ตอนที่ 339 งดงามมากกว่าซีจือ (3)
หนานกงมั่วเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “ครั้งนี้ไม่ได้เงินจริงๆ ข้าเปิดสำนักแพทย์ใช่หรือไม่ ตั้งใจจะไปดูแล”
“ล้อ…ล้อเล่นอันใดกัน” คุณชายฉังเฟิงตกใจ เป็นถึงซิงเฉิงจวิ้นจู่จะไปอยู่สำนักแพทย์ ถึงตอนนั้นคนไปรักษาหรือไปดูนางกัน
หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ “แค่ไม่ให้คนอื่นรู้ก็พอแล้วมิใช่หรือ วิชาปลอมตัวของข้า จะได้ใช้ประโยชน์พอดี”
ในเมื่อหนานกงมั่วเอ่ยเช่นนี้แล้ว ลิ่นฉังเฟิงเองก็พูดอะไรมากไม่ได้ อีกทั้ง เห็นอยู่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ในจินหลิงกำลังจะวุ่นวาย หนานกงมั่วหลีกหนีจากเรื่องเหล่านี้ได้นับว่าเป็นเรื่องดี เพียงแต่…
“ก่อนเรื่องนี้ งั้นจัดการหร่วนอวี้จือคนเลวให้เรียบร้อยก่อนเถิด” หนานกงมั่วเอ่ยเนิบช้า
“จวิ้นจู่ คุณชายลิ่น คุณชายใหญ่จวนฉู่กั๋วกงมาขอรับ” ด้านนอก เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยรายงาน
หนานกงมั่วและคุณชายฉังเฟิงต่างก็ตกใจ ไม่คิดว่าหนานกงชวี่จะมาหาถึงที่นี่ จะว่าไปหนานกงมั่วก็เกือบจะลืมคนตระกูลหนานกงไปแล้ว เฉียวเฟยเยียนสามแม่ลูกก็ไม่ออกมาก่อเรื่องอีกแล้ว หนานกงมั่วเองก็ไม่คิดจะสนใจพวกเขา ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทันใดนั้นจำได้ว่า…จำได้ว่าครั้งก่อนเซี่ยสามบอกว่าหนานกงฮุยจะแต่งงานแล้ว
“หนานกงไหวรับเฉียวเฟยเยียนกลับไปแล้ว” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยบอกเสียงเรียบ
“หืม” หนานกงมั่วขมวดคิ้วเอ่ย
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้หนานกงไหวไม่กล้าใช้ชื่อของเมิ่งฮูหยินแล้ว พานางกลับไปเงียบๆ ให้อาศัยอยู่ในเรือนเล็กๆ ไม่สะดุดตาโดยไม่มีฐานะหรือตำแหน่งใดๆ คิดว่าเฉียวเฟยเยียนสามแม่ลูกคงไม่มีความสุขมากนัก”
ชีวิตของเฉียวเฟยเยียนไม่เพียงไม่มีความสุข อีกทั้งยังลำบากถึงที่สุด
ถูกเชิญเป็นแขกกับการเข้าไปอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ นั้นไม่เหมือนกัน เฉียวเฟยเยียนถูกพาเข้าจวนโดยที่ไม่มีทั้งตำแหน่งหรือฐานะใดๆ เอ่ยตามตรงนางไม่สู้อนุที่ถูกพาเข้าจวนด้วยซ้ำ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีสถานะที่ชัดเจน เฉียวเฟยเยียนไม่สามารถแต่งเข้าจวนได้โดยราบรื่น อำนาจจัดการดูแลในจวนจึงตกไปเป็นของหลินซื่อ คิดว่าหลินซื่อจะถูกชะตากับคนที่จะเข้ามาแย่งอำจาจกับนางอย่างเฉียวเฟยเยียนหรือ ต่อให้หนานกงไหวจะรักเฉียวเฟยเยียนมากเพียงใด เรื่องราวในเรือนหลังหลายอย่างเขาก็ไม่เข้าใจ อย่างมากก็ทำได้เพียงให้เงินชดเชยแก่นางบ้างเป็นบางครั้ง แต่เฉียวเฟยเยียนถูกทำโทษให้คัดในสิ่งที่คัดอย่างไรก็ไม่เสร็จ ราชสำนักกำหนดวันให้คนมารับไป แม้แต่เวลาออกจากเรือนยังไม่มี เอาเงินมาให้แล้วจะมีประโยชน์อันใด เฉียวเฟยเยียนไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ที่เชื่อใจได้ด้วยซ้ำ
ยามนี้หลินซื่อนั้นกำลังเฉิดฉายได้ใจ แต่ว่าก็เป็นเพียงแค่อยู่ในเรือนด้านในจวนฉู่กั๋วก็เท่านั้น ด้วยสมองของหลินซื่อ หนานกงมั่วคิดว่าต่อให้ไม่มีหนานกงชวี่และหนานกงไหว นางจะทำสิ่งใดได้
“เชิญเขาเข้ามา” หนานกงมั่วเอ่ยบอก
เสี่ยวเอ้อร์ตอบรับและเดินออกไป ไม่นานหนานกงชวี่ก็เปิดประตูเข้ามา มองเห็นว่าลิ่นฉังเฟิงก็อยู่ด้วย หนานกงชวี่ราวกับไม่รู้สึกแปลกใจ ทำเพียงหันไปพยักหน้าให้หนานกงมั่ว “เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย”
“พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่” หนานกงมั่วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “ข่าวคุณชายฉังเฟิงขายตัวให้ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ยามนี้ในจินหลิงมีกี่คนกันที่ไม่รู้”
ลิ่นฉังเฟิงลูบจมูกเบาๆ ไม่เอ่ยสิ่งใด ข่าวนี้แน่นอนว่ามิใช่บิดาของเขาปล่อยออกไปอย่างแน่นอน บิดาของเขาคงไม่ยอมเสียหน้า คิดว่าคงเป็นแม่เลี้ยงที่ไม่ได้เรื่องและญาติพี่น้องเสียมากกว่า แต่สำหรับเรื่องนี้ลิ่นฉังเฟิงเองไม่ใส่ใจมากนัก ถูกคนกล่าวหาก็ไม่ได้เสียเนื้อไปสักชิ้นเสียหน่อย สิ่งดีๆ คุณชายฉังเฟิงรับมาเพียงพอแล้ว มีเรื่องใดก็ถูกหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วสองสามีภรรยาผลักมาบังอยู่ด้านหน้า ชีวิตช่างอิ่มเอม
หนานกงมั่วยังคงยิ้ม เอ่ยว่า “พี่ใหญ่นั่งลงคุยกันก่อน มาหาข้าที่นี่มีเรื่องใดหรือไม่”
คิ้วคมของหนานกงชวี่ขมวดมุ่น เอ่ยถาม “พวกเจ้าย้ายออกมาจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหรือ หากไม่มีที่อยู่ ไปอยู่ที่เรือนจี้ชั่งก่อนก็ได้ อย่างไรก็ยังเป็นเรือนของเจ้า” หนานกงมั่วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่ขอให้ฝ่าบาทประทานจวนองค์หญิงให้แล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่ที่จวนเยี่ยนอ๋องก็ไม่มีสิ่งใดไม่สะดวก ข้ากับจวินมั่วอยู่ที่เรือนจี้ชั่งคงไม่เป็นไร แต่คงให้เสด็จแม่อยู่ที่นั่นไม่ได้”
หนานกงชวี่พยักหน้าเบาๆ เอ่ย “เจ้ามีแผนอยู่ในใจก็ดีแล้ว ดูแล้วเว่ยซื่อจื่อและองค์หญิงคงดีกับเจ้ามาก อีกไม่กี่วันก็เป็นพิธีแต่งงานของฮุยเอ๋อร์แล้ว แม่นางซังเจ้าเองก็คงจะเคยเจอแล้วใช่หรือไม่ เจ้าอย่าลืมกลับมาดูสักหน่อย”
“เร็วเพียงนี้เลยหรือ” หนานกงมั่วตกใจ พึ่งเจอซังเนี่ยนเอ๋อร์ไปไม่กี่วัน คิดว่าในเมืองจินหลิงคงมีไม่กี่คนรู้ว่าหนานกงฮุยจะแต่งงาน แต่เมื่อคิดดูดีๆ จวนฉู่กั๋วกงแม้เรียกได้ว่าเป็นตระกูลที่มีอำนาจในจินหลิง แต่หนานกงฮุยมิใช่บุตรชายคนโต ในเมื่อหนานกงชวี่อยากจัดให้รวดเร็ว อีกทั้งยังไม่อยากให้ครึกครื้น ไม่มีข่าวคราวก็เป็นเรื่องปกติ เพียงไม่รู้ว่าแม่ทัพกุยฮว่าไยจึงตอบรับได้ง่ายถึงเพียงนี้
“เดือนหน้าแม่ทัพกุยฮว่าก็ต้องออกไปอยู่ประจำที่ชายแดนแล้ว อยากรีบจัดพิธีแต่งงานของบุตรีให้เรียบร้อย” ราวกับเดาออกถึงความสงสัยของหนานกงมั่ว หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้ารู้แล้ว ถึงเวลานั้นข้าจะกลับไปเจ้าค่ะ”
หนานกงชวี่พยักหน้า ห้องทั้งห้องเริ่มเงียบลง ราวกับไม่รู้ว่าจะคุยอันใดต่อดี แม้กับหนานกงชวี่พี่ชายผู้นี้จะไม่มีความรู้สึกอยากตีตัวออกห่างเหมือนตอนแรกแล้ว แต่หนานกงมั่วก็ยังรู้สึกว่าไม่รู้จะพูดคุยสิ่งใดกับเขา แม้จะเป็นพี่ชายร่วมสายเลือด แต่เมื่อรู้จักแล้วกลับไม่สนิทสนมเหมือนคนแบบลิ่นฉังเฟิง
ไม่นาน หนานกงมั่วจึงนึกขึ้นได้ เอ่ยถาม “ท่านพ่อ…กับเฉียวซื่อทั้งสามไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ใบหน้าของหนานกงชวี่เผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชา เอ่ยตอบ “แน่นอนว่าไม่มี ความต้องการของท่านพ่อ จะมีสิ่งใดได้อีก ส่วนสามแม่ลูกตระกูลเฉียวนั่น ยิ่งไม่มีอันใดเลย จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้า” หนานกงมั่วขยับริมฝีปากยิ้ม “ไม่มีก็ดีแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่เกรงใจแล้ว ข้าเพียงไม่ชอบพวกเขาก็เท่านั้น”
นั่งอยู่ชั่วครู่ หนานกงชวี่จึงขอตัวลาจากไป
มองเขาเดินออกไป ลิ่นฉังเฟิงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “หนานกงชวี่พี่ใหญ่ผู้นี้เป็นคนง่ายไปหรือไม่” หนานกงมั่วปรายตามองเขา ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ “แม้หนานกงชวี่จะละเลยเจ้าบ้างนั่นไม่ผิด แต่ข้าไม่พูดไม่ได้ หากข้าเป็นหนานกงฮุยมีพี่ชายเช่นนี้คงมีความสุขตายเลย”
ใช้ชีวิตอยู่ในจวนฉู่กั๋วกง มีเจิ้งซื่อเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเช่นนั้น หนานกงฮุยยังสามารถรักษานิสัยใสซื่อบริสุทธิ์เอาไว้ได้ หนานกงชวี่พี่ชายผู้นี้คงลงแรงไปไม่น้อย เพียงเห็นหนานกงชวี่ลงมือโหดเหี้ยมกับเจิ้งซื่อ เห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้เจิ้งซื่อเองก็ทำเรื่องที่ไม่สมควรมากมายกับพวกเขา เจ้าลองถามลิ่นฉังเฟิงดูว่าไยจึงรู้ว่าการตายของเจิ้งซื่อเป็นฝีมือของหนานกงชวี่ ตัดความเป็นไปได้ทั้งหมดออก ที่เหลืออยู่ต่อให้มันดูเป็นไปไม่ได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว หากมิใช่หนานกงไหวที่สังหารเจิ้งซื่อเอง เช่นนั้นแล้วคนที่สามารถลงมือได้และมีโอกาสลงมือก็เหลือเพียงหนานกงชวี่แล้วไม่ใช่หรือ