ตอนที่ 325 ประสบความสำเร็จในการสอบและเขยขวัญที่เตียงตะวันออก (1)
เหยียนลัวอีลุกขึ้นมาคุกเข่าลงตรงหน้า เอ่ยขึ้นอย่างมั่นคง “ขอจวิ้นจู่และคุณชายลิ่นแก้แค้นให้ข้าด้วย”
ลิ่นฉังเฟิงหรี่ตาลง รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาไม่มีความอ่อนโยนแม้เพียงนิด “เมื่อก่อนตั้งใจกล้ำกลืนฝืนทนมิใช่หรือ ไยตอนนี้จึงอยากแก้แค้นเล่า เพราะเขาส่งคนมาสังหารเจ้าหรือ หากต่อไปเขาเสียใจขึ้นมา ขอร้องให้เจ้าอภัยให้เขาเล่า” เหยียนลัวอียิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น “หากไม่ใช่หลิ่ว เหยียนลัวอีก็คงตายไปแล้ว ไม่สิ เหยียนลัวอีตายไปนานแล้ว ข้าคือจื่อเยียน” เหยียนลัวอีคือเด็กสาวผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอยู่ในเมืองตานหยาง แต่นาง…คือจื่อเยียนคณิกาในหอนางโลม เนื้อตัวสกปรก นางเคยคิดว่าขอเพียงตนมุ่งมั่น นางก็จะเป็นเหยียนลัวอีตลอดไป แต่ความจริงแล้วนับตั้งแต่ก้าวเดินเข้าไปในหอนางโลมครั้งนั้น เหยียนลัวอีก็ได้ตายจากไปแล้ว
“ลัวอี” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ย “ข้าเคยบอกกับเจ้าตั้งนานแล้ว เจ้าจะไปจากหอนางโลมเมื่อใดก็ได้ กลับมาเป็นตัวตนของเจ้าเอง”
“จะกลับมา…เป็นตัวเองได้จริงหรือ” เหยียนลัวอีมองไปยังหนานกงมั่ว ดวงตาเงียบสงบไร้เกลียวคลื่น ราวกับหัวใจนางสงบนิ่งดั่งผิวน้ำ
ทุกคนไร้คำจะเอ่ย แม้แต่หลิ่วที่ดูถูกเหยียนลัวอีอยู่บ้างยังไม่รู้จะเอ่ยตอบเช่นไร สตรีที่ผ่านเรื่องพวกนี้จะสามารถกลับมาเป็นตัวเองได้จริงหรือ เป็นไปไม่ได้…นกเสียจากนางจะสูญเสียความทรงจำ ต่อให้สูญเสียความทรงจำ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็ยังประทับอยู่บนเรือนร่างของนางไม่อาจลบทิ้งได้ อีกทั้งเหยียนลัวอีเป็นเพียงสตรีธรรมดา นางไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างยากลำบากและผ่านประสบการณ์มากมายในยุทธภพเหมือนหลิ่ว ยิ่งไม่มีความมั่นใจและแข็งแกร่งเช่นหนานกงมั่ว ประสบการณ์เหล่านี้ มันมากพอที่จะทำลายสตรีธรรมดาคนหนึ่งได้แล้ว
“จวิ้นจู่” เหยียนลัวอีจ้องมองหนานกงมั่วนิ่ง “เมื่อก่อนข้าเพียงอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ว่า…ข้าไม่อยากตายแล้ว ข้าอยากมีชีวิตต่อ มีชีวิต…ในแบบที่ข้าต้องการ ข้าอยากเป็นเหมือนหลิ่ว อยากกลายเป็นคนของพวกท่าน ขอจวิ้นจู่ได้โปรดช่วยข้าให้สมปรารถนา”
“เจ้าจะไม่เสียใจภายหลังใช่หรือไม่”
“ไม่มีทางเจ้าค่ะ” เหยียนลัวอีมองหลิ่วที่นั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาฉายแววความอิจฉาพาดผ่าน เดิมนางเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ แต่กลับไปเป็นคุณหนูผู้งดงามไม่ได้ นางไม่อาจสว่างไสวได้อย่างซิงเฉิงจวิ้นจู่ เช่นนั้นก็ให้นางได้กลายเป็นสตรีที่เข้มแข็งเหมือนหลิ่วเถิด
หนานกงมั่วนิ่งเงียบเนิ่นนาน สุดท้ายจึงพยักหน้า เอ่ย “ได้ ข้ารับปากเจ้า”
เหยียนลัวอีอยากเข้าร่วมวังจื่อเซียวมิใช่เรื่องง่าย ต่อให้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าวังจื่อเซียวคือสิ่งใด นางอายุยี่สิบกว่าแล้ว ต่อให้พยายามเพียงใดก็ไม่อาจฝึกฝนออกมาให้มีฝีมือและความสามารถได้เหมือนหลิ่ว โชคดีที่นางเคยช่วยหนานกงมั่วสืบข่าว และวังจื่อเซียวกำลังต้องการสายลับที่จะแทรกซึมเข้ามาในจินหลิง หนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงตกลงกันอยู่ชั่วครู่สุดท้ายจึงตัดสินใจถึงเส้นทางอนาคตของเหยียนลัวอี
แน่นอนว่าวังจื่อเซียวมีฐานที่ตั้ง สายลับที่คอยหาข่าวอยู่ในจินหลิง กิจการของวังจื่อเซียวมีหอนางโลมอยู่หนึ่งที่ คนนอกไม่ว่าใครก็ไม่อาจสืบได้ว่าที่นี่เป็นกิจการของผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง เหยียนลัวอีเคยช่วยหนานกงมั่วสืบข่าวอยู่ที่หออิ๋งซิ่วมาก่อน ยามนี้มีวังจื่อเซียวคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แน่นอนยิ่งสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น
เมื่อตัดสินใจแล้ว หนานกงมั่วจึงหันกลับไปหาเหยียนลัวอี เอ่ยว่า “เช่นนั้น…นับแต่นี้ต่อไป เจ้าจะเป็นจื่อเยียน คณิกาประจำหอชุนเฟิง”
เหยียนลัวอียิ้มหวาน หันไปคารวะทั้งสอง เอ่ยตอบ “เจ้าค่ะ จื่อเยียนคารวะคุณชายลิ่น คารวะจวิ้นจู่”
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “แม่นางจื่อเยียนรูปร่างหน้าตาโดดเด่น แต่ว่า…หากอยากเป็นคณิกาผู้มีชื่เสียงในจินหลิง คงจะขาดบางอย่างไปบ้าง” จินหลิงไม่ต่างจากตานหยาง คณิกาผู้มีชื่อเสียงในจินหลิงแน่นอนว่ามีไม่น้อย ผอมบาง เย็นชา มีเสน่ห์ น่าหลงใหลหลากหลายประเภท เพียงต้องการก็สามารถหาได้ รูปลักษณ์ของจื่อเยียนนั้นสามารถเป็นเทพธิดาคณิกาได้ แต่อายุของนางไม่น้อยแล้ว พรสวรรค์บุคลิกภาพเมื่อเทียบกับคณิกาผู้มีความสามารถแล้วไม่นับว่าโดดเด่น
หนานกงมั่วเอ่ย “เรื่องนี้คุณชายฉังเฟิงเชี่ยวชาญกว่าข้า ดังนั้นเรื่องของจื่อเยียนก็ให้เป็นหน้าที่ของท่านเป็นเช่นไร”
ลิ่นฉังเฟิงกระตุกมุมปาก อะไรที่เรียกว่าเขาเชี่ยวชาญกว่านางกัน
มองเห็นสายตาของหลิ่วและจื่อเยียนมองมายังตน คุณชายฉังเฟิงจึงจำต้องกลืนคำตอบโต้กลับคืนไป เลิกคิ้วพลางเอ่ย “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า จริงสิ จะว่าไป…หร่วนอวี้จือก็นับว่าเป็นแขกของหอนางโลม ไม่แน่ว่าแม่นางจื่อเยียนอาจจะได้พบกับเขา” สีหน้าของจื่อเยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่นานจึงเผยรอยยิ้มอันน่าหลงใหลออกมา “เช่นนี้คงต้องรบกวนคุณชายฉังเฟิงแล้วเจ้าค่ะ”
เที่ยวหอนางโลม นับตั้งแต่อดีตมาเรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกของบรรดาคุณชายรักอิสระ ดังนั้นจึงมีบทกวีมากมายที่เกี่ยวข้องกับหอนางโลมให้คนรุ่นหลังได้เห็น โดยเฉพาะบรรดาสตรีในหอนางโลม เรียกได้ว่าเป็นสิ่งงดงามที่สุดของโลกใบนี้ เป็นสตรีที่มีความสามารถและมีอิสระ บุรุษที่พวกนางชื่นชมแน่นอนว่าต้องเป็นบุรุษผู้มีความสามารถเช่นกันกับพวกนาง ไม่ใช่คนหยาบคายที่ไม่รู้หนังสือ เรื่องราวขายน้ำมันครอบครองคณิกานั่นเป็นข้อยกเว้น ผู้ที่จะเทียวมาหาคณิกาได้มีเพียงบรรดาผู้มีความสามารถ กวี ขุนนางรวมไปถึงคุณชายลูกหลานของฮ่องเต้
ยุคสมัยของอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่นี้ยังไม่มีกฎข้อห้ามขุนนางเที่ยวหอนางโลม ดังนั้นสถานที่พบปะของขุนนางหนุ่มทั้งหลายที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นสถานที่ร้องเล่นเต้นรำที่หอมหวนเหล่านี้ กระทั่งขุนนางผู้มีคุณธรรมสูงส่งเหล่านั้นก็ไม่เคยมีปัญหากับผู้คนที่ชอบเที่ยวหอนางโลมเหล่านี้ เพราะว่า…พวกเขาเองก็เที่ยวหอนางโลมด้วยเช่นกัน
การไปหอนางโลมมิใช่การทำลายคุณธรรม มิใช่คนบ้ากาม ทว่าเป็นความงดงาม ขุนนางเหล่านั้นคิดว่าความหมายของการไปหอนางโลมคือไม่ชมการร่ายรำก็รับฟังบทกวี ไม่ใช่เรื่องเช่นนั้นระหว่างชายหญิง
ดังนั้นนี่คือความงดงาม
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้แต่ตระกูลฉินก็ไม่มีข้อโต้แย้งต่อพฤติกรรมของหร่วนอวี้จือ บางที…คุณหนูฉินสี่อาจจะเชื่ออย่างจริงจังว่าหร่วนอวี้จือเที่ยวหอนางโลมนอกจากร่ำสุราชมการร่ายรำแล้วก็ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง
เว่ยจวินมั่วเรียกได้ว่าเป็นข้อยกเว้นของคนเหล่านี้ เขาไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงพบปะเช่นนี้มาก่อน แน่นอนอาจเพราะว่าไม่มีใครเชิญเขา ทว่านับตั้งแต่รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันเมืองหลวงมา การนัดหมายเหล่านี้เริ่มมีมากขึ้น เห็นได้ว่าต่อให้มีการดูถูกดูแคลนมากเพียงใด สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอำนาจและผลประโยชน์ เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจเขาเพราะอำนาจในมือเขายังไม่เพียงพอก็เท่านั้น
หนานกงมั่วเล่นเทียบเชิญที่พึ่งถูกส่งมาถึงมือ มองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เว่ยซื่อจื่อใบหน้าเรียบนิ่ง เลิกคิ้วพลางเอ่ย “ทำไมหรือ”
โยนเทียบเชิญในมือเล่น เอ่ยถาม “สิ่งนี้ ท่านมีแผนอย่างไร”
นี่เป็นเทียบเชิญงานเลี้ยงวันเกิดเซียวเชียนลั่วคุณชายสามจวนรัชทายาทเฉิงจวิ้นอ๋อง แต่สถานที่จัดงานเลี้ยงนี้ค่อนข้างแปลกใหม่ จัดที่ซินเย่ว์หยวน ซินเย่ว์หยวนนับเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษ เพราะซินเย่ว์หยวนมิใช่อุทยานในบ้านของใคร แต่เป็นสถานที่เริงรมย์ และได้รับการขนานนามจากบุรุษในจินหลิงเรียกว่าเป็นสถานที่งดงามอันดับหนึ่งในจินหลิง คณิกาอันดับหนึ่งของซินเย่ว์หยวนชื่อโหลวซินเย่ว์ ว่ากันว่าเดิมทีหอนางโลมแห่งนี้มิได้ชื่อว่าซินเย่ว์หยวน เพียงเพราะมีโหลวซินเย่ว์นางโลมอันดับหนึ่งอยู่ จึงเป็นหอนางโลมอันดับหนึ่งในจินหลิงและเปลี่ยนชื่อเป็นซินเย่ว์หยวน และเฉิงจวิ้นอ๋องเรียกได้ว่าเป็นแขกของแม่นางซินเย่ว์ผู้นี้ ยามนี้หากแม่นางซินเย่ว์มิใช่คณิกาในหอนางโลม ยามนี้ใครจะกลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของจินหลิงก็ไม่อาจรู้ได้