ตอนที่ 303 องค์รัชทายาทประชวรหนัก ทดสอบวิชาการแพทย์ (4)
ใบหน้าของหนานกงมั่วยังคงเรียบนิ่งทว่าในใจกลับก่นด่าจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ เว่ยจวินมั่วที่ยืนอยู่ข้างหนานกงมั่วกวาดสายตาเย็นยะเยือกมองหมอหลวงเหล่านั้น บรรดาหมอหลวงรีบก้มหน้าหลบสายตาพลางกรีดร้องอยู่ในใจ พวกเขาก็ไม่อยากล่วงเกินผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงและองค์หญิงฉังผิง แต่พวกเขาไม่มีความมั่นใจต่อผลหลิงหลงนี้จริงๆ
ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วครู่ หนานกงมั่วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากฝ่าบาทเชื่อใจอู๋สยา อู๋สยายินดีลองดูเพคะ”
ฮ่องเต้เงยหน้า จ้องสตรีตรงหน้านิ่ง เนิ่นนานจึงเอ่ย “เช่นนี้ ข้าต้องมอบองค์รัชทายาทให้อู๋สยาแล้ว ต้องการสิ่งใดรีบเอ่ยบอกพวกเขาได้ทันที อู๋สยาวางแผนจะเริ่มเมื่อใดหรือ” หนานกงมั่วมองซ้ายแลขวา ถอนหายใจออกมา “อาการขององค์รัชทายาทไม่ดีนัก รีบเถิดเพคะ”
ชั่วพริบตาจวนรัชทายาทพลันวุ่นวายขึ้นมา บ่าวรับใช้ในจวนรัชทายาทวิ่งวุ่นจัดเตรียมห้องนอนขององค์รัชทายาทตามคำสั่งของหนานกงมั่วและจัดเตรียมสิ่งของตามความต้องการของหนานกงมั่ว หนานกงมั่วนั่งทำสมาธิอยู่ในห้องโถงไม่มีใครกล้าไปรบกวนนาง เกรงว่าหากไปรบกวนจะทำให้การรักษาองค์รัชทายาทมีปัญหาเอาได้ มีเพียงเว่ยจวินมั่วเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งเงียบไม่เอ่ยวาจาอยู่ข้างๆ นาง
“อู๋สยา มั่นใจหรือไม่” สัมผัสใบหน้าสวยของนางเบาๆ เว่ยจวินมั่วเอ่ยถามเสียงกระซิบ หากไม่มีความมั่นใจเขาต้องเตรียมตัวเอาไว้ หนานกงมั่วยกมือขึ้นมาจับมือเขาเอาไว้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “กลัวหรือไม่ หากข้าทำองค์รัชทายาท…”
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “อย่ากลัว มีข้า”
หนานกงมั่วพยักหน้า “ข้ารู้ ข้าไม่กลัว ดังนั้น ท่านก็ไม่ต้องกังวล”
ครั้งนี้หนานกงมั่วมิได้ให้คนติดตามเข้าไปมากนัก มีเพียงหมอหลวงฝีมือดีไม่กี่คนและเว่ยจวินมั่วเพียงเท่านั้น แม้กระทั่งพระชายารัชทายาทและฮ่องเต้ก็ต้องรออยู่ด้านนอก องค์รัชทายาทยังคงนอนหมดสติบนเตียงคนป่วย หมอหลวงชราผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “พระชายาซื่อจื่อ ท่านมีแผนอย่างไรหรือขอรับ” หมอหลวงหลายคนเมื่อเจอหน้าหนานกงมั่วก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา ดังนั้นเมื่อหนานกงมั่วลากพวกเขาเข้ามาด้วยจึงไม่มีคำพูดที่แค้นเคืองกล่าวโทษ เป็นพวกเขาตาเฒ่าเหล่านี้เองที่ไม่กล้าเดิมพัน จึงได้ผลักไสทุกอย่างไปให้หญิงสาวตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว ความจริงกว่าเก้าส่วนก็คิดว่าพระชายาซื่อจื่อเองก็คงไม่เคยสัมผัสผลหลิงหลงเหมือนกับพวกเขา ใช่หรือไม่
หนานกงมั่วเหลือบตามองเข็มเงินของสำนักหมอหลวงที่วางอยู่ด้านข้างพร้อมกับส่ายหน้า ล้วงมือเข้าไปหยิบเอาเข็มเงินในแขนเสื้อของตนเองที่ใช้อยู่เป็นประจำออกมาเปิดออก แม้แม่นางหนานกงจะใช้เข็มเงินเป็นอาวุธลับกระทั่งสังหารคน ทว่านางไม่ใช่คนประมาทถึงเพียงนั้น เข็มที่ใช้รักษาคนจริงๆ นั้นเป็นอีกชุดที่ถูกส่งต่อมาจากอาจารย์ เข็มที่ใช้ทำร้ายคนนั้นเป็นเข็มที่นางสั่งทำขึ้นมาเอง
หนานกงมั่วเอ่ย “ร่างกายของพระองค์นั้นราวกับตะเกียงที่ใกล้จะดับมอด แม้จะมีผลไม้บำรุงร่างกายเช่นผลหลิงหลง พระองค์ในตอนนี้เกรงว่าคงไม่อาจรับเข้าไปได้ ดังนั้นจึงตั้งใจจะใช้วิชาฝังเข็มเมตตาเพื่อดึงชีวิตที่ยังมีอยู่ขึ้นมา รอจนกระทั่งองค์รัชทายาทฟื้นรบกวนท่านหมอทั้งหลายช่วยป้อนผลหลิงหลงหนึ่งในสิบส่วนให้พระองค์ด้วย”
หมอชราขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ย “พระชายาซื่อจื่อโปรดใคร่ครวญด้วยขอรับ หากผลหลิงหลงไม่เป็นผล เกรงว่าองค์รัชทายาท…” ดังนั้นการปลุกชีวิตที่เหลืออยู่ขององค์รัชทายาท นั่นเป็นการกระตุ้นชีวิตที่เดิมก็เหลืออยู่ไม่มาก หากผลหลิงหลงไม่มีผลหรือออกฤทธิ์ช้า เกรงว่าองค์รัชทายาทที่อาจจะตายในวันพรุ่งนี้ได้กลายเป็นตายในทันทีแทน
หนานกงมั่วแค่นยิ้มอย่างจนปัญญา “ตอนนี้เรายังมีทางให้ใคร่ครวญอีกหรือ”
บรรดาหมอหลวงนึกถึงประโยคประหารเก้าชั่วโคตรของฮ่องเต้ รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ ทำได้เพียงมองไปยังหนานกงมั่วอย่างใจจดใจจ่อคาดหวังให้นางมีความมั่นใจมากขึ้น
หนานกงมั่วนั้นแตกต่างจากหมอทั่วไปที่ต้องค่อยๆ เตรียมจุดฝังเข็ม แม้แต่เสื้อผ้าขององค์รัชทายาทก็ไม่ต้องถอด หยิบเข็มเงินออกมาและฝังลงไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า บรรดาหมอหลวงพยายามสะกดกลั้นความตื่นตระหนกเอาไว้ รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าแม้เป็นการฝังเข็มแบบตามอำเภอใจทว่ากลับไม่มีความคาดเคลื่อนเลยแม้เพียงเล็กน้อย เข็มเงินทั้งห้าถูกฝังลงในจุดฝังเข็มอย่างพร้อมเพรียง
คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น ความเร็วในการฝังเข็มนั้นไม่ได้ลดลงเลย เดิมใบหน้าซีดเซียวร่างกายเย็นชืดราวกับน้ำแข็ง จู่ๆ ใบหน้าขององค์รัชทายาทก็ค่อยๆ มีสีแดงกลับคืนมา เม็ดเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามขมับ ไม่นานพลันเห็นว่าเขาขมวดคิ้วและเปลือกตาเริ่มเคลื่อนไหว
หนานกงมั่วนั่งอยู่ข้างเตียง สองมือกดไปยังบริเวณส่วนเอวขององค์รัชทายาท ส่งกำลังภายในเข้าไปกระตุ้นชีวิตที่เหลืออยู่ของพระองค์
“ให้ยา”
ได้ยินเช่นนั้น หมอหลวงรีบหยิบกล่องหยกที่มีผลหลิงหลงขึ้นมา ใช้มีดหยกหั่นผลหลิงหลงป้อนให้กับองค์รัชทายาท แม้ภายนอกผลหลิงหลงจะดูคล้ายของเหลวที่ถูกห่อคุ้มด้วยผลึก แต่เมื่อหั่นออกมาแล้วด้านในกลับเป็นเนื้อผลไม้แวววาว เพียงแต่เนื้อผลไม้นั้น เมื่อส่งเข้าไปในปากก็ละลายไปทันที หมอที่อยู่ด้านข้างรีบปิดกล่องหยกเอาไว้
หนานกงมั่วยังคงใช้กำลังภายในกระตุ้นฤทธิ์ของผลหลิงหลงในร่างกายขององค์รัชทายาท วิธีเช่นนี้หากเป็นหมอที่ไม่รู้วิชากำลังภายในคงไม่อาจทำได้ ร่างกายขององค์รัชทายาทนั้นอ่อนแอจนไม่สามารถดูดซับเอาฤทธิ์ของผลหลิงหลงได้แล้ว มองเห็นองค์รัชทายาทลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า ทุกคนจึงรู้สึกยินดีขึ้นมา “องค์รัชทายาท…”
องค์รัชทายาทอ้าปากอย่างอ่อนล้า ทว่าไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา ลองอยู่หลายครั้งสุดท้ายจึงต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง
หนานกงมั่วโบกตวัดมือเบาๆ เข็มเงินนับสิบเล่มที่วางอยู่โต๊ะด้านข้างพลันร่วงลงมาอยู่ในมือของนางอย่างพร้อมเพรียง มองเห็นเพียงมือที่เคลื่อนไหวว่องไวของนาง เข็มทั้งสิบเล่มก็ถูกปักลงบนร่างกายขององค์รัชทายาทในชั่วพริบตา ร่างกายขององค์รัชทายาทถูกฝังเข็มราวกับเม่น ทว่ามองเห็นใบหน้าที่เริ่มซีดขาวลงเรื่อยๆ ของหนานกงมั่ว หมอหลวงที่อยู่ในสถานการณ์จึงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยทักท้วง
ในที่สุดใบหน้าขาวซีดขององค์รัชทายาทก็เริ่มมีสีสันบ้างแล้ว ทันใดนั้นหนานกงมั่วพลันกระอักเลือดออกมา ร่างกายโงนเงนไม่มั่นคงเกือบจะล้มล้งไป
“อู๋สยา” เว่ยจวินมั่วก้าวเดินเข้ามาคว้าตัวนางมากอดเอาไว้ หนานกงมั่วพิงอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยจวินมั่ว ทว่าพยายามยื่นมือไปดึงเอาเข็มบนร่างกายขององค์รัชทายาทออกจนหมดก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา บรรดาหมอหลวงเองต่างพ่นลมหายใจออกมาเช่นเดียวกัน รีบเอ่ยถาม “พระชายาซื่อจื่อ องค์รัชทายาท…”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว อีกสามวันป้อนผลหลิงหลงหนึ่งในสิบส่วนให้กับองค์รัชทายาทอีกครั้ง หลังจากนั้น…คงต้องรบกวนท่านหมอทั้งหลายแล้ว”
หมอหลวงรีบเอ่ยตอบมิกล้า คนหนึ่งก้าวเดินเข้าไปตรวจชีพจรให้กับองค์รัชทายาท พบว่าชีพจรขององค์รัชทายาทนั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เป็นดั่งตะเกียงใกล้จะมอดดับอีกต่อไป หนานกงมั่วลุกขึ้นยืนพิงอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยจวินมั่ว เอ่ย “ในเมื่อไม่มีอันใดอีก พวกเราก็กลับกันเถิด ข้าเหนื่อยแล้ว”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ประคองเอวของนางเอาไว้ เอ่ย “ได้ พวกเราจะกลับกันไปก่อน”
เปิดประตูห้องนอนขององค์รัชทายาทออกมาก็พบผู้คนที่กำลังรออยู่ด้านนอก ยามนี้ด้านนอกสว่างไสวไปด้วยแสงเทียนเนื่องจากเป็นเวลาค่ำมืดเสียแล้ว คนที่อยู่ด้านในนั้นไม่รับรู้ทว่าผู้ที่รออยู่ด้านนอกนั้นรู้สึกราวกับเวลาได้ผ่านไปเป็นปี ตั้งแต่หนานกงมั่วเข้าไปจนกระทั่งเปิดประตูออกมาเวลาผ่านไปเกือบสามชั่วยามแล้ว เมื่อเห็นประตูเปิดออก ผู้คนจึงพุ่งเข้ามาหาทันใด พระชายารัชทายาทคว้าหนานกงมั่วเอาไว้พลางเอ่ยถาม “องค์รัชทายาทเป็นเช่นไรแล้ว องค์รัชทายาทเป็นเช่นไร”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “องค์รัชทายาท…ไม่ต้องกังวลแล้วเพคะ องค์รัชทายาทไม่เป็นไรแล้วเพคะ”
พระชายารัชทายาทชะงัก จากนั้นจึงนั้นจึงตื่นเต้นยินดีขึ้นมา ดวงตาอ่อนล้ามีน้ำตาเอ่อคลอ “เยี่ยมไปเลย เยี่ยมไปเลย… อู๋สยา ขอบคุณเจ้ามาก ขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตองค์รัชทายาท…”