ตอนที่ 342 ความซวยที่โหมกระหน่ำ (2)
“เจ้าค่ะ พวกบ่าวขอตัวเจ้าค่ะ”
ฉินซีจนปัญญา ยิ้มพลางเอ่ย “ท่านดูสิ สาวใช้พวกนี้ยอมฟังท่านไม่ยอมเชื่อฟังข้า”
หนานกงมั่วเอ่ย “พวกนางเป็นห่วงเจ้า”
“ข้าเข้าใจ” ฉินซีพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “พี่ชาย บิดา มารดาของข้ากลัวข้ารับไม่ไหว ความจริง…ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเขาคิด เพียงแค่พวกเขาไม่ยอมเชื่อก็เท่านั้น” หนานกงมั่วพยักหน้า นางเชื่อคำพูดของฉินซี หากฉินซีอ่อนแอจริงๆ นางไม่มีทางอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้เป็นแน่
“เรื่องของอวี้จือ…คุณหนูสี่เดาได้มากเพียงใดแล้ว”
ฉินซียิ้มขมขื่น “สิ่งที่ทำให้พี่ใหญ่ไม่พอใจอวี้จือได้คงมีไม่กี่เรื่อง ตอนนี้เขาอยู่สำนักฮั่นหลิน ไม่มีอำนาจใด หากจะบอกว่าทำเรื่องสกปรกชั่วช้าก็คงไม่ได้ หากบอกว่ามีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ พี่ชายก็คงไม่โกรธง่ายเพียงนี้ อย่างไรโลกใบนี้ก็ไม่มีใครที่ไม่มีข้อเสีย เช่นนั้นก็คงเหลือเพียงเรื่องชายหญิงแล้ว เขายังหนุ่มแน่น มีความสามารถ เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับต้องแบกรับคนป่วยเช่นข้า แน่นอนว่า…”
หนานกงมั่วลอบถอนหายใจอยู่ภายใน ใครกล้าบอกว่าฉินซีไม่ฉลาดกัน
“คุณหนูฉินคิดอย่างไรกับ…หร่วนอวี้จือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
ฉินซีกระแอมไปหนึ่งครั้งพลางขมวดคิ้ว เอ่ย “อวี้จือดีกับข้า แม้ข้ารู้ว่าที่เขาดีกับข้าไม่ใช่เพราะตัวข้าทั้งหมด แต่คนแบบข้าจะมีสิ่งใดต้องขออีกเล่า เดิมคิดว่า…อีกสองปีข้าก็ตายแล้ว เขาก็จะมีอิสระ และไม่นับว่าเป็นตัวถ่วงเขาเพราะข้าก็ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
“คุณหนูสี่ไม่ได้ชอบเขาเหมือนกับที่คนเขาว่ากัน” หนานกงมั่วเลิกคิ้วพลางเอ่ย หากฉินซีรักเขามากเหมือนที่คนเขาว่ากันย่อมไม่มีทางมีท่าทีเช่นนี้เป็นแน่ ต่อให้เป็นคนฉลาดแต่ก็ต้องแสดงออกถึงท่าทีที่ถูกหักหลังบ้าง ดวงตาของฉินซีมีเพียงความจำใจและเสียใจ แม้จะมีความโศกเศร้าและสับสน แต่มันเป็นความรู้สึกโศกเศร้าเพราะว่าเห็นคนล้มเหลวมิใช่โกรธเพราะถูกหักหลัง
“ข้าชอบเขามาก” ฉินซีเองก็ไม่ใส่ใจ เอ่ยยอมรับ “แม้หร่วนอวี้จือจะเกิดในครอบครัวยากจน แต่เขาสง่างาม กริยาวาจาน่าฟัง ฉิน หมาก อักษร วาดภาพแน่นอนว่าไม่ธรรมดา นิสัยอ่อนโยน ยิ่งกับข้าก็ยิ่งอ่อนโยน ไยข้าถึงจะไม่ชอบเขาเล่า”
หนานกงมั่วเอ่ย “ตอนนี้ยังชอบเขาหรือไม่”
ฉินซีถอนหายใจเบาๆ เอ่ยด้วยความเสียใจ “แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น แต่ว่า…ในเมื่อเขาไม่ใช่ในแบบที่ข้าคิด ก็คงต้องปล่อยไป ข้าเพียง…ต้องการคนที่เดินไปจนสุดทางกับข้าเท่านั้น”
หนานกงมั่วเงียบ ฉินซีเข้าใจยิ่งกว่าใคร บางทีนางคงเข้าใจตั้งแต่แรกที่หร่วนอวี้จือเข้าหานางแล้ว นางไม่ต้องการแก่เฒ่าไปกับหร่วนอวี้จือ เพราะนางเหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้ว บุคลิกและความสามารถของหร่วนอวี้จือนั้นเป็นที่ชื่นชอบของสตรีในห้องหอทั้งหลาย ฉินซีเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นหากหร่วนอวี้จือมีข้อเสียเพียงเล็กน้อยฉินซีก็คงไม่ถือสา แต่หากหร่วนอวี้จือแตกต่างไปจากเวลาที่อยู่ต่อหน้านางเป็นคนละคน เช่นนั้นนางก็พร้อมจะทิ้งโดยไม่ลังเล ความเด็ดขาดนี้บางทีอาจจะทำให้เสียใจอยู่บ้าง อย่างไรการคบหากันก็มิใช่เพียงเรื่องบังเอิญหรือการแสดง แต่สำหรับฉินซีที่เจ็บป่วยมาตั้งแต่ยังเด็ก ความเด็ดเดี่ยวครั้งนี้ไม่ได้ทำให้นางต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เพียงแต่…เสียใจเล็กน้อยเท่านั้น
เดิมทีคิดว่าจะได้อยู่กับคนที่รักก่อนจะจากไป
“คุณหนูฉินเป็นหญิงสาวที่…เข้มแข็งที่สุดที่ข้าเคยเจอมาเลย” หนานกงมั่วเอ่ยชมเสียงเบา
ฉินซียิ้มบาง ใบหน้าซีดขาวสดใสขึ้นมา เอ่ย “เช่นนั้น ฉินซีมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นเพื่อนกับจวิ้นจู่หรือไม่ จวิ้นจู่ไม่เรียกข้าว่าคุณหนูสี่ได้หรือไม่”
“เจ้าก็อย่าเรียกข้าว่าจวิ้นจู่สิ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว
รอยยิ้มของฉินซีเบ่งบาน “เช่นนั้น มั่วเอ๋อร์”
“ซีเอ๋อร์” หนานกงมั่วตอบรับด้วยรอยยิ้ม ฉินซีเอ่ย “เจ้าช่วยเอาความคิดของข้าไปบอกพี่ใหญ่ทีเถิด ข้าว่า…เขาต้องไม่เชื่อแน่”
หนานกงมั่วพยักหน้าตอบรับ ฉินซีมองสำรวจหนานกงมั่ว “ความจริง…เรื่องนี้เจ้าเป็นผู้บอกกับพี่ใหญ่ของข้าใช่หรือไม่”
หนานกงมั่วเลิกคิ้วแปลกใจ ฉินซีไม่รู้ว่ามีคุณชายเสี่ยวมั่ว เพียงยิ้มออกมา “หร่วนอวื้จือเป็นคนตานหยาง ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนมั่วเอ๋อร์ก็อยู่ที่ตานหยางใช่หรือไม่ พี่ใหญ่คงไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับใคร เพียงแต่มั่วเอ๋อร์ดูจะรู้เป็นอย่างดี คิดว่าคงรู้มากกว่าพี่ใหญ่ด้วยซ้ำ”
หนานกงมั่วถอนหายใจ เอ่ย “ร่างกายของเจ้าไม่ดี อย่าได้คิดเรื่องพวกนี้ให้มาก เจ้าจะโทษข้าหรือไม่ หากมิใช่เพราะพวกเรา หร่วนอวี้จือก็ยังคงภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบ เจ้าก็จะไม่ต้อง…”
ฉินซีส่ายหน้า เอ่ย “แม้ข้าจะหวังให้ตัวเองมีตอนจบที่สวยงามสมบูรณ์แบบ แต่ว่า…หากตอนจบนี้ไม่เป็นความจริง เช่นนั้น…ข้าคงตายตาไม่หลับ ดังนั้นข้ายังต้องขอบคุณเจ้าด้วย”
“คุณหนู คุณชายหร่วนมาแล้วเจ้าค่ะ” ด้านนอก เสียงสาวใช้รายงานดังขึ้น
ฉินซีเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ามีแขก ให้เขากลับไปก่อน”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” สาวใช้รู้สึกแปลกใจ ก้นหน้าและก้าวถอยออกไป
ด้านนอกซีอวี้เซวียน หร่วนอวี้จือใบหน้าทะมึนมองสาวใช้ที่เดินออกมา “เจ้าบอกว่าซีเอ๋อร์ไม่ยอมพบข้าอย่างนั้นหรือ”
สาวใช้เอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง “คุณชายหร่วน คุณหนูมีแขกไม่สะดวกพบเจ้าค่ะ”
“มีแขกผู้ใดกัน” หร่วนอวี้จือเอ่ยถาม
สาวใช้ส่ายหน้าไม่ตอบ สีหน้าของหร่วนอวี้จือยิ่งไม่น่ามองขึ้นอีก ตั้งแต่สองวันก่อนที่ฉินจื่อซวี่เปลี่ยนสาวใช้ที่ซีอวี้เซวียนเขาก็เข้ามายากขึ้น ไม่ว่าจะเข้าออกก็ต้องรายงาน กลับมาสองสามครั้งก็ยังไม่ได้เจอฉินซี อยากสอบถามข้อมูลก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก สาวใช้พวกนี้ราวกับพูดไม่เป็น ประโยคเดียวก็ไม่ยอมพูด
ตระกูลฉินต้องรู้บางอย่างแล้วแน่นอน นึงถึงเหยียนลัวอีที่มาอยู่ที่หอชุนเฟิง หัวใจของหร่วนอวี้จือเริ่มไม่สงบขึ้นมา ไม่ได้…จะต้องได้พบฉินซี ไม่เช่นนั้น…คงมีปัญหาใหญ่แน่
“เจ้าไปรายงานอีกครั้ง ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับซีเอ๋อร์” หร่วนอวี้จือเอ่ยเสียงเข้ม
สาวใช้มองเขาด้วยใบหน้าแปลกประหลาด ส่ายหน้าเงียบๆ
“บังอาจ” หร่วนอวี้จือเอ่ยเสียงเย็น “ให้เจ้าไปเจ้าก็ไปเสีย ขัดขวางธุระของข้าเจ้ารับผิดชอบได้หรือ”
สาวใช้ก้มหน้า “คุณชายได้โปรดอภัย คุณหนูกำลังพูดคุยอยู่กับแขก หากไปรบกวน เกรงว่าคุณชายเองก็คงรับผิดชอบไม่ไหวเจ้าค่ะ”
หร่วนอวี้จือถูกเอาคืนจนพูดไม่ออก เนิ่นนานจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “แขกอะไรไยต้องระมัดระวังเพียงนี้”