ตอนที่ 327 ประสบความสำเร็จในการสอบและเขยขวัญที่เตียงตะวันออก (3)
“คำชมของคุณชายน้อย ซินเย่ว์ไม่กล้ารับไว้ ร่างกายอ่อนแอ ละอายต่อคุณชายน้อยแล้ว” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นด้านหลังเซียวเชียนลั่ว เมื่อหันไปก็มองเห็นหญิงงามในอาภรณ์สีขาวผ้าปักลายผีเสื้อคู่และสวมกระโปรงสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาเชื่องช้า หญิงสาวแต่งกายธรรมดาทว่าสง่างาม ผมสีดำขลับถูกม้วนเป็นมวยปักปิ่นเรียบง่าย เครื่องประดับผมที่ดูสบายๆ ไข่มุกจันทราแกว่งไกวอยู่ข้างหูส่งให้นางยิ่งดูนุ่มนวลและอ่อนโยน ดูไม่เหมือนคณิกาในหอนางโลม บนร่างกายไม่มีกลิ่นอายเริงรมย์ หากไปอยู่ในกลุ่มคุณหนูสูงศักดิ์ ไม่ว่าใครก็คงคิดว่านางเป็นคุณหนูสูงศักดิ์จริงๆ
หนานกงมั่วมองสำรวจคนมาใหม่ เอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม “แม่นางผู้นี้คือแม่นางซินเย่ว์ใช่หรือไม่ ช่างงดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง”
โหลวซินเย่ว์ยิ้มหวาน ถอนสายบัวคารวะ “ซินเย่ว์คารวะเว่ยซื่อจื่อ คุณชายฉังเฟิง คุณชายมั่ว”
มองเห็นดวงตาของหนานกงมั่วที่ทึ่งในความงามอย่างไม่คิดปิดบัง เซียวเชียนลั่วก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา หัวเราะเสียงดัง เอ่ย “คุณชายน้อยมั่ว ช่างเป็นบุคคลน่าสนใจ มา จวินมั่ว…เชิญเข้ามาด้านใน”
แม้เซียวเชียนลั่วเป็นเพียงเชื้อสายรองขององค์รัชทายาท ทว่ากลับถูกแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋องราวกับเชื้อสายหลัก เอ่ยถึงฐานะก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียวเชียนเยี่ยมากนัก ดังนั้นแขกเหรื่อที่มางานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเขาจึงมีไม่น้อย เดิมทีด้วยสถานะที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นหนานกงมั่วไม่อาจเข้าไปนั่งด้านในได้ แต่เพราะมากับเว่ยจวินมั่วและลิ่นฉังเฟิงแน่นอนว่าย่อมเป็นข้อยกเว้น
เมื่อเข้ามาด้านใน บรรยากาศครึกครื้นร้องรำทำเพลงสนุกสนาน วันนี้เย่ว์ซินหยวนปิดร้านเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเซียวเชียนลั่วแทนการขอบคุณ คนที่จะเข้ามาได้มีเพียงแขกที่ได้รับเชิญจากเซียวเชียนลั่วเท่านั้น
แน่นอนว่าหนานกงมั่วนั่งกับเว่ยจวินมั่วและลิ่นฉังเฟิง ทั้งหมดนั่งอยู่แถวหน้าสุด เห็นได้ชัดว่าเซียวเชียนลั่วผู้นี้ให้ความสำคัญกับเว่ยจวินมั่วมากทีเดียว เพียงแต่เพื่อสิ่งใดนั้นคงไม่ต้องบอก
โหลวซินเย่ว์นั่งอยู่ด้านข้างเซียวเชียนลั่ว รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ราวกับเป็นนายหญิง แขกผู้อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนแล้วแต่ไว้หน้าคณิกาอันดับหนึ่งของจินหลิงผู้นี้ ขณะเดียวกันก็อิจฉาความโชคดีของเซียนเชียนลั่วไปด้วย
“เย่ว์จวิ้นอ๋องเสด็จ”
ทุกคนเงยหน้า เซียวเชียนเยี่ยเดินนำผู้คนเข้ามา ครั้งนี้ผู้ที่เดินตามเซียวเชียนเยี่ยเข้ามามิใช่พระชายาที่กำลังตั้งครรภ์ และมิใช่หนานกงซู แต่เป็นพระสนมจูคุณหนูสามตระกูลจูที่พึ่งถูกเลื่อนขั้นให้ขึ้นเป็นพระสนม สำหรับเหตุผลที่เลื่อนขั้นนั้นว่ากันว่าพระสนมจูตั้งครรภ์แล้ว เมื่อเทียบกับหนานกงซูที่แต่งงานตามพระราชโองการของฮ่องเต้และไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ พระสนมจูถูกแต่งตั้งเพราะตั้งครรภ์นั่นดูเป็นเรื่องธรรมดาไป แต่เพราะแบบนี้ จวนเย่ว์จวิ้นอ๋องจึงมีภรรยาตั้งครรภ์ทั้งหมดสามคน ปีนี้เซียวเชียนเยี่ยเรียกได้ว่าออกดอกออกผลดีทีเดียว
เซียวเชียนลั่วรีบพาคนเข้าไปต้อนรับ “พี่รอง”
เซียวเชียนเยี่ยเลิกคิ้วมองเซียวเชียนลั่ว เอ่ย “งานเลี้ยงวันเกิดน้องสาม ไยจึงไม่บอกพี่รองสักนิดเล่า พี่รองมาเอง น้องสามคงไม่ว่าอันใดกระมัง”
เซียวเชียนลั่วยิ้ม เอ่ย “ได้เยี่ยงไรกันเล่า น้องเพียงเห็นว่าเป็นสถานที่แห่งนี้…จึงไม่กล้ารบกวนพี่ใหญ่และพี่รองพ่ะย่ะค่ะ” เหตุผลนี้นับว่าไม่เลว เพื่อแย่งชิงกันแสดงออกต่อหน้าฮ่องเต้ เซียวเชียนเยี่ยและบุตรชายคนโตขององค์รัชทายาทเซียวเชียนหลิงล้วนไม่เคยเหยียบย่างเข้าหอนางโลมในเมืองจินหลิงเลยสักแห่ง ทว่าผู้ที่ถูกจัดอันดับอยู่อันดับสามอย่างเซียวเชียนลั่วกลับไม่สนใจ มิเช่นนั้นคงไม่ได้เป็นแขกผู้มีเกียรติอันดับหนึ่งของซินเย่ว์หยวน
เซียวเชียนเยี่ยยิ้มบาง “เช่นนั้นพี่รองคงต้องรบกวนแล้ว”
“เชิญพี่รองด้านในเถิด”
เซียวเชียนเยี่ยกวาดตามองผู้คนที่อยู่ในงาน จากนั้นจึงหันไปมองโหลวซินเย่ว์ข้างกายเซียวเชียนลั่ว เลิกคิ้วพลางเอ่ย “แม่นางผู้นี้คือแม่นางซินเย่ว์หรือ”
“ซินเย่ว์ถวายพระพรเย่ว์จวิ้นอ๋องเพคะ” โหลวซินเย่ว์ก้าวขึ้นมาถวายพระพรเสียงดัง
เซียวเชียนเยี่ยครุ่นคิด ยิ้มบาง “น้องสามช่างสายตาแหลมคม”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุย ด้านนอกพลันมีเสียงกล่าวรายงาน “คุณชายใหญ่ตระกูลฉินและไต้เท้าหร่วนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนลั่วรีบขอตัวเซียวเชียนเยี่ยออกไปต้อนรับ นัยน์ตาเซียวเชียนเยี่ยเข้มขึ้น พาพระสนมจูเดินเข้าไปนั่งด้านใน
“จวินมั่วหรือ” เมื่อมองเห็นเว่ยจวินมั่ว เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยด้วยความตกใจ ไม่เพียงเซียวเชียนเยี่ยตกใจ เกรงว่าแม้แต่ผู้ที่จัดงานเลี้ยงอย่างเซียวเชียนลั่วเองก็คงตกใจไม่น้อย แม้จะมีเทียบเชิญให้แก่เว่ยจวินมั่ว แต่เซียวเชียนลั่วไม่มีความมั่นใจเลยว่าเว่ยจวินมั่วจะมาหรือไม่ มองเว่ยจวินมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้าง เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้วว้าวุ่นอยู่ในใจ
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเซียวเชียนลั่วครั้งนี้มีแขกมาไม่น้อย ไม่ว่าจะมาเพราะโหลวซินเยี่ย หรือมาเพราะความสัมพันธ์กับเซียวเชียนลั่ว แสดงให้เห็นว่าในเมืองจินหลิงนั้นเซียวเชียนลั่วเป็นผู้กว้างขวางไม่เบา นับตั้งแต่เซียวเชียนลั่วและเซี่ยวเชียนหลิงถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นจวิ้นอ๋อง สงครามระหว่างสามคนพี่น้องยิ่งดุเดือดมากขึ้น ที่พึ่งหลักของเซียวเชียนเยี่ยคงจะเป็นฮ่องเต้และสถานะเชื้อสายหลักของเขา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าองค์รัชทายาทเซียวเชียนเยี่ยรู้ดีว่าไม่ได้รับความโปรดปรานเท่าเซียวเชียนลั่วและเซียวเชียนหลิง หากเสด็จปู่ยังอยู่แน่นอนว่าไม่เป็นไร แต่เมื่อใดที่เสด็จปู่ไม่อยู่แล้ว…สามปีห้าปีไม่เป็นไร สิบปีแปดปียังจะไม่เป็นไรอยู่หรือไม่ แม้เชื้อสายหลักรับตำแหน่งต่อจะเป็นไปตามขนบธรรมเนียม แต่นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา…เชื้อสายหลักที่รับตำแหน่งต่อไม่ได้ก็มีไม่น้อย
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ ไม่เอ่ยสิ่งใด เซียวเชียนเยี่ยเองก็ไม่สนใจ นิสัยของเว่ยจวินมั่วเขารู้ดีอยู่แล้ว แน่นอนไม่คิดว่าเขาตั้งใจเมินเฉยต่อตนเอง ส่วนหนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้าง เซียวเชียนเยี่ยเพียงกวาดตามองไม่ได้ใส่ใจนัก
ไม่นานฉินจื่อซวี่กับหร่วนอวี้จือก็เดินเคียงข้างกันเข้ามา เซียวเชียนลั่วไม่ได้เข้ามาด้วย คิดว่าคงกำลังยืนรับแขกอยู่ด้านหน้า ชื่อเสียงของหร่วนอวี้จือในจินหลิงนับว่าไม่เลว แน่นอนว่ากำลังเอ่ยถึงเหล่าชายหนุ่มผู้มีความสามารถที่มาจากครอบครัวยากจนเหมือนเขา ส่วนบรรดาคุณชายสูงศักดิ์ทั้งหลาย ส่วนใหญ่เพราะเห็นแก่หน้าตระกูลฉินเพียงเท่านั้น
“เว่ยซื่อจื่อ คุณชายฉังเฟิง” ฉินจื่อซวี่พูดคุยกับคนอื่นอยู่ชั่วครู่ จากนั้นตรงเข้ามาทักทายเว่ยจวินมั่วและลิ่นฉังเฟิง แม้กับลิ่นฉังเฟิงจะดูเหมือนคนที่เดินถนนคนละเส้น แต่ส่วนตัวแล้วความสัมพันธ์ของฉินจื่อซวี่และลิ่นฉังเฟิงนับว่าไม่เลวเลย ในสายตาของฉินจื่อซวี่ ต่อให้ลิ่นฉังเฟิงเป็นเช่นไรก็ยังดีกว่าบุตรชายของฮูหยินคนใหม่อยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้นฉินจื่อซวี่ที่อายุมากกว่าลิ่นฉังอานไม่กี่ปีก็ไร้เรื่องจะพูดคุยกับเขาได้ กับลิ่นฉังเฟิงอย่างน้อยเมื่อยังเด็กก็เคยทะเลาะกันมาก่อน
ลิ่นฉังเฟิงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ท่าทางเกียจคร้าน เลิกคิ้วพลางเอ่ย “โอ้ คุณชายใหญ่ฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีหรือไม่”
ฉินจื่อซวี่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย “เมืองจินหลิงก็ไม่ได้ใหญ่ ไม่เจอกันนาน คำนี้คงเกินไปสักหน่อย คุณชายฉังเฟิงไม่เห็นเราอยู่ในสายตาหรอกหรือ” นับตั้งแต่ลิ่นฉังเฟิงแยกตัวออกจากตระกูลลิ่นก็เริ่มออกห่างจากบรรดาคุณชายสูงศักดิ์ทั้งหลาย ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายลิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเว่ยจวินมั่วมาตั้งแต่เด็ก ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ แน่นอนว่าไม่ได้สนิทชิดเชื้อเช่นเดิมแล้ว แม้แต่ฉินจื่อซวี่เอง สิ่งที่เขาจำได้เกี่ยวกับลิ่นฉังเฟิงก็คงเป็นเรื่องทะเลาะกันเมื่อครั้งยังเด็ก
“ไหนเลยจะกล้า” ลิ่นฉังเฟิงชี้ไปยังที่นั่งด้านข้าง “ลำบากคุณชายฉินร่วมมานั่งกับพวกเราแล้ว จริงสิ นี่คือสหายของข้า เจ้าเรียกเขาว่าเสี่ยวมั่วก็พอ”