาทป่วยหนักจึงสั่งให้คนรีบส่งมาที่จินหลิงหวังว่าจะช่วยได้บ้างเพคะ”
ฮ่องเต้กวาดตามองจูชูอวี้ เอ่ยถาม “ยาอันใด เอามาให้ข้าดู”
จูชูอวี้รีบให้คนนำโอสถทิพย์ถวายให้ องครักษ์ข้างกายของฝ่าบาทเดินก้าวเข้าไปรับเอากล่องมาวางตรงหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมา เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ เจ้าเองก็มาดู”
“เพคะ ฝ่าบาท” หนานกงมั่วเดินเข้ามา มองกล่องที่ค่อยๆ เปิดออก ด้านในมีกล่องหยกขาวหนึ่งกล่องวางอยู่ เมื่อเปิดกล่องหยกขาวออกกลิ่นหอมจางๆ ก็ลอยคละคลุ้งออกมา ด้านในกล่องหยกมีผลไม้คล้ายอัญมณีโปร่งแสง ผลไม้ราวกับมีเปลือกบางๆ ห่อหุ้มเอาไว้อีกชั้น ราวกับว่าหากจิ้มลงไปเบาๆ น้ำหวานที่มีสีคล้ายหยกด้านในจะไหลออกมา
ฮ่องเต้เองก็พึ่งเคยเห็นผลไม้ชนิดนี้เป็นครั้งแรก อดแปลกใจไม่ได้ “นี่คือ…”
หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ขอถามเกาอี้ปั๋ว นี่คือผลหลิงหลงในตำนานที่ถูกกล่าวขานใช่หรือไม่”
เกาอี้ปั๋วรู้สึกประหลาดใจ เงยหน้าหันกลับไปมองหนานกงมั่ว ตอบว่า “จวิ้นจู่ร่ำเรียนรอบรู้อย่างแท้จริง นี่…นี่คือผลหลิงหลงขอรับ”
“ผลหลิงหลงเช่นนั้นหรือ มีสรรพคุณอย่างไร” ฮ่องเต้เอ่ยถาม
หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “ทูลฝ่าบาท ผลหลิงหลงเกิดอยู่บนหน้าผาในป่าลึกอันเงียบสงบ ไม่ครบสิบปีไม่ผลิใบร้อยปีไม่ออกดอก ต้องมีอายุถึงพันปีจึงจะออกผล ทุกๆ สิบปีจะออกผลหนึ่งครั้ง แต่ละครั้งอย่างมากไม่เกินสิบผล แต่ว่าผลหลิงหลงนี้บอบบาง เพียงมีลมฝนหิมะตกก็อาจร่วงหล่นได้ อีกทั้งยังเกิดอยู่บนหน้าผาดังนั้นจึงยากจะดูแล ดังนั้นหากจะได้เห็นผลหลิงหลงที่สุกดี…เกรงว่าเป็นร้อยปีก็ยากจะได้เห็นสักครั้ง แม้ผลไม้ชนิดนี้จะไม่ได้ผลต่อการรักษาอาการป่วยหรือถอนพิษมากนัก แต่เมื่อนำมาใช้บำรุงร่างกายก็นับว่ายอดเยี่ยม องค์รัชทายาทช่างโชคดียิ่งแล้วเพคะ”
“โอ้ เช่นนั้นหรือ” ฮ่องเต้รู้สึกยินดีขึ้นมา หันกลับไปมองเกาอี้ปั๋วและจูชูอวี้
จูชูอวี้เอ่ยเสียงใส “พระชายาซื่อจื่อเอ่ยไม่ผิดเลยเพคะ องค์รัชทายาทนั้นโชคดี ปีนี้ตระกูลจูมีผลไม้วิเศษ เดิมทีตั้งใจเอาไว้ว่าจะมอบให้ฝ่าบาทเป็นน้ำใจจากหม่อมฉัน ยามนี้พอดีกับองค์รัชทายาทได้ใช้ ท่านพ่อและหม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
“ดี ดี” ฮ่องเต้ลุกขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี “ดีมาก สวรรค์เมตตาอาณาจักรเซี่ยของข้าแล้ว เจ้านำยามาถวายมีผลงาน ขอเพียงองค์รัชทายาทหายดีข้าจะประทานรางวัลอย่างงาม”
เกาอี้ปั๋วรู้สึกยินดีขึ้นมา “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอองค์รัชทายาทมีความสุข สุขภาพแข็งแรงพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้โอสถทิยพ์มา ฮ่องเต้จึงเรียกหมอหลวงออกมาพูดคุยเรื่องนี้ แต่บรรดาหมอหลวงนั้นตกใจกับอาการป่วยขององค์รัชทายาทไปแล้ว ผู้ใดก็ไม่กล้าเอ่ยทูลถึงวิธีการใช้ยานี้ อย่างไรเสียร่างกายขององค์รัชทายาทย่ำแย่เพียงใดพวกเขารู้ดีอยู่ในใจ ผลหลิงหลงพวกเขาเคยเห็นอยู่ในหนังสือ แต่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นของจริงมาก่อน ใครจะรับรองได้ว่านี่จะช่วยรักษาอาการขององค์รัชทายาทได้ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ผลหลิงหลงมีประสิทธิภาพจริงๆ แล้วพวกเขาจะใช้มันอย่างไรเล่า
เห็นทุกคนเป็นเช่นนั้น ใบหน้าของฝ่าบาทจึงทะมึนขึ้นมา สุดท้ายจึงมีหมอชราผู้หนึ่งลุกขึ้น เอ่ย “ทูลฝ่าบาท…กระหม่อมประสบการณ์น้อย ไม่รู้ว่า…ผลหลิงหลงนี้ใช้เยี่ยงไร ถ้าหากองค์รัชทายาท… ไม่รู้ว่าพระชายาซื่อจื่อมีความเห็นเช่นไรขอรับ ได้ข่าวว่าพระชายาซื่อจื่อเป็นลูกศิษย์ของหมอฝังเข็มผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ บางที…”