หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 317 ความสุขในฤดูใบไม้ผลิ (4)

ตอนที่ 317 ความสุขในฤดูใบไม้ผลิ (4)

ตอนที่ 317 ความสุขในฤดูใบไม้ผลิ (4)
“แน่นอนสิ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเบา

เว่ยจวินมั่วกวาดตามองไปรอบเรือนเล็กๆ แห่งนี้ ดวงตาฉายแววความโกรธและเสียดายแวบเข้ามา มองหญิงสาวที่ยิ้มกว้างตรงหน้าอย่างไม่พอใจ

หนานกงมั่วยิ้มจนตาหยี เอ่ย “น่าเสียดาย…ตอนนี้เราอยู่บ้านคนอื่น ดังนั้น…ท่านซื่อจื่อ เรากลับไปค่อยว่ากันอีกทีเป็นอย่างไร” ในขณะที่สีหน้าของอีกคนกำลังเปลี่ยนไปมา หนานกงมั่วก็หลบหลีกออกมาจากอ้อมแขนของเขา กระโดดลงไปจากช่องหน้าต่างเล็กๆ มุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ทุกคนกำลังรวมตัวกันอยู่ หันกลับมามองสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง โบกมือและส่งจูบให้เขาอย่างร่าเริง

โอ้ ช่วงนี้มีเรื่องวุ่นวาย ถูกใครบางคนกักเอาไว้ ยามนี้อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย

ใครบางคนที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างมองตามหญิงสาวอาภรณ์สีขาวที่วิ่งออกไป ดวงตาสีม่วงยังคงนิ่งสงบ อู๋สยา เจ้าพูดเองนะ เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ

ใครบางคนดีใจจนลืมไปแล้วว่ามีคำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ก่อหายนะเอาไว้แล้ว ไม่อาจหนีพ้น

เมื่อหนานกงมั่วกลับมาถึงศาลาริมน้ำงานเลี้ยงก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว มองเห็นนางกลับมาแล้วองค์หญิงหลิงอี๋จึงกวักมือเรียกนางด้วยรอยยิ้ม ให้นางมานั่งอยู่ข้างกายของตน

“ไปไหนกับเว่ยจวินมั่วมาหรือ ไยจึงกลับมาช้านัก แล้วเว่ยจวินมั่วเล่า” องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยถาม หนานกงมั่วกวาดตามองไปไม่ไกล เหลียนเล่อหรูนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับเชื้อสายรองอีกไม่กี่คน พูดคุยหัวเราะสนุกสนานดูเหมือนอารมณ์ดีไม่เลว เหมือนจะพอใจต่อคำปลอบโยนและคำสัญญาของหร่วนอวี้จือไม่น้อย บางครั้งสตรีก็โง่เขลาเช่นนี้ ถูกหลอกมาแล้วกว่าร้อยครั้ง ขอเพียงบุรุษคารมดีสักหน่อย นางก็ย่อมเชื่อเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่ง

“ดูละครฉากหนึ่งจนลืมเวลา เว่ยจวินมั่วกลับไปแล้ว เขาไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงเพคะ” เรื่องที่เว่ยจวินมั่วมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของจูชูอวี้ด้วยตนเอง คุณหนูหนานกงรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ โชคดีที่เว่ยซื่อจื่อไม่ได้มาเพราะสิ่งนี้ ไม่มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงด้วยซ้ำ

องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ห้ายังกังวลว่าพวกเจ้าทั้งสองจะเข้ากันไม่ได้ แต่ข้าดูแล้วคิดว่านางคงคิดมากเกินไป” นี่เรียกว่าเข้ากันไม่ได้หรือ แม้กระทั่งลูกสะใภ้ออกมาร่วมงานเลี้ยงยังรีบตามมา ในเมืองจินหลิงมีชายใดที่ติดภรรยาถึงเพียงนี้บ้าง

ใบหน้าเล็กของหนานกงมั่วแดงระเรื่อ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย เอ่ยถามถึงการประลองก่อนหน้านี้

องค์หญิงหลิงอี๋เองก็ไม่ได้ขัดนาง เล่าให้ฟังโดยละเอียด สุดท้ายรางวัลก็เป็นของจูชูอวี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครสู้จูชูอวี้ได้ ในสายตาขององค์หญิงหลิงอี๋ บทกลอนของคุณชายใหญ่ตระกูลฉินก็ดี หรือว่าตัวอักษรของคุณชายเซี่ยเจ็ดก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจูชูอวี้ เพียงแต่วันนี้อย่างไรก็เป็นวันเกิดของนาง ขอเพียงไม่ได้ต่างกันมากก็ควรไว้หน้านางด้วย คุณชายใหญ่ฉินและคุณชายเซี่ยเจ็ดก็ไม่คิดอยากเอาชนะสตรี เมื่อหนานกงมั่วออกไปต่างก็ยอมแพ้เอง เช่นนี้แล้ว ชื่อเสียงว่าจูชูอวี้นั้นเป็นสตรีผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งในจินหลิงคงดังก้องไปทั่วเมืองหลวงแล้ว

“เจ้าเด็กนี่ หากเจ้าไม่พยายามผลักไส อันดับที่หนึ่งจะเป็นของใครก็ไม่แน่นักหรอก” องค์หญิงหลิงอี๋ดีดกลางหัวคิ้วของนางพลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ แม้คนส่วนใหญ่จะชื่นชมจูชูอวี้ แต่องค์หญิงหลิงอี๋ยืนอยู่ข้างหนานกงมั่ว และคนอื่นๆ เช่นเนี่ยนหย่วน แม้แต่คุณชายทั้งสองที่ยอมแพ้ด้วยตนเอง องค์หญิงหลิงอี๋ดูออกว่าทั้งสามคนคนนี้ชื่นชมหนานกงมั่วมากกว่า

หนานกงมั่วปิดริมฝีปากลอบยิ้ม “แย่งความดีความชอบของนางในวันเกิดของนาง คนอื่นๆ คงคิดว่าหม่อมฉันอยากมีชื่อเสียงนะเพคะ กว่าซั่นจยาเซี่ยนจู่จะมีงานเลี้ยงวันเกิดได้ เสด็จน้าท่านก็คิดเสียว่ามาชมความสนุกก็พอแล้วเพคะ” องค์หญิงหลิงอี๋จึงได้ปล่อยวาง สำหรับจูชูอวี้นั้นองค์หญิงหลิงอี๋ชื่นชอบไม่ลง ต่อให้นางมีความสามารถเพียงใดองค์หญิงหลิงอี๋ก็ไม่มีทางลืมเรื่องที่นางทำไว้เมื่ออยู่จวนรัชทายาท ต่อให้จูชูอวี้จะสำนึกผิดจริงๆ มันก็กลายเป็นภาพจำอยู่ในหัวขององค์หญิงหลิงอี๋ไปเสียแล้ว บางครั้งเชื้อพระวงศ์ก็ค่อนข้างยืนหยัดในความคิดตนเอง

หลังจากงานเลี้ยงจบลง จูชูอวี้เดินออกมาส่งเหล่าสตรีทั้งหลายด้วยตนเอง ตั้งแต่ต้นจนจบมุมปากของนางนั้นยังคงประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้เพียงเล็กน้อย สำหรับเรื่องนี้หนานกงมั่วได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ สามารถรักษาใบหน้านี้ได้ตลอดทั้งวันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นกล่าวได้ว่าคุณหนูจูกลายเป็นที่เชิดหน้าชูตาของจวนเกาอี้ปั๋วนั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การมีอยู่ของฮูหยินเกาอี้ปั๋วนั้นแทบจะเป็นศูนย์แล้ว

บอกลาองค์หญิงหลิงอี๋และเซี่ยโหวฮูหยินแล้ว หนานกงมั่วจับมือหมิงฉินและเดินขึ้นรถม้าไป หันกลับไปมองผ่านช่องหน้าต่างของรถม้าที่ยังไม่ปิดม่านลงพลันมองเห็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉินและหร่วนอวี้จือเดินเคียงกันออกมา

“คารวะจวิ้นจู่” เมื่อมองเห็นนาง ฉินจื่อซวี่และหร่วนอวี้จือต่างชะงัก รีบเดินเข้ามาคารวะ

หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายฉินไม่ต้องมากพิธี ได้ยินเซี่ยสามบอกว่าคุณหนูฉินสี่มีพรสวรรค์ปราดเปรื่อง น่าเสียดายไม่มีวาสนาได้พบ หากคุณหนูสี่ว่างเมื่อใด เชิญนางมาเที่ยวเล่นที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องได้”

เห็นได้ชัดว่าฉินจื่อซวี่ไม่คิดว่าหนานกงมั่วจะเอ่ยเรื่องนี้กับเขา แม้จะกะทันหันทว่าน้ำใจของซิงเฉิงจวิ้นจู่ไม่อาจปฏิเสธได้ รีบประสานมือ เอ่ยตอบ “ได้รับเชิญจากจวิ้นจู่ นับเป็นวาสนาของน้องสาวแล้วขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “เช่นนี้ ข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว”

“จวิ้นจู่เดินทางปลอดภัย” ฉินจื่อซวี่เอ่ย ขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ หันกลับมามองหร่วนอวี้จือที่อยู่ด้านข้าง หร่วนอวี้จือแม้ใบหน้ายังคงอ่อนโยนสง่างาม แต่สายตากลับแข็งกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งสองต่างก็ดูออกว่าหนานกงมั่วตั้งใจเมินเฉยต่อหร่วนอวี้จือ แต่ว่าทั้งสองไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน และไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ซิงเฉิงจวิ้นจู่เมินเฉยเช่นนี้ถือว่าประหลาดยิ่งนัก

ฉินจื่อซวี่กำลังคิดจะปลอบหร่วนอวี้จือ ทว่าได้ยินเสียงเรียบของหนานกงมั่วดังออกมาจากรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ “ ไต้เท้าหร่วนผู้นี้เป็นคนตานหยางใช่หรือไม่ บังเอิญแล้วที่ข้าก็อาศัยอยู่ในตานหยางช่วงหนึ่ง ไม่รู้ว่าไต้เท้าหร่วนยังจำน้ำใจจากบ้านเกิดเมืองนอนได้หรือไม่”

ได้ยินเช่นนั้น ฉินจื่อซวี่จึงเกิดความสงสัยขึ้นมา ใบหน้าของหร่วนอวี้จือทะมึนลงทันใด

กลับมาถึงเรือนซูอวิ๋น หนานกงมั่วสั่งคนให้ออกไปจากนั้นเดินเข้าไปในห้องด้านใน เสียดายที่ปิดม่านรถม้าลงก่อนจึงไม่ทันเห็นสีหน้าของหร่วนอวี้จือ แต่ไม่เป็นไร อีกไม่นาน…นางก็จะได้เห็นใบหน้าตื่นตาตื่นใจของหร่วนอวี้จือแล้ว เมื่อเทียบกับชายน่ารังเกียจผู้นี้แล้ว หนานกงมั่วรู้สึกว่าคนที่นางเคยรู้สึกขวางหูขวางตากลับดูถูกชะตาขึ้นมาทันใด ที่แท้…บนโลกก็ต้องมีการเปรียบเทียบเป็นธรรมดา

“เอ๋ ยังไม่กลับมาหรือ” มองดูห้องที่ปิดสนิทหนานกงมั่วก็รู้สึกแปลกใจ

ต่อให้เว่ยจวินมั่วยังไม่กลับมา แล้วสาวใช้ไปอยู่ที่ไหนกันนะ แม้แต่ไฟก็ไม่จุดเลยหรือ

เมื่อผลักประตูเปิดเข้าไป คร้านไปเรียกคนมาจุดไฟ หนานกงมั่วจึงเดินไปจุดไฟด้วยตนเอง อืม ไม่ใช่สิ

หันกลับมาทันใด เห็นเพียงเงาผ่านไป

“เว่ยจวินมั่ว ท่านทำอะไร” นอกจากเว่ยจวินมั่ว ไม่มีใครที่อยู่ใกล้เพียงนี้แล้วนางจะไม่รับรู้ แต่ว่า…ช่วงนี้นางเองก็เริ่มเฉื่อยชาแล้ว ถึงได้รู้สึกช้าเพียงนี้ว่าในห้องมีคนอยู่ หากเป็นศัตรูคงตายไปแปดร้อยครั้งแล้ว

ถูกคนคว้าเอวเอาไว้ ชั่วพริบตาทั้งสองก็ล้มลงไปบนเตียง แสงเทียนที่จุดเมื่อสักครู่ทำให้ปรับสายตาไม่ทัน หนานกงมั่วต้องหรี่ตาลง เงยหน้ามองเขา เอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญา “ท่านทำอันใด ข้าตกใจหมดแล้ว”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท