หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 320 รักษากระดูกหักกระดูกร้าวอะไรไม่ถนัดเลย (3)

ตอนที่ 320 รักษากระดูกหักกระดูกร้าวอะไรไม่ถนัดเลย (3)

ตอนที่ 320 รักษากระดูกหักกระดูกร้าวอะไรไม่ถนัดเลย (3)
“พระชายารองเฝิงได้โปรดระวังวาจา” หนานกงมั่วก้าวเดินมายืนเคียงข้างเว่ยจวินมั่ว เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่รู้ว่าเว่ยจวินเจ๋อเกิดเรื่องอันใด แต่ท่านมากล่าวหาชิงสิงท่านมีหลักฐานหรือไม่ หากไม่มี…เป็นเพียงภรรยารอง ใครใช้ให้ท่านกล้ามาต่อว่าซื่อจื่อเยี่ยงนี้” ใบหน้าพระชายารองเฝิงซีดขาว ก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อมองเห็นจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่นั่งอยู่ข้างตนเองก็มีความกล้าจึงยืดอกขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยด้วยความโกรธ “พระชายาซื่อจื่อไม่ต้องมาเอ่ยให้น่าฟังเพียงนี้ เจ๋อเอ๋อร์เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือ”

หนานกงมั่วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เอ่ย “เมื่อครู่พระชายายังบอกว่าเป็นเพราะชิงสิง ตอนนี้ยังมาพาดพิงถึงข้า ข้าอยากถามอีกสักครั้ง เว่ยจวินเจ๋อเป็นอันใดกันแน่”

“ท่านอย่ามาแกล้งโง่เลย” พระชายารองเฝิงเอ่ย “เมื่อวานที่จวนเกาอี้ปั๋ว เจ๋อเอ๋อร์เพียงเอ่ยไม่กี่ประโยค ท่านก็ให้เว่ยจวินมั่วตีเขาขาหัก ท่านช่างโหดเหี้ยม” พระชายารองเฝิงยกมือปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องปวดศีรษะจึงยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว หันกลับไปเอ่ยกับทั้งสองคน “พวกเจ้ามีสิ่งใดอยากพูดหรือไม่”

“หลักฐานเล่าพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อสงสัยกระหม่อม ไยจึงไม่ส่งหลักฐานให้หยาเหมิน[1]เล่า เว่ยจวินเจ๋อถูกคนหักขา นี่ไม่ใช่หน้าที่ของหยาเหมินต้องจัดการหรอกหรือ”

พระชายารองเฝิงและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องสีหน้าเจื่อนลง หากพวกเขามีหลักฐานไยต้องวิ่งมาถามถึงที่นี่แทนที่จะจับตัวไปเลย

แน่นอนว่าพวกเขาไม่อาจหาหลักฐานมาได้ เพียงทำเว่ยจวินเจ๋อขาหักเท่านั้น เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้หากยังมีหลักฐานหลงเหลือ เช่นนั้นแล้ววังจื่อเซียวคงไม่อาจแฝงตัวอยู่มานานหลายปีเพียงนี้ คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น น้ำเสียงเย็นเยือก “ไม่มีหลักฐานหรือ ไม่มีหลักฐานเสด็จพ่อยังโยนความผิดมาให้เราสองสามีภรรยา คิดว่าเรารังแกได้ง่ายหรือเพคะ”

พระชายารองเฝิงร้อนรน เอ่ยขึ้นเสียงดัง “ไม่ใช่พวกท่านแล้วจะเป็นใคร”

หนานกงมั่วยิ้มหยัน “เมืองจินหลิงมีผู้มีอำนาจมากมาย ใครจะรู้ว่าเว่ยจวินเจ๋อไม่ลืมหูลืมตาไม่ล่วงเกินใครเข้า ไม่แน่ว่า…อาจจะเป็นสวรรค์ลงโทษก็ได้ พระชายารองเฝิง ท่านว่าใช่หรือไม่”

“ท่านพูดอันใดกัน” ดวงตาของพระชายารองเฝิงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หนานกงมั่วไม่สนใจแม้เพียงนิด “ไม่ใช่หรอกหรือ ซั่นจยาเซี่ยนจู่จัดงานเลี้ยงวันเกิดอยู่ดีๆ เห็นอยู่ว่ากำลังแสดงศิลปะเพื่อกดบรรดาสตรีทั้งหลาย เขากลับจะก่อกวนให้ได้ ข้ามีชีวิตมานานเพียงนี้ ไม่เคยเห็นผู้ใดไม่มีตาถึงเพียงนี้”

“ท่านอ๋อง…” พระชายารองเฝิงเห็นว่าตนเองนั้นเสียเปรียบจึงคิดใช้จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมากดดันแทน “ท่านอ๋อง ได้โปรดให้ความยุติธรรมกับเจ๋อเอ๋อร์ด้วยเพคะ ฮือ ฮือ…ปกติแล้วเจ๋อเอ๋อร์ว่านอนสอนง่าย ไยจึง…”

“คิก…” หนานกงมั่วอดไม่ได้หลุดหัวเราะออกมา “พระชายารองเฝิงสายตาและสมองมีปัญหาหรือไม่ หรือเป็นแม่ที่มองไม่เห็นความผิดของลูกกัน มิน่าเล่าเว่ยจวินเจ๋อถึงได้ถูกสั่งสอนมาเป็นเช่นนั้น ที่แท้เป็นเพราะมารดานี่เอง เว่ยจวินเจ๋อกับคำว่าว่านอนสอนง่ายช่างห่างไกลกันยิ่งนัก”

พระชายารองเฝิงสำลักจนพูดไม่ออก แน่นอนนางรู้ว่านิสัยของเว่ยจวินเจ๋อนั้นเป็นเช่นไร แต่เมื่อถูกคนเอ่ยตรงๆ โดยไม่ไว้หน้าจึงรู้สึกราวกับถูกตบหน้า

“พวกเจ้าพอแล้ว จะทะเลาะอันใดกันนักหนา” จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องต่อว่า กวาดตามองทั้งสองพร้อมเอ่ยถาม “เรื่องของเจ๋อเอ๋อร์ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าจริงๆ หรือ”

เว่ยจวินมั่วยังคงไม่สะทกสะท้าน หนานกงมั่วเงยหน้ามองฟ้า พวกเราบอกว่าไม่เกี่ยวแล้วท่านจะเชื่อหรือไม่เล่า

แน่นอนว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่เชื่อ แต่ต่อให้ไม่เชื่อเขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้ เพราะไม่สามารถหาหลักฐานที่เกี่ยวโยงมาถึงสองคนนี้ได้เลย ถอดถอนหายใจออกมาแล้วจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงหันไปยังหนานกงมั่ว “หมอบอกว่าไม่มีวิธีรักษาขาของเจ๋อเอ๋อร์ได้ เจ้าลองไปดูสักหน่อยเถิด”

“ขออภัยเสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่ถนัดรักษากระดูกหักกระดูกร้าวเลยเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วแคะเล็บตนเองเล่น เอ่ยตอบเสียงเนิบช้า

เว่ยจวินมั่วดึงหนานกงมั่วมาหลบอยู่ด้านหลังของตน เอ่ยเสียงเรียบ “อู๋สยาเป็นภรรยาของข้าไม่ใช่หมอหญิง”

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจ้องเว่ยจวินมั่วเขม็งอยู่นาน สุดท้ายจึงส่งเสียงหยันและตวัดแขนเสื้อเดินออกไป

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจากไปแล้ว พระชายารองเฝิงได้แต่ตะลึงงัน ไม่มีจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องคอยให้ท้าย อย่าว่าแต่มาถามเอาความกับหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว แม้แต่จะอยู่กับเว่ยจวินมั่วโดยลำพังนางยังไร้ซึ่งความกล้า ทำได้เพียงกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นแล้วหมุนตัวเดินหนีไปด้วยความโกรธแค้น

มองแผ่นหลังของคนที่เดินออกไปด้วยความโกรธแล้วหนานกงมั่วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ยื่นมือออกไปสะกิดคนด้านข้าง เอ่ยถาม “เว่ยจวินเจ๋อยังจะยืนได้อีกหรือไม่” เว่ยจวินมั่วยื่นมือออกไปจับมือเล็กของนางเอาไว้ เอ่ยเสียงเรียบ “มีโอกาส” หนานกงมั่วมองเขาด้วยความตกใจ “ไม่เหมือนเลย ท่านนี่น่ะหรือจะใจดีเหลือทางไว้ให้เขา” หนานกงมั่วคิดว่าเว่ยจวินมั่วลงมือแล้วจะไม่ปล่อยให้เว่ยจวินเจ๋อได้มีโอกาสลุกขึ้นมาอีกครั้ง

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากไม่มีความหวังเหลือไว้ให้เขา แบบนั้นคงไม่สนุก ขาของเขามีโอกาสดีขึ้นมาได้ก็จริง แต่เว่ยจวินเจ๋ออาจไม่มีความเพียรพยายามมากพอที่จะทำให้ตนเองดีขึ้นก็เป็นได้”

เข้าใจแล้ว ต้องเป็นการอดทนลำบากอย่างยิ่งทีเดียว จิตใจต้องมีความเพียรพยายามถึงจะดีขึ้นได้ ทว่าเว่ยจวินเจ๋อ…เห็นได้ชัดว่าทนกับความยากลำบากเช่นนั้นไม่ได้ สิ่งที่ทรมานที่สุดคือไม่ใช่สูญสิ้นไปจนหมด แต่เป็นการมองเห็นโอกาสที่จะกลับมาดีได้ แต่ทว่าตนเองกลับทำไม่ได้

“ไม่เลว” หนานกงมั่วเอ่ยชื่นชม

สีหน้าของเว่ยจวินมั่วยังไม่เปลี่ยน แต่หนานกงมั่วมองออกว่าอารมณ์เขาไม่เลวเลยทีเดียว

ยามนี้สตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในจินหลิงมิใช่ซิงเฉิงจวิ้นจู่ผู้ที่พึ่งแต่งเข้าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไปเป็นพระชายาซื่อจื่อแล้ว ทว่าเป็นจูชูอวี้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นซั่นจยาเซี่ยนจู่ผู้โอ้อวดความสามารถ ราวกับในช่วงเวลาที่คนยังไม่ทันได้สังเกตนัก ชื่อเสียงของจูชูอวี้ก็โด่งดังไปทั่วทั้งจินหลิงแล้ว บรรดาคุณหนูสูงศักดิ์ต่างริษยาต่อความสามารถและความโชคดีของนาง เหล่าภรรยาขุนนางนั้นชื่นชมในความฉลาดและความสง่างามของนาง ส่วนบุรุษนั้นชื่นชมความเก่งกาจและความงดงามของนาง แม้แต่องค์รัชทายาทที่พึ่งฟื้นคืนกลับมารวมไปถึงบรรดาลูกหลานฮ่องเต้ล้วนแล้วแต่ชื่นชมนาง ยังมีหย่งชังจวิ้นจู่ผู้เป็นว่าที่พี่สะใภ้คอยอยู่เบื้องหลัง ไม่นานจูชูอวี้ก็เป็นราวกับปลาได้น้ำอยู่ท่ามกลางชนชั้นสูง ผู้คงต่างก็หลงลืมซิงเฉิงจวิ้นจู่ผู้ถูกอิจฉาเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ โลกใบนี้ก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสตรีที่มีชื่อเสียงมีความสามารถมากเพียงใด เพียงแต่งงานออกเรือนไปแล้วไม่นานก็ไม่เป็นที่สนใจของผู้คนอีก

และสิ่งที่เป็นที่สนใจที่สุดคือซั่นจยาเซี่ยนจู่ผู้มีรูปร่างหน้าตาและความสามารถครบครันผู้นี้จะตกไปเป็นของตระกูลใด

อย่างไรจูชูอวี้ก็อายุสิบแปดปีแล้ว เมื่อผ่านช่วงอายุนี้ไปแล้วยังไม่ได้แต่งงานงานก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนจะเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าร่างกายของแม่นางผู้นี้มีข้อบกพร่องใดหรือไม่ แน่นอนตอนนี้ยังไม่มีใครคิดว่าจูชูอวี้มีข้อบกพร่อง เพียงคิดว่าตระกูลจูนั้นใฝ่สูง อยากให้คุณหนูใหญ่เลือกเจ้าบ่าวตามที่ใจปรารถนา ทันใดนั้นผู้คนต่างพากันเข้าไปสู่ขอจนธรณีประตูตระกูลจูแทบจมหาย ก่อนหน้านี้พลาดโอกาสจากซิงเฉิงจวิ้นจู่แล้วไม่อาจทำสิ่งใดได้ ยามนี้หากพลาดจากสตรีผู้มีความสามารถและโดดเด่นเช่นนี้ไปอีกคงน่าเสียดายแล้ว

วังจื่อเซียวเคลื่อนไหวรวดเร็ว เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนคนที่หนานกงมั่วต้องการก็ถูกส่งมาถึงจินหลิง ถูกจัดรับรองในเรือนเล็กๆ หลังหอเทียนอีโดยลิ่นฉังเฟิง เนื่องจากการเดินทางอย่างเร่งรีบ ความงามของสตรีอาภรณ์สีม่วงจึงมีความเหนื่อยล้าปรากฏให้เห็น แต่ส่วนใหญ่นั้นเป็นความตระหนกและไม่สงบมากกว่า มองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้าไปหา “มั่วเอ๋อร์…”

——————-

[1] หยาเหมิน คือ ที่ว่าการท้องถิ่น ว่าการโดยข้าราชการสูงสุดผู้ดูแลพื้นที่ ไม่ระบุตายตัวว่าต้องสังกัดหน่วยงานใด

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท