ตอนที่ 346 ชีวิตอับจนของหร่วนอวี้จือ (2)
หร่วนอวี้จือแสดงท่าทางดีใจ มองไปยังจื่อเยียนพลางเอ่ยว่า “เจ้าเพียงแค่ต้องบอกพวกเขาไปว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด…”
จื่อเยียนยิ้มหยัน “ข้าจื่อเยียน ที่ยึดติดกับเจ้าเพราะเจ้าไม่สนใจข้า ปล่อยข่าวลือใส่ร้ายเจ้าก็เพราะทั้งรักทั้งชัง ใช่หรือไม่” เพียงเห็นท่าทีละอายใจของหร่วนอวี้จื่อก็รู้ว่าเขาคิดเช่นไร ถูกต้องแล้ว หัวใจของจื่อเยียนเย็นชาจับใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเรียบเฉย ซิงเฉิงจวิ้นจู่กล่าวได้ถูกต้อง ชายผู้นี้ต่ำช้า นางถูกหลอกจนพาตัวเองนำไปสู่หายนะ!
หร่วนอวี้จือตอบเสียงแผ่วเบา “ข้ารู้… คงไม่ดีสำหรับชื่อเสียงเจ้า แต่ลัวอี ข้าจะชดใช้ให้เจ้าแน่นอน พวกเราเติบโตมาด้วยกัน เจ้าอยากให้ข้าตายจริงๆ หรือ”
จื่อเยียนปัดมือเขาทิ้งอย่างรังเกียจ “พอเถิด! ข้ามาก็เพื่อมาดูว่าเจ้าจะน่ารังเกียจได้มากเพียงใด ยามนี้เมื่อได้มาเห็นข้าก็จะกลับแล้ว”
“ลัวอี”
“เหยียนลัวอีตายจากไปแล้ว ข้าชื่อจื่อเยียน” จื่อเยียนเอ่ยเคร่งขรึม “ก่อนที่ข้าจะไป เจ้าต้องนำเงินมาคืนให้ข้าทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยหกสิบตำลึงเสียก่อน!” หร่วนอวี้จือนิ่งชะงักไป ยามนี้เขาไม่มีแม้แต่สิบหกตำลึงด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเงินหนึ่งพันห้าร้อยหกสิบตำลึง ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเพื่อเอาใจฉินซี จึงได้ทุ่มเทซื้อของให้นางมากมาย น่าเสียดายที่ของขวัญมิได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินซีดีขึ้นได้ และยามนี้ตระกูลฉินก็ไม่ยอมให้เขาพบฉินซีเลย เมื่อนึกถึงเงินที่ใช้จ่ายไปราวกับใบไม้ร่วง หร่วนอวี้จือก็เป็นทุกข์ขึ้นมา
“ลัวอี อย่าทำตัวไร้เหตุผลสิ!” หร่วนอวี้จือเอ่ยเสียงเคร่งขรึม
จื่อเยียนยิ้ม กล่าวว่า “ทำตัวไร้เหตุผล ไต้เท้าหร่วนเพียงคิดได้แค่ว่าข้าทำตัวไร้เหตุผลหรือ ไม่คิดบ้างหรือว่าข้ากำลังให้โอกาสเจ้าได้คืนเงินให้ข้า”
“ข้าบอกไปแล้ว…ว่าข้าจะชดใช้ให้!”
จื่อเยียนยิ้มหยัน “คิดว่าเจ้ายังน่าเชื่อถืออยู่อีกหรือ หร่วนอวี้จือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน กล่าวกันตามตรงแล้วเจ้าก็เป็นเพียงบุรุษกินข้าวนิ่ม เกาะผู้หญิงไปวันๆ เท่านั้น”
“เหยียนลัวอี!” หร่วนอวี้จือตวาดอย่างโกรธจัด
“ช่างไร้ยางอาย!” มีเสียงตะโกนด่าทอดังขึ้นมาจากด้านนอก หร่วนอวี้จือตกตะลึงไป ทันใดนั้นสีหน้าจึงเปลี่ยนสีไปทันที หันมองจื่อเยียนแล้วเอ่ย “เจ้า! เจ้าหลอกข้า!”
จื่อเยียนก้าวออกไป ยิ้มละไมให้เขาโดยไม่เอ่ยอันใด เพียงเดินไปผลักประตูเปิดออก ด้านนอกประตูเต็มไปด้วยกลุ่มคนยืนอยู่บริเวณนั้น พวกเขาต่างจ้องมองไปยังหร่วนอวี้จือ สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและโกรธจัด เห็นได้ชัดว่าทุกคนนั้นได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ไปแล้ว เมื่อได้ยินชัดทุกถ้อยคำ ชายหนุ่มผู้หนึ่งจึงเขวี้ยงพัดในมือของเขาใส่หร่วนอวี้จือโดยไม่ลังเล “ช่างไร้ยางอายจริงๆ! เศษสวะ! แม่นางเยียนอย่าได้กลัวไป พวกเราจะปกป้องเจ้า และจะไม่ปล่อยให้คนไร้ยางอายผู้นี้หลอกเจ้าได้อีกแล้ว”
“ใช่ๆ!” มีคนตอบกลับทันควัน “ข้าไม่นึกเลยว่าหร่วนอวี้จือจะเป็นคนเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายวิชาความรู้นัก!”
“สารเลว!”
“ไร้ยางอาย!”
ผู้คนโกรธจัดต่างขว้างปาของที่อยู่ในมือไปทางหร่วนอวี้จือ แม้ว่าทุกคนอาจไม่ใช่คนดีอันใด แต่ก็เป็นคนเลวที่ยังมีคุณธรรม ส่วนหร่วนอวี้จือนั้นไม่ใช่ เป็นเพียงสารเลวคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อหร่วนอวี้จือถูกขว้างปาเข้าของใส่จนต้องหลบไปซ่อนตัว แต่เขาจะซ่อนตัวอยู่ในห้องเล็กๆ นี้ได้นานเท่าใดกัน ใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจับเขาไว้ในที่สุด “ทำไมเจ้าถึงยังอยู่กับแม่นางเยียนอยู่ที่นี่อีก ออกไป!” เขาลากหร่วนอวี้จือจากชั้นบนลงไปโถงชั้นล่าง แล้วโยนตัวลงไปยังกลางโถง เดิมทีคนในโถงชั้นล่างต่างกำลังดื่มกินกันอยู่อย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นชายคนหนึ่งถูกโยนลงกับพื้นก็ตกใจ การร่ายรำหยุดชะงักไป ต่างหันไปมองดูคนที่ถูกโยนลงบนพื้น
บัณฑิตทั่นฮวา ทั้งยังเป็นว่าที่บุตรเขยของตระกูลฉิน แต่เขากลับหลอกหญิงคณิกาให้ขายเรือนร่างเป็นระยะเวลาถึงสามปี ยามนี้เมื่อความจริงได้รับการเปิดเผยแล้ว เขากลับยังพยายามหลอกลวงด้วยการใช้ความสัมพันธ์ที่มีอยู่ เกลี้ยกล่อมให้นางโทษตัวเองไปเสีย โดยที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อจื่อเยียนได้เอ่ยความจริงออกไปเช่นนี้ก็เท่ากับเขายอมรับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงแล้ว
หร่วนอวี้จือรู้สึกละอายใจขึ้นมาจนแทบอยากมุดแทรกแผ่นดินหนีไป แต่ในยามนี้เขาทำได้เพียงแค่ยกแขนเสื้อขึ้นปิดหน้าและไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว
“หืม? นี่ไต้เท้าหร่วนจากสำนักศึกษาฮั่นหลินใช่หรือไม่” บางคนยังจำหร่วนอวี้จือได้จึงทักขึ้นมาเช่นนั้น
หร่วนอวี้จือ? จื่อเยียน? หอชุนเฟิง?
ทุกอย่างลงตัวพอดิบพอดี ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นสามารถปะติดปะต่อเรื่องได้ในที่สุด
“ไต้เท้าหร่วน ท่านมาที่นี่ทำไมกัน” คนผู้หนึ่งก้าวเข้าไปหา คิดจะช่วยหร่วนอวี้จือหรือไม่ หากมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูก็จะรู้แล้วว่ามิได้เข้ามาเพราะมีเจตนาดีแน่นอน
หร่วนอวี้จืออยากหลีกหนีไปให้พ้นๆ ทว่ากลุ่มคนจากชั้นบนกำลังเอ่ยถึงเรื่องที่พวกเขาเพิ่งได้ยินจากชั้นบนกันอยู่ ในเวลาไม่นานไม่ว่าจะเป็นแขก คณิกา หรือแม้แต่เสี่ยวเอ้อร์ภายในหอต่างก็มองหร่วนอวี้จือด้วยสายตาแปลกประหลาด มองราวกับเขาเป็นตัวอะไร
ทั้งหลอกลวงทุกคน คุณชายเสเพลจอมหลอกลวงแห่งเมืองจินหลิงที่ทำลายจื่อเยียน
ช่างชั้นต่ำ
“คุณชายฉิน เจ้าคิดเช่นไรกับเรื่องนี้” จู่ๆ ก็มีใครบางคนถามขึ้นมาเสียงดัง
ที่โต๊ะตัวหนึ่งบนชั้นสอง ฉินจื่อซวี่กำลังนั่งดื่มเหล้ากับบัณฑิตที่มีพรสวรรค์เพียงไม่กี่คน กล่าวถึงเหตุการณ์ด้านล่างที่ปรากฏความจริงอย่างประจักษ์ชัดเจน
“จื่อซวี่! พวกเขาใส่ร้ายข้า!” หร่วนอวี้จือตะโกนขึ้นมาทันใด “นางใส่ร้ายข้า! เชื่อข้าเถิด ข้าจริงใจกับซีเอ๋อร์”
“หุบปาก!” ฉินจื่อซวี่สั่งอย่างไม่แยแส ดวงตาของเขาทะมึนขึ้น เอ่ยเบา ๆ ว่า “การประพฤติมิชอบของหร่วนอวี้จือไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน การกระทำของเขาไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉินแม้แต่น้อย”
“ไม่ ข้ามีสัญญาว่าจะแต่งกับซีเอ๋อร์…” หร่วนอวี้จือเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม
ฉินจื่อซวี่เอ่ยเยาะเย้ย “ใช่แล้ว ฉะนั้นเจ้ากับข้าไปเขตอิ้งเทียนเพื่อตกลงเรื่องสัญญาแต่งงานกันเถิด ตระกูลฉินจะฟ้องร้องต่อเจ้าหน้าที่เรื่องที่นอกใจก่อนแต่งงาน”
วาจาของฉินจื่อซวี่ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าตระกูลฉินไม่ต้องการปกป้องหร่วนอวี้จืออย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่ไม่แปลกแต่อย่างใด หากไม่ทำเช่นนี้ตระกูลฉินคงบ้าไปแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดในยามนี้คือต้องขีดเส้นกั้นหร่วนอวี้จือไว้ ยิ่งไปกว่านั้นถือได้ว่าหร่วนอวี้จือโกหกตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลฉินเสื่อมเสียชื่อเสียง ตระกูลฉินจะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
“ไม่… ซีเอ๋อร์คงไม่ยอมแน่…”
“ช่างกล้าพูด! จัดการมัน!” มีคนตะโกนขึ้นเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งไปข้างหน้า คว้าตัวหร่วนอวี้จือแล้วลากออกไป ผู้คนต่างขว้างปาข้าวของใส่หร่วนอวี้จือ หร่วนอวี้จือนั้นเป็นเพียงบัณฑิตร่างกายปวกเปียก เมื่อโดนขว้างปาหนักเข้าก็ยากจะทนไหว ทั้งเจ็บทั้งอายและเละเทะไปด้วยอาหารเครื่องดื่ม ไม่อาจรู้ได้เลยว่าที่ปากแตกและหน้าบวมเป็นฝีมือของใครบ้าง
“เพราะเรื่องส่วนตัวของจื่อเยียนทำให้ทุกคนต้องขบขันแล้ว โปรดกลับไปดื่มกินกันต่อเถิด จื่อเยียนขอเลี้ยงเหล้าพวกท่านในคืนนี้เอง” จื่อเยียนยืนอยู่ที่ประตูหอชุนเฟิง ยิ้มให้ทุกคนอย่างขอโทษ ทุกคนต่างกล่าวขอบคุณนางแล้วจึงกลับเข้าไปในหอชุนเฟิง นางเพียงเหลือบมองหร่วนอวี้จือด้วยความรังเกียจ ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงร่ายรำและดนตรีก็ดังขึ้นดังเดิม ผู้คนดื่มกันจอกแล้วจอกเล่า