ตอนที่ 328 ประสบความสำเร็จในการสอบและเขยขวัญที่เตียงตะวันออก (4)
ฉินจื่อซวี่มองหนานกงมั่ว เผยรอยยิ้มอบอุ่น เอ่ยทักทาย “คุณชายมั่ว”
“คุณชายฉิน” หนานกงมั่วยกยิ้มด้วยใบหน้าใสซื่อ สีหน้าฉินจื่อซวี่ยิ่งดูอ่อนโยนมากขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายมั่วมิใช่คนจินหลิงหรือ”
หนานกงมั่วพยักหน้าตอบรับ “อืม ข้าเป็นคนฉูโจว”
“ในเมื่อเป็นเพื่อนคุณชายฉังเฟิง หากต้องการความช่วยเหลือใดก็ให้คนมาแจ้งที่จวนตระกูลฉินได้” ฉินจื่อซวี่เอ่ย หนานกงมั่วพยักหน้าลงด้วยรอยยิ้มละไม “ขอรับ ขอบคุณคุณชายฉิน”
“จื่อซวี่” ด้านหลัง หร่วนอวี้จือเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก ไม่รู้ว่าสามคนนี้มาดีหรือมาร้าย เดิมเว่ยจวินมั่วนิสัยเช่นนี้ก็ช่างเถิด ลิ่นฉังเฟิงและคุณชายแซ่มั่วผู้นี้ทำราวกับมองไม่เห็นเขา สนใจพูดคุยแต่กับฉินจื่อซวี่ สองปีมานี้หร่วนอวี้จือคุ้นเคยกับชีวิตที่ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดมาขวางกั้น เห็นแก่หน้าตาของตระกูลฉินผู้คนส่วนใหญ่จึงไว้หน้าเขาอยู่บ้าง และคนที่ไม่เห็นแก่หน้าตระกูลฉินเขาก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้ง่ายๆ หร่วนอวี้จือบอกได้เลยว่าเขาไม่เคยถูกมองข้ามถึงเพียงนี้ นี่ทำให้เขานึกถึงเหตุการณที่ซิงเฉิงจวิ้นจู่เมินเฉยต่อเขาที่นอกจวนเกาอี้ปั๋ว ความรู้สึกถูกเมินเฉยทำให้หร่วนอวี้จือรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าหล่อเหลาของฉินจื่อซวี่แสดงการขอโทษออกมาเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คืออวี้จือ ฉังเฟิงและเว่ยซื่อจื่อคงรู้จักแล้ว”
คุณชายฉังเฟิงส่งเสียง อ้อ ตอบรับหนึ่งครั้ง ท่าทางไม่ได้ใส่ใจนัก ฉินจื่อซวี่ทำสิ่งใดไม่ได้ ทำได้เพียงส่งยิ้มให้หนานกงมั่ว เอ่ย “จะว่าไปก็บังเอิญ อวี้จือก็เป็นคนฉูโจวเหมือนกัน”
หนานกงมั่วดวงตาวาววับ “เอ๋ ไต้เท้าหร่วนเองก็เป็นคนฉูโจวหรอกหรือ บังเอิญทีเดียว บ้านข้าอยู่ที่ตานหยาง ไต้เท้าหร่วนเล่า”
หร่วนอวี้จือใบหน้าตึงขึ้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่จ้องตนเองตาแป๋วอย่างใสซื่อ จะเมินเฉยไปไม่ได้เลยจริงๆ จำต้องเอ่ยตอบว่า “ข้าน้อยก็เป็นคนตานหยางขอรับ”
หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายฉินกล่าวไม่ผิดเลย บังเอิญจริงแท้”
ลิ่นฉังเฟิงหันไปมองหร่วนอวี้จือจากนั้นหันมามองหนานกงมั่ว ยิ้มตาหยี เอ่ย “เมืองตานหยางช่างเป็นสถานที่ที่มีไว้สำหรับคนที่โดดเด่น ดูคุณชายหร่วนสิ อายุยังน้อยก็จะกลายเป็นเขยขวัญที่เตียงตะวันออกของตระกูลฉินแล้ว เสี่ยวมั่ว ต่อไปต้องตั้งใจเรียนอย่ามัวแต่เที่ยวเล่นเข้าใจหรือไม่” คนอื่นๆ นอกจากเว่ยจวินมั่วล้วนมองลิ่นฉังเฟิงด้วยสายตาแปลกประหลาด คุณชายลิ่นกำลังชื่นชมหรือกล่าวร้ายกันแน่ แล้วหมายถึงอย่างไรที่เรียกว่าอายุยังน้อยก็จะกลายเป็นเขยขวัญที่เตียงตะวันออกของตระกูลฉิน คุณหนูสี่ตระกูลฉินพึ่งอายุสิบแปดเอง หรือว่าผู้สืบทอดตระกูลฉินจะต้องแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบอย่างนั้นหรือ ชื่นชมใครควรบอกว่าเขาอายุยังน้อยก็สอบได้จอหงวนแล้วมิใช่หรือ
ภายใต้สายตาแปลกใจของผู้คน เว่ยจวินมั่ววางจอกเหล้าในมือลงแล้วเคาะเบาๆ ลงบนศีรษะของหนานกงมั่ว “ลิ่นฉังเฟิงกล่าวไม่ผิดเลย”
“…” เว่ยจวินมั่วท่านหมายถึงตั้งใจเรียน หรือว่าเขยขวัญที่เตียงตะวันออกหรือ
หนานกงมั่วกลอกตาใส่เขาอย่างไม่ใส่ใจ
สีหน้าของหร่วนอวี้จือเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวขาว ลิ่นฉังเฟิงทำราวกับไม่รู้ว่าตนเองกำลังดูหมิ่นอีกฝ่ายอยู่ ดังนั้นคนอื่นๆ จึงแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ความหมายที่คุณชายฉังเฟิงเอ่ย เพื่อเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่าตนเองคิดมากเกินไป คุณชายฉังเฟิงอาจไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้
หนานกงมั่วกลอกตา แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตื่นเต้น “ไต้เท้าหร่วนเก่งกาจจริงๆ ไม่ผิดเลย แต่ครอบครัวของข้าไม่ได้ต้องการให้ข้าประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง ข้ายังอยากชมหญิงงามใช้ชีวิตอิสระ วันนี้จึงขอร้องพี่ลิ่นให้พามาดูแม่นางซินเย่ว์อย่างไรเล่า แม่นางซินเย่ว์สมแล้วที่เป็นคณิกางดงามอันดับหนึ่งของจินหลิง ไม่ได้ด้อยไปกว่าแม่นางจื่อเยียนแห่งเมืองตานหยางของเราเลย”
ลิ่นฉังเฟิงลูบจมูกเบาๆ ใช้สายตาส่งไปให้เว่ยจวินมั่ว ภรรยาของเจ้าแสดงเป็นบุรุษได้ดียิ่งนัก เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร
เว่ยซื่อจื่อไม่มีความคิดเห็น ยังคงมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เอ่ยถึงหญิงงาม ต้องมีหลายคนตั้งใจฟัง มีคนอดไม่ได้ เอ่ยถามขึ้น “แม่นางจื่อเยียนหรือ เป็นคณิกาแห่งตานหยางหรือ เมื่อเทียบกับแม่นางซินเย่ว์แล้วเป็นเช่นไร”
หนานกงมั่วโบกมือ “จันทราฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ต่างมีเสน่ห์ของตนเอง แต่ว่าได้ข่าวมาว่าไม่กี่วันก่อนแม่นางจื่อเยียนก็มาที่จินหลิง ว่ากันว่าต่อไปจะมาอยู่ที่หอชุนเฟิงนี่นา”
หอชุนเฟิงหรือ ผู้คนจดจำเอาไว้ในใจ สามารถทำให้คุณชายน้อยชื่นชมเพียงนี้ ไปดูสักนิดคงไม่เป็นไร
หนานกงมั่วหันกลับมา ไม่สนใจว่าสีหน้าหร่วนอวี้จือจะเรียบตึงเพียงใด เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณชายหร่วนเองก็เป็นคนตานหยาง รู้จักแม่นางจื่อเยียนหรือไม่”
ไม่รู้ว่าหร่วนอวี้จือกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อได้สติกลับมาพบว่าสายตาของทุกคนกำลังมองตรงมาที่เขา หัวใจไหววูบ รีบละทิ้งสีหน้าไม่น่ามองนั้นไป เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่รู้จัก”
หนานกงมั่วยักไหล่ ราวกับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “น่าเสียดายจริงๆ ได้ยินมาว่า…แม่นางจื่อเยียนมาตามหาคู่หมั้นของนาง ข้ายังคิดว่าไต้เท้าหร่วนเป็นคนตานหยาง จะพอช่วยอะไรนางได้บ้าง”
ได้ยินเช่นนั้นหร่วนอวี้จือจึงชะงักอยู่ในใจ ใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นมา
…
“ทั้งสามท่าน ยังมีเรื่องใดอยากคุยกับข้าอีกหรือไม่” มุมเงียบมุมหนึ่งของซินเย่ว์หยวน ฉินจื่อซวี่เดินเข้ามาจากด้านนอก มองทั้งสามคนที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่
ฉินจื่อซวี่เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉิน ผู้สืบทอดผู้นำตระกูลฉินคนต่อไปแน่นอนย่อมมิใช่คนโง่ หากลิ่นฉังเฟิงและหนานกงมั่วส่งสัญญาณลับมาให้เพียงนี้แล้วยังไม่เข้าใจ เช่นนั้นตระกูลฉินก็คงจะล่มสลายไปแล้ว เมื่อทั้งสามคนแยกตัวไปแล้วจึงหาโอกาสที่หร่วนอวี้จือถูกคนในราชสำนักดึงไปพูดคุยแล้วแยกตัวออกมาหา
เว่ยจวินมั่วกวาดตามองทั้งสองคนตรงหน้า ไม่เอ่ยสิ่งใดเพียงแสดงออกให้เห็นว่านี่เป็นเรื่องของพวกเจ้าไม่เกี่ยวอันใดกับข้า ลิ่นฉังเฟิงหันไปยิ้มให้ฉินจื่อซวี่พลางกวักมือเรียก “นั่งลงดื่มสักจอกก่อนดีหรือไม่”
ฉินจื่อซวี่เองไม่ปฏิเสธ นั่งลงด้านข้างลิ่นฉังเฟิงมองถ้วยชาที่เขายื่นส่งมาให้ เงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ยถาม “คุณชายมั่วกล่าวถึงคู่หมั้นของแม่นางจื่อเยียนผู้นั้น…คงไม่ใช่หร่วนอวี้จือหรอกใช่หรือไม่” เพียงได้ยินคำเรียกขานชื่อหร่วนอวี้จือที่เปลี่ยนไปก็รู้ได้ว่าเขาพอจะเดาออกแล้ว
“คุณชายฉินช่างฉลาดล้ำเกินใคร” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยชื่นชมอย่างไร้ความจริงใจ
สีหน้าของฉินจื่อซวี่ยุ่งยากขึ้นมา “หร่วนอวี้จือ”
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “นี่จะโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้นะ หร่วนอวี้จือตัวเล็กๆ ยังสามารถหลอกคนทั้งตระกูลฉินได้…ข้าได้ยินข้อมูลที่น่าเชื่อถือมา ไต้เท้าหร่วนผู้นี้ยังไม่ทันแต่งงานก็คิดจะรับอนุภรรยาเสียแล้ว”
“จื่อเยียนหรือ” ฉินจื่อซวี่เอ่ยถามเสียงเย็น
ลิ่นฉังเฟิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นคุณหนูสูงศักดิ์เช่นกัน ไต้เท้าหร่วนช่างน่าหลงใหล คุณชายน้อยมั่ว ใช่หรือไม่”
หนานกงมั่วปรายตามองเขา หันกลับไปหาฉินจื่อซวี่ “คุณชายฉินเชื่อคำพูดของพวกเราหรือ”
ฉินจื่อซวี่เอ่ย “ไยจะไม่เชื่อ คงไม่ใช่พวกเจ้ามีความแค้นต่อหร่วนอวี้จือ ตั้งใจให้ร้ายเขาหรอกใช่หรือไม่” ความจริงที่สำคัญก็คือหร่วนอวี้จือทำตนเองขายหน้า หากไม่มีเรื่องใดเกี่ยวข้องกัน สีหน้าของเขาคงไม่ยุ่งยากถึงเพียงนั้น ต่อให้เป็นเพียงชั่ววูบแต่ก็หนีไม่พ้นสายตาของคุณชายใหญ่ตระกูลฉินไปไก้
ลิ่นฉังเฟิงเก็บพัดในมือแล้วเอ่ยว่า “หากเชื่อก็ย่อมจัดการได้ง่าย หลายวันมานี้ข้าได้ช่วยหญิงที่ถูกตามสังหารมา จากนั้น…เจ้าเข้าใจหรือไม่”