ตอนที่ 313 การประลองผูกมิตร (4)
“เคารพมิสู้ปฏิบัติตาม นี่คือโชคชะตาของพระผู้น้อยอย่างกระหม่อมแล้ว” เนี่ยนหย่วนเอ่ย
รูปภาพทั้งสี่ค่อยๆ เปิดออก ภาพวาดของบุรุษทั้งสองนั้นผสมรวมกันได้อย่างลงตัว ไม่ใช่พวกเขาวาดได้ไม่ดี เพียงแต่ความสนใจของทุกคนในยามนี้ไปอยู่ที่สตรีทั้งสองมากกว่า นอกเสียจากภาพวาดของชายหนุ่มทั้งสองจะเหนือชั้นกว่าสตรีทั้งสอง หากฝีมือพอกันก็คงต้องพ่ายแพ้เสียแล้ว
“เอ๋” ใบหน้าสง่างามของเนี่ยนหย่วนเผยความตกใจออกมาให้เห็น ก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ารูปภาพของจูชูอวี้ สายตาของทุกคนก็เคลื่อนตามเขาไป อดไม่ได้สูดลมหายใจเข้าลึก มองไปยังหญิงสาวงดงามตรงหน้าอย่างตกตะลึง ภาพวาดของจูชูอวี้เป็นภาพวาดธรรมชาติ เส้นขีดมิได้ละเอียดลออ ใช้สีเรียบง่าย เพียงวาดง่ายๆ ทว่ากลับดูเหมือนภาพวาดภูเขาแม่น้ำในฤดูใบไม้ร่วงที่มีชีวิตชีวา ภูเขาสายน้ำล้วนงดงาม ใบไม้สีแดงปลิดปลิวสะท้อนแสงแดดอ่อนๆ ยามอาทิตย์ตก ให้ความรู้สึกสง่างามโอ่อ่าและกว้างใหญ่ ภาพวาดเช่นนี้…เป็นภาพวาดของสตรีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น
หันไปมองดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงของหยางฮุ่ยถิง ทักษะการวาดภาพของหยางฮุ่ยถิงนั้นดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย ดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงนั้นทำให้ภาพของนางดูสดใสมีเสน่ห์ แต่เมื่อวางรูปดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงรูปนี้คู่กับภาพธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทำให้คนรู้สึกว่าภาพแรกนั้นดูเรียบง่ายไปเลย ราวกับคุณหนูสกุลสูงศักดิ์และลูกสาวชาวบ้านธรรมดา แต่สองคนนี้หยางฮุ่ยต่างหากที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่จริงๆ และเพราะฐานะที่แตกต่างยิ่งทำให้บรรยากาศหนักอึ้งกดดัน
เนี่ยนหย่วนถอนหายใจออกมา เอ่ย “ภาพดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ผลิของคุณหนูหยางโดดเด่น นับว่าเป็นผลงานชิ้นเอกเลยก็ว่าได้ ส่วนซั่นจยาเซี่ยนจู่…”
เนี่ยนหย่วนยังเอ่ยไม่ทันจบ ด้านหลังพลันมีเสียงเอ่ยขึ้น “ภาพธรรมชาติในฤดูใบไม้ร่วงมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่แน่นอนว่าเหนือกว่า” เนี่ยนหย่วนหันกลับไป มองเห็นสายตาสนับสนุนจากผู้คนด้านหลัง สายตาชื่นชมล้วนมองไปยังจูชูอวี้
“ได้ยินมานานว่าซั่นจยาเซี่ยนจู่มีความสามารถ ไม่คิดเลยว่าจะเยี่ยมยอดถึงเพียงนี้ ยามนี้ซั่นจยาเซี่ยนจู่จะต้องเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว” มีคนเอ่ยชื่นชมต่อ
องค์หญิงหลิงอี๋เองก็ถอนหายใจ แม้ว่านางจะมีภาพจำเกี่ยวกับจูชูอวี้ไม่ดีนัก ทว่าไม่อาจไม่ยอมรับได้เลยว่าภาพภาพนี้ของจูชูอวี้ดีกว่าหยางฮุ่ยถิงมากทีเดียว เดิมทีจูชูอวี้อาศัยเพียงภาพนี้ก็สามารถมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจินหลิงได้ แต่ยามนี้หยางฮุยถิงกลับวิ่งออกมาเป็นหินรองเท้าให้คนเขาเหยียบขึ้นไปเอง ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของนางโด่งดังขึ้นไปอีก การวาดภาพของหยางฮุ่ยถิงนั้นเดิมเรียกได้ว่าอยู่อันดับหนึ่งหรือสองในจินหลิง ใครจะรู้ว่าต้องมาพ่ายแพ้อย่างไร้อนาคตต่อหน้าจูชูอวี้
“แน่นอนว่าซั่นจยาเซี่ยนจู่นั้นเป็นอันดับหนึ่ง” องค์หญิงหลิงอี๋เอ่ยยอมรับ
องค์หญิงหลิงอี๋เพิ่งเอ่ยจบ ร่างกายของหยางฮุ่ยถิงพลันโงนเงนและล้มลงไป ผู้คนรอบตัวเข้ามาประคอง จ้องกระดาษในมือของตนเขม็งพลางเอ่ยพึมพำ “ข้า…ข้าแพ้แล้ว…”
เนี่ยนหย่วนถอนหายใจ เอ่ยเสียงเบา “ในเมื่อเป็นการประลองผูกสัมพันธ์ ก็ย่อมเป็นเพียงการละเล่นร่วมกันเท่านั้น แม่นางไม่ต้องให้ความสำคัญกับการพ่ายแพ้มากนัก”
“ข้าแพ้แล้ว…” หยางฮุ่ยถิงราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเนี่ยนหย่วน ยืนไร้สติอยู่ตรงนั้น
องค์หญิงหลิงอี๋กำลังจะเอ่ยปาก พลันได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง “ซั่นจยาเซี่ยนจู่และซิงเฉิงจวิ้นจู่ต่างก็เป็นคนที่ฝ่าบาทแต่งตั้งขึ้นมา ฝีมือการวาดภาพของซั่นจยาเซี่ยนจู่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคนแล้ว ไม่รู้ว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่นั้นเป็นเช่นไร” ไฟรนมาถึงตนเอง หนานกงมั่วเงยหน้ามองทะลุกลุ่มคนตรงไปยังเว่ยจวินเจ๋ออย่างไม่แปลกใจ เว่ยจวินเจ๋อที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็มองมายังนางด้วยใบหน้าท้าทาย
หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ฝีมือการวาดภาพของข้านั้นธรรมดา คงมิกล้าแสดงความน่าอายออกมาให้เห็น”
ถูกเว่ยจวินเจ๋อเอ่ยเช่นนั้น ผู้คนที่อยู่โดยรอบก็รีบเอ่ยสนับสนุนให้หนานกงมั่วแสดงความสามารถ ไม่เพียงบรรดาคุณชายพวกนั้น ยังมีบรรดาสตรีในห้องหอจำนวนไม่น้อยอีกด้วย ไม่รู้ว่าต้องการให้หนานกงมั่วขายหน้าต่อจูชูอวี้หรือต้องการให้หนานกงมั่วเอาชนะจูชูอวี้เพื่อช่วยกอบกู้ใบหน้าให้พวกนางกันแน่
องค์หญิงหลิงอี๋เลิกคิ้ว หยางฮุ่ยถิงที่ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่เข้ามาคว้ามือของหนานกงมั่ว เอ่ยว่า “สู้กับนาง ต้องเอาชนะนางให้ได้”
หนานกงมั่วก้มหน้ามองหยางฮุ่ยถิงที่มีสายตาบ้าคลั่งปรากฏขึ้นแล้วถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “คุณหนูหยาง ฝีมือการวาดภาพของข้าไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” หยางฮุ่ยถิงไม่ฟังเลยสักนิด ส่ายหน้าพลางเอ่ย “ท่านเป็นจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทแต่งตั้ง จะสู้นางมิได้ได้เช่นไร ข้าไม่เชื่อ หรือว่าสตรีทั่วทั้งจินหลิงจะสู้ลูกสาวพ่อค้าเพียงคนเดียวมิได้เชียวหรือ”
เมื่อคำพูดนั้นถูกเอ่ยออกไป สตรีที่อยู่ตรงนี้มีสีหน้าไม่ดีขึ้นมา เพราะหากเป็นการวาดภาพเกรงว่าพวกนางคงสู้จูชูอวี้ไม่ได้ อีกทั้งจูชูอวี้ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นสตรีผู้มีความสามารถ ต่อให้แข่งอย่างอื่นจะมีสักกี่คนที่เอาชนะนางได้
“จริงสิ เจ้าไม่ได้ยังมี…ยังมีเซี่ย…”
“คุณหนูหยาง” หนานกงมั่วเอ่ยขัดคำพูดของหยางฮุ่ยถิง เซี่ยเพ่ยหวนเองก็ไม่ใส่ใจ ยืนอยู่ด้านหลังหนานกงมั่ว เอ่ยยอมรับตรงๆ “คุณหนูหยางเองก็รู้จักข้า ฝีมือการวาดภาพของข้านั้นไม่สู้ซั่นจยาเซี่ยนจู่จริงๆ” ไม่เพียงฝีมือไม่ดีพอ อีกทั้ง…นางไม่สามารถวาดออกมาให้มีพลังอำนาจเช่นจูชูอวี้ได้ เซี่ยเพ่ยหวนไม่ได้รู้สึกว่าการยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นนั้นจะมีสิ่งใดไม่ดี
“คุณหนูเซี่ยและจวิ้นจู่กล่าวเกินจริงแล้วเจ้าค่ะ” จูชูอวี้เอ่ยนอบน้อมเบาๆ
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่ยอมรับว่าตนเองสู้ไม่ได้ พวกเราจะเชื่อได้เยี่ยงไร มิสู้ขอเชิญจวิ้นจู่วาดสักรูปให้ทุกคนได้รับชม ดูว่าจริงหรือเท็จ” เว่ยจวินเจ๋อไม่ยอม เอ่ยขึ้นอีกครั้ง วาจานี้มีทั้งคนที่สนับสนุนและคนที่ไม่เห็นด้วย คนที่สนับสนุนย่อมอยากเห็นฝีมือการวาดภาพของซิงเฉิงจวิ้นจู่ คนไม่เห็นด้วยนั้นตัดสินไปแล้วว่าฝีมีการวาดภาพของซั่นจยาเซี่ยนจู่เหนือกว่าใครในบรรดาคุณหนูทั้งหลายแล้ว ไม่มีใครมาเทียบได้ ไม่ดูก็ไม่เป็นไร
องค์หญิงหลิงอี๋กวาดตามองเว่ยจวิ้นเจ๋ออย่างไม่พอใจ กำลังจะให้คนลากเขาออกไป จูชูอวี้ที่อยู่ด้านข้างกลับก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญซิงเฉิงจวิ้นจู่ได้โปรดสั่งสอนด้วยเจ้าค่ะ”
จูชูอวี้เองก็ไม่พอใจ ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากหยางฮุ่ยถิง ความจริงงานวันนี้ควรจบลงอย่างดีอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่าจะมีผู้สอดมือเข้ามายุ่ง เอ่ยมาถึงขั้นนี้แล้ว หากปล่อยผ่านไปเช่นนี้ เสียงชื่นชมที่ได้รับคงต้องแตกแยกออกเพราะคำพูดของหยางฮุ่ยถิง คนอาจคาดเดากันว่าความจริงแล้วฝีมือของซิงเฉิงจวิ้นจู่สู้ตนไม่ได้หรือเพราะนางไม่อยากแข่งกับตน จูชูอวี้มั่นใจว่าฝีมือการวาดภาพของหนานกงมั่วสู้ไม่ได้อยู่แล้ว อีกทั้งมิได้อยากล่วงเกินหนานกงมั่ว เพียงแต่ในเมื่อเว่ยจวินเจ๋อเอ่ยเช่นนี้แล้ว หากไม่เอ่ยขึ้นบ้างเกรงว่าคนอื่นคนคิดว่าตนกลัวหนานกงมั่ว
หนานกงมั่วหลุบตา เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เอ่ยตอบ “เช่นนี้ คงขายหน้าแล้ว”
“มั่วเอ๋อร์” เซี่ยเพ่ยหวนเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล หนานกงมั่วหันไปยิ้มให้นาง ส่ายศีรษะบอกนางว่าตนเองไม่เป็นไร หันกลับมาเอ่ยถามหยางฮุ่ยถิง “คุณหนูหยาง ขอใช้รูปดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงของท่านได้หรือไม่”
หยางฮุ่ยถิงแทบต้องการทำลายรูปดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงที่ทำให้ตนพ่ายแพ้และโดนดูถูกทิ้งไปไม่ไหว จึงไม่แม้แต่จะมองสักนิด เอ่ยว่า “หากท่านต้องการก็เอาไปเถิด”
“ขอบคุณมาก” หนานกงมั่วยิ้มบาง หยิบรูปดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงมาวางไว้บนโต๊ะอีกฝั่ง จากนั้นหยิบพู่กันขึ้นมาเริ่มวาดภาพ ผู้คนไม่กล้าเข้าไปรบกวน แต่มองเห็นว่าหนานกงมั่วกำลังวาดต่อในรูปดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงแผ่นนั้น รู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันใด รูปดอกเบญจมาศในฤดูใบไม้ร่วงของหยางฮุ่ยถิงวาดออกมาได้ไม่เลวแล้ว ยังคงพ่ายแพ้ให้แก่จูชูอวี้ ไม่เชื่อว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่จะสามารถวาดมันออกมาได้ดีขึ้นกว่านี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับภูเขาและแม่น้ำแล้ว ดอกเบญจมาศนับว่าพ่ายแพ้ไปแล้ว เกรงว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่ผู้นี้คงไม่มีฝีมือเรื่องการวาดภาพดังที่นางได้บอกจริงๆ