ตอนที่ 323 ตื่นจากความเป็นและความตาย (2)
หยาดน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้างดงามซูบผอมโดยไร้สุ้มเสียง เหยียนลัวอีเอ่ยเสียงเบา “หร่วนหลัง…ในหัวใจของเจ้า ยังมีข้าอยู่หรือไม่”
สีหน้าของหร่วนอวี้จืออ่อนโยนขึ้น เอ่ย “ในใจของข้าแน่นอนว่ามีเจ้า แต่ว่า…ลัวอี เจ้าก็รู้ถึงความลำบากของข้า ข้าเพียรพยายามกว่าจะสอบทั่นฮวามาได้ จะสูญเปล่าเพราะเจ้าไม่ได้ ในใจของข้า…เจ้าเป็นภรรยาของข้าตลอดไป” เหยียนลัวอีนิ่งเงียบอยู่นาน สุดท้ายจึงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ข้า…ข้าจะกลับไป”
“เด็กดี” หร่วนอวี้จือยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าสวยเบาๆ เอ่ยเสียงเบา “ให้ข้าส่งคนไปส่งเจ้าหรือไม่”
เหยียนลัวอีส่ายหน้า ดวงตาโศกเศร้ายิ่งขึ้น ใช่ว่าหร่วนอวี้จือจะมองไม่เห็น เพียงใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้น เอ่ยว่า “เจ้ากลับไปถึงตานหยางหาที่อยู่ก่อน ต่อไปหากมีโอกาสข้าจะไปเยี่ยมเจ้า หากเป็นไปได้ ข้าจะหาทางรับเจ้ามาอยู่ที่จินหลิง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ ลัวอี เจ้าเข้าใจหรือไม่”
เหยียนลัวอีพยักหน้า จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสองสามประโยค หร่วนอวื้จือปลอบใจนางก่อนจะส่งนางจากไป เหยียนลัวอีผู้จิตใจเลื่อนลอยไม่ทันสังเกตถึงสายตาของหร่วนอวี้จือที่อยู่ด้านหลัง
เหยียนลัวอีเดินเชื่องช้าอยู่บนถนน รู้สึกราวกับคนไร้บ้าน ไม่มีบ้านให้กลับ ความเป็นจริงนางก็ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่มีบ้านตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว นางไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้สิ่งใดเลย ความจริงนางรู้ว่าทั้งสองนั้นไร้วาสนา…ตั้งแต่ที่ตนตัดสินใจขายตัวเข้าไปอยู่ในหอนางโลมแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ มีขุนนางคนใดที่แต่งคณิกาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาบ้าง เพียงแต่ท่าทีของหร่วนอวี้จือนั้นทำให้นางรู้สึกหนาวสั่นอยู่ในใจ
ผู้ชายคนนั้น…เขาไม่ถามแม้กระทั่งว่าเงินนางพอหรือไม่ เดินทางมาจินหลิงเหนื่อยหรือไม่ พักผ่อนสักกี่วันก่อนหรือไม่ อยู่ในหอนางโลมมาห้าปี เหยียนลัวอีไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอีกแล้ว ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีก สายตารังเกียจ ดูถูกเหยียดหยามของหร่วนอวี้จือแทบอยากไล่นางไปไม่ไหว นางเห็นมันอย่างชัดเจน
“หึหึ…อวี้จือ เจ้าช่างจิตใจเหี้ยมเกรียมยิ่งนัก” เขาสอบได้ทั่นฮวามาตั้งนานแล้ว เมื่อเขียนจดหมายมากลับบอกว่าเรียนหนังสือที่จินหลิงจำต้องใช้เงิน เขาอยู่อาศัยในบ้านหลังใหญ่ในจินหลิง สวมเสื้อผ้าชั้นดี นางกลับต้องฝืนยิ้มอยู่ที่ตานหยาง ใช้ศักดิ์ศรีและร่างกายของตนเพื่อแลกเงิน ไยเขาจึง… กระทั่งตอนนี้ เขาเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการนาง และไม่เอ่ยถึงการคืนเงินเหล่านั้นให้นางเลยสักนิด
ดวงตาของเหยียนลัวอีว่างเปล่า เดินมุ่งตรงไปยังนอกเมืองอย่างเลื่อนลอย
“ฮูหยิน แม่นางเหยียนออกจากเมืองไปแล้วเจ้าค่ะ” ที่โรงน้ำชาห่างจากจวนหร่วนไม่ไกล หนานกงมั่วนั่งโคลงถ้วยน้ำชาในมือเล่นด้วยท่าทางเกียจคร้าน สำหรับบทสรุปของการเจอหน้ากันของหร่วนอวี้จือและเหยียนลัวอี ไม่ต้องดูนางก็สามารถเดาได้ถึงเจ็ดแปดส่วน แต่เมื่อได้รับรายงานเช่นนี้จากหลิ่ว มุมปากของหนานกงมั่วก็กระตุกอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกรังเกียจต่อหร่วนอวี้จือผู้นี้มีมากขึ้น จิตใจของชายผู้นี้ร้ายกาจกว่าที่นางคาดคิด
“ออกจากเมืองแล้วอย่างนั้นหรือ”
“เดินมุ่งตรงไปยังประตูเมืองแล้วเจ้าค่ะ” หลิ่วเอ่ยเสียงเรียบ สายตากลับเต็มไปด้วยความโกรธที่ทำสิ่งใดไม่ได้และไม่พอใจ สิ่งที่เหยียนลัวอีต้องเผชิญเรียกได้ว่าน่าเวทนา แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่คิดให้ตนเองแข็งแกร่ง เฝ้าแต่โทษตนเองจะมีประโยชน์เช่นไร โดยเฉพาะเรื่องที่เหยียนลัวอีขายตนเองเพื่อบุรุษ อย่างไรหลิ่วที่เกิดและเติบโตในยุทธภพก็ไม่อาจเข้าใจได้ ต่อให้รักชายใดมากเพียงใดนางก็ไม่เคยคิดจะพาตัวเองไม่อยู่ในจุดที่น่าเวทนาถึงเพียงนั้น หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ส่งคนตามนางไป อย่างอื่นไม่ต้องยุ่ง” แม้นางอยากช่วยเหยียนลัวอี แต่เรื่องเช่นนี้หากไม่ร้องขอคงไม่อาจช่วยได้ หากนางคิดไม่ได้ คนอื่นทำสิ่งใดไปก็คงกลายเป็นการยื่นมือเข้าไปยุ่ง
“หร่วนอวี้จือผู้นั้น…” หลิ่วขมวดคิ้ว สำหรับผู้ชายเลวเช่นหร่วนอวี้จือ นางทำลายทิ้งก็พอแล้ว ไหนเลยจะใจดีเหมือนฮูหยินที่ปล่อยให้เขามีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ข้าอยากดูว่า…คนอย่างหร่วนอวี้จือ จะมี…จุดจบเช่นไร” เพียงลงมือสังหารหร่วนอวี้จือย่อมมิใช่เรื่องยาก แม้วังจื่อเซียวจะใช้ชีวิตอยู่ในจินหลิงได้ไม่นาน แต่การสังหารคนแบบไร้ร่องรอยบ้างเป็นบางครั้งย่อมไม่มีปัญหา แต่ว่าตายไปง่ายๆ เช่นนี้ก็คงใจดีกับเขาเกินไป
มองดูรอยยิ้มสวยของสตรีตรงหน้า หลิ่วรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา ความโกรธในใจค่อยๆ สงบลง มักรู้สึกว่าการทำให้ฮูหยินขุ่นเคืองใจคงโชคร้ายยิ่งกว่าการทำให้นักฆ่าเช่นพวกนางขุ่นเคืองเสียอีก
เหยียนลัวอีเดินโซซัดโซเซออกจากเมืองไปแล้วจึงได้สติขึ้นมา นางเดินไปแบบนั้น ยังไม่ทันได้เอ่ยลามั่วเอ๋อร์ ยิ่งไปกว่านั้น…ตัวนางเองไม่มีเงินติดตัวมากนัก นางที่แต่งกายงดงามโดดเด่นทว่าเป็นสตรีโดดเดี่ยวไร้ซึ่งความสามารถ คิดอยากเดินทางกลับจากจินหลิงไปตานหยางด้วยตนเองนับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ยืนเหม่อลอยอยู่ริมถนนชั่วครู่ ดวงตาของเหยียนลัวอีค่อยๆ ชัดเจนขึ้น หมุนตัวเดินมุ่งหน้ากลับไปยังประตูเมือง
“เอ๋ แม่นางน้อยผู้นี้มาจากที่ใดกัน สวมเสื้อผ้างดงามคงมิได้มารอบุรุษหรอกหรือ” น้ำเสียงอันธพาลเอ่ยขึ้น ชั่วพริบตาเหยียนลัวอีก็ถูกอันธพาลสามคนขวางทางเอาไว้
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร” เหยียนลัวอีเอ่ยด้วยท่าทางระแวดระวัง
หนึ่งในนั้นหัวเราะขึ้นมา เอ่ย “แม่นาง ดูเหมือนคนรักของเจ้าคงไม่มาแล้ว มิสู้…เล่นกับพวกเราสักนิดดีหรือไม่” สายตารังเกียจโดยไม่ปิดบังนั้นลัวอีเข้าใจดี สามคนนี้มิใช่เพียงเห็นหน้าแล้วจึงเกิดอารมณ์เป็นแน่ ในจินหลิงนางรู้จักเพียงไม่กี่คน และไม่เคยล่วงเกินผู้ใด หนึ่งเดียวที่เป็นไปได้ก็คง… หลับตาลง เหยียนลัวอีลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อจิตใจสงบลงแล้ว มองไปยังคนตรงหน้า เหยียนลัวอีเอ่ยถาม “หร่วนอวี้จือส่งพวกเจ้ามาหรือ”
ทั้งสามคนชะงัก ไม่นานคนที่เป็นหัวหน้าก็ได้สติกลับมา เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “หร่วนอวี้จืออะไรกัน พวกเราไม่รู้จัก เป็นคนรักของแม่นางหรือ”
เหยียนลัวอีแค่นยิ้มขมขื่น “เขาส่งพวกเจ้ามาทำสิ่งใด สังหารข้าหรือ ในเมื่อข้าเป็นคนใกล้ตายอยู่แล้วไยจึงต้องโกหกข้า ไยจึงไม่ให้ข้าตายอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง เผื่อข้าไม่รู้จะต้องบอกกับมัจจุราชอย่างไร”
ชายทั้งสามมองสบตากัน เหยียนลัวอีเป็นเพียงสตรีอ่อนแอบอบบางแน่นอนว่าไม่อยู่ในสายตาของพวกเขา ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้มชะล่าใจ “แม่นาง จะโทษก็โทษที่เจ้าโชคร้ายเถิด ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ตายไปตกนรกก็อย่ามาโทษพวกข้าทั้งสาม พวกเราเพียงรับเงินมาจัดการแทนคนอื่น” แม้พวกเขาไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้ไปทำสิ่งใดให้นายจ้างขุ่นเคือง พวกเขาเองยังไม่เคยเจอตัวนายจ้าง แต่ก็พอจะเดาได้ สตรีบอบบางเช่นนี้นอกจากเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วจะมีเรื่องใดได้อีก
เหยียนลัวอียิ้มขมขื่น “พวกเจ้าสังหารข้าเถิด”
“แม่นาง เจ้าอย่าหาว่าพวกเราโหดร้าย นายจ้างบอกว่าหากเจ้าไปไกลห่างจินหลิงแล้วขายเจ้าไปอยู่ให้ไกล ขอเพียงไม่กลับมาจินหลิงอีกก็พอแล้ว แต่ว่า…เจ้าเดินมาได้เพียงครึ่งก็คิดจะเดินกลับจินหลิง พวกเราก็คงต้อง…” ชายที่เอ่ยส่งสัญญาณให้ชายอีกสองคน ชายสองคนรีบเดินเข้ามาล้อมเหยียนลัวอี หนึ่งคนเข้ามกำรอบลำคอระหงของนางเอาไว้รุ่นแรง มองใบหน้างดงามที่ชื้นไปด้วยน้ำตาพยายามต่อต้าน ดวงตาเผยความสงสารออกมา สตรีงดงามผู้นี้ ไม่ใช่คนที่ไม่มีอะไรทำเช่นพวกเขาจะเข้าใกล้ได้ น่าเสียดายที่นายจ้างสั่งสังหารหากนางคิดจะกลับมา นึกถึงเงินที่นายจ้างให้ค่าหัวเอาไว้ รอได้เงินแล้วพวกเขาก็สามารถไปหาสิ่งสวยๆ งามๆ เพื่อมีความสุขได้ ชายหนุ่มละทิ้งความลุ่มหลงในใจ ออกแรงบีบลำคอหนักขึ้น