หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 319 รักษากระดูกหักกระดูกร้าวอะไรไม่ถนัดเลย (2)

ตอนที่ 319 รักษากระดูกหักกระดูกร้าวอะไรไม่ถนัดเลย (2)

ตอนที่ 319 รักษากระดูกหักกระดูกร้าวอะไรไม่ถนัดเลย (2)
มองเห็นร่องรอยเป็นทาง ในหัวของนางจำได้แม้กระทั่งฉากที่ทำให้เกิดร่องรอยเล็บเหล่านี้ เว่ยจวินมั่วมองนางเงียบๆ แต่หนานกงมั่วสามารถอ่านได้ถึงวาจาที่เขาไม่ได้เอ่ยออกมา ดูสิ เจ้าก็ทำข้าเจ็บเหมือนกัน

หนานกงมั่วคิดว่าการนั่งถกเถียงไม่จบไม่สิ้นถึงใครบาดเจ็บกว่าใครนั้นไร้สาระ ยกมือผลักใครบางคนออก หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หลบไป สวมเสื้อผ้าเสีย คิดว่าท่านรูปร่างดีอย่างนั้นหรือ” แม้ว่าใครบางคนจะรูปร่างดีจนไร้ที่ติ แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีทางยอมรับออกไปแน่นอน

เว่ยจวินมั่วจัดเสื้อผ้าบนร่างกาย โน้มตัวลงไปช้อนอุ้มนางขึ้นมาจากบนเตียง

“ท่านจะทำอะไร”

“ไม่อยากอาบน้ำหรือ” เว่ยจวินมั่วรู้จักนิสัยรักความสะอาดของใครบางคนเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้น…อู๋สยาดูเหมือนจะเจ็บมากจริงๆ แช่น้ำอุ่นสักหน่อยคงจะดีขึ้นบ้าง ในยามที่หนานกงมั่วมองไม่เห็น ใบหน้าหล่อเหลาเผยสีหน้ายับยุ่งและเสียใจขึ้นมา หนานกงมั่วตกใจ ทว่ายอมให้เขาอุ้มตนเองเข้าไปในห้องอาบน้ำ คิดอยากจัดการคนต้องรอให้ถึงยามที่มีพลังเต็มเปี่ยม ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดเสียก่อน ความจริงเมื่อผ่านช่วงยากลำบากมาแล้วคุณหนูหนานกงรู้สึกว่าผ่อนคลายลงไปมาก เพียงไม่อยากยอมต่อผู้ร้ายที่ทำให้ตนน่าเวทนาเช่นนี้ คิดถึงแผ่นหลังของอีกคนที่ถูกวาดแผนที่โดยใครบางคน ความโกรธของหนานกงมั่วก็ลดลงมาเล็กน้อย

“วันนี้ไม่เข้าเวรหรือ” เมื่ออาบน้ำเสร็จ หนานกงมั่วสวมชุดผ้าสีขาวบางเดินออกมา เว่ยจวินมั่วยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เพียงแต่โต๊ะด้านนอกนั้นมีอาหารอุ่นร้อนถูกนำเอามาวางไว้เรียบร้อยแล้ว เห็นว่าเขาดูมีเวลาว่าง หนานกงมั่วจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เว่ยจวินมั่วเก็บหนังสือพร้อมเอ่ย “เมื่อวานข้าทูลลากับฝ่าบาทแล้ว”

“ท่านช่างรอบคอบเสียจริง” เพียงคิดก็รู้แล้วว่าเขาไปลาตั้งแต่เมื่อใด เพียงแต่…หลังจากเข้าหอแล้วชายหนุ่มตั้งใจลางานมาอยู่เป็นเพื่อนก็คงรู้สึกดีกว่าการลืมตาตื่นมาแล้วไม่มีใครใช่หรือไม่

ทั้งสองนั่งลงกินข้าว สาวใช้ที่เดิมทีเอาแต่ห้อมล้อมนางไม่ยอมห่างไปไหนวันนี้ราวกับหายลับไปแล้ว หนานกงมั่วเองก็คร้านจะจัดการพวกนาง อาหารเช้านั้นพลาดไปแล้ว ดังนั้นทั้งสองจึงกินอาหารเช้าและอาหารกลางวันรวบไปทีเดียว หลังจากกินข้าว หนานกงมั่วที่รู้สึกราวกับไม่สบายไปทั้งตัวก็เดินอย่างเชื่องช้าตรงไปยังห้องหนังสือ นั่งลงไปยังเบาะนุ่มที่ถูกวางอยู่ริมหน้าต่าง เว่ยจวินมั่วจัดการงานตนเองอยู่ในห้องหนังสือ เห็นเขากำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับกองบัญชี หนานกงมั่วแค่นยิ้มหยิบบทละครพื้นบ้านขึ้นมาหนึ่งเล่ม ไม่มีท่าทีจะช่วยเหลือเหมือนแต่ก่อน

“คนที่เจ้าให้ข้าไปรับ ข้าส่งคนไปแล้ว” เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วมุ่นให้กับบัญชี เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“เอ๋ เร็วเพียงนี้เลยหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว วางบทละครพื้นบ้านในมือลง “จะมาถึงเมื่อไรหรือ”

“ม้าเร็วไปกลับคงใช้เวลาราวครึ่งเดือนคงมาถึง” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว เอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองมายังนาง “เจ้าคิดจะเอาคืนหร่วนอวี้จืออย่างไร”

“อย่าพูดไม่น่าฟังเช่นนั้นสิ” รอยยิ้มหนานกงมั่วแฝงไปด้วยความร้ายกาจ “ข้าเพียงตักเตือนเขา การเป็นคน…อย่าขี้หลงขี้ลืมจนเกินไป”

เว่ยซื่อจื่อมองนางนิ่งๆ เอ่ยตอบ “แล้วแต่เจ้าเถิด หากต้องการความช่วยเหลือบอกข้าหรือลิ่นฉังเฟิงก็ได้”

“รายงานซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อ ท่านอ๋องและพระชายารองเฝิงเสด็จขอรับ” ด้านนอก พ่อบ้านรีบวิ่งเข้ามารายงาน หนานกงมั่วขมวดคิ้ว ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานมีบางคนไปสร้างเรื่องใดไว้ หันกลับไปปรายตามองเว่ยจวินมั่วเล็กน้อย ทว่าเห็นเว่ยซื่อจื่อยังนิ่งขรึมไม่สะทกสะท้าน สงบนิ่งราวกับขุนเขาไท่ซาน เว่ยจวินมั่วลุกขึ้น เอ่ยว่า “อู๋สยาพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาพวกเขา”

หนานกงมั่วรีบส่ายหน้า “ไม่เอา ข้าจะไปกับท่าน” มีละครดีให้ดูไยจะไม่ดูเล่า และนางก็อยากรู้ว่าเว่ยจวินเจ๋อจะซวยถึงขั้นไหนกันเชียว รับรู้ถึงแผนการร้ายของนาง นัยน์ตาของเว่ยจวินมั่วก็เผยรอยยิ้มออกมา พยักหน้าตอบรับ “เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”

“ไม่ต้องแล้ว ข้ามาเอง” เสียงตะโกนดังขึ้นที่หน้าประตู ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองเห็นจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกำลังเดินเข้ามาด้านในด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด ด้านหลังมีพระชายารองเฝิงที่ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ

เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว มองไปยังจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่บุกรุกเข้ามาในห้องหนังสือของตนด้วยใบหน้าเฉยเมยไม่เอ่ยวาจา

แน่นอนว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เอ่ยเสียงเย็น “ทำไมหรือ ข้าเข้ามาในห้องหนังสือของเจ้ามิได้หรือ”

“ท่านอ๋องก็เข้ามาแล้วมิใช่หรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ เรือนซูอวิ๋นมิได้วางกำลังองครักษ์ไว้แน่นหนาเท่าใดนัก ดังนั้นการห้ามจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเอาไว้ไม่ได้ก็ย่อมไม่ได้อยู่เหนือการคาดการณ์ของเว่ยจวินมั่ว ต่อให้เขาวางองครักษ์จากวังจื่อเซียวไว้ที่เรือนซูอวิ๋น ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็ไม่อาจปรากฏตัวได้ เขากับอู๋สยาดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องวางกำลังคนมากมายให้เป็นที่สงสัย

“เสด็จพ่อ…จิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ท่านอยากไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่า…เมื่อลูกและซื่อจื่ออยู่ด้วยกันบางครั้งก็ไม่สะดวก เสด็จพ่อพรวดพราดเข้ามาเช่นนี้…” เสียงใสอ่อนโยนดังขึ้นในห้องหนังสือ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงมองเห็นหนานกงมั่วที่นั่งอยู่บนเบาะนุ่มด้านข้าง สีหน้าแข็งค้างทันใด เขาบุกเข้ามาในห้องหนังสือของบุตรชายไม่นับว่าเรื่องใหญ่อันใด แต่หากลูกสะใภ้ก็อยู่ด้วย…นึกถึงความหมายในประโยคของหนานกงมั่ว ใบหน้าของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยิ่งไม่น่ามองยิ่งขึ้น “เจ้ามาทำอันใดในห้องหนังสือ” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเอ่ยถามด้วยอย่างไม่พอใจ สตรีเรือนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแม้จะอ่านหนังสือออก แต่แม่เฒ่ายังคงยึดหลักปฏิบัติว่าสตรีไม่มีความสามารถนั่นจึงเป็นคนมีคุณธรรม ดังนั้นบุตรีเชื้อสายรองทั้งหลายจึงอ่านหนังสือได้ แต่ฉิน หมาก การเขียนพู่กัน วาดภาพล้วนทำไม่เป็น เพราะเหตุนี้การเลือกสตรีมีความสามารถหญิงงามใดๆ ล้วนไม่มีจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอยู่ในนั้น สำหรับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้ว ห้องหนังสือเป็นห้องที่บุรุษใช้ทำงาน จะให้สตรีเข้ามายุ่มย่ามได้เยี่ยงไร

หนานกงมั่วเลิกคิ้วสวยขึ้นราวกับขบขัน โยนหนังสือในมือเล่น เอ่ย “ตอบเสด็จพ่อ หม่อมฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่เพคะ”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องโกรธขึ้นมาทันใด เขาเห็นแล้วว่าในมือหนานกงมั่วกำลังถือบทละครพื้นบ้านกิ่งทองใบหยก

“เว่ยจวินมั่ว เจ้า…” บุตรชายบุตรสะใภ้สั่งสอนไม่ได้ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องโยนโทสะไปให้เว่ยจวินมั่วที่อยู่ด้านข้างแทน น่าเสียดายที่เว่ยจวินมั่วมิใช่ผู้ที่จะยอมลงให้ง่ายๆ เอ่ยขัดวาจาของเขาเสียงเรียบ “เสด็จพ่อมาถึงที่นี่ มีเรื่องอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องชะงัก ชั่วครู่จึงนึกออกว่าตนเองมาที่นี่ทำไม เอ่ยเสียงเข้ม “เรื่องจวินเจ๋อ เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่” หนานกงมั่วกะพริบตาปริบไม่เอ่ยสิ่งใด เว่ยจวินมั่วเองก็มิใช่คนโง่ที่จะเอ่ยปากยอมรับด้วยตนเอง เปลือกตาไม่กะพริบเลยสักครั้ง เอ่ยถามเสียงเรียบ “เว่ยจวินเจ๋อเป็นอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พระชายารองเฝิงก้าวเดินขึ้นมาหนึ่งก้าว กัดฟันเอ่ย “เจ๋อเอ๋อร์เป็นเช่นไร ซื่อจื่อไม่รู้หรือ” สีหน้าของเว่ยจวินมั่วยังคงเฉยชา ดวงตาสีม่วงกวาดตามองพระชายารองเฝิงอย่างไม่ใส่ใจนัก เอ่ยตอบเสียงราบเรียบ “หุบปากและถอยออกไป ข้าไม่ได้ถามเจ้า”

“ท่าน” พระชายารองเฝิงโกรธจนตัวสั่น กัดฟันจ้องคนตรงหน้าเขม็ง เอ่ย “ซื่อจื่อ ต่อให้เจ๋อเอ๋อร์ไม่ทันระวังล่วงเกินท่านไป ท่านก็ไม่สามารถลงมือรุนแรงเช่นนี้ได้ ท่าน…ท่านเสียสติไปแล้วจริงๆ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท