ตอนที่ 373 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง! (3)
หนานกงมั่วหันกลับไปมองที่โต๊ะในร้านทางด้านหลังตนแล้วจึงหันกลับมาเอ่ยเบาๆ “ข้าไม่นึกเลยว่าจะได้เจอท่านพ่อในที่แบบนี้ ท่านพ่อมาทำอันใดหรือเจ้าคะ”
หนานกงไหวกระแอมเบาๆ ยังไม่เอ่ยอันใด เฉียวเย่ว์อู่เชิดหน้าขึ้น เอ่ย “อีกสองวันจะเป็นวันเกิดของแม่ข้า ท่านลุงหนานกงพาพวกเรามาซื้อของขวัญ” แม้จะรู้แล้วว่าเฉียวเย่ว์อู่และเฉียวเชียนหนิงเป็นใคร แต่หากอยู่นอกเรือน ทั้งสองยังคงต้องเรียกท่านลุงหนานกงเท่านั้น หนานกงมั่วเลิกคิ้วอย่างสนใจไม่น้อย กวาดตามองเฉียวเย่ว์อู่ เอ่ย “เช่นนั้นเองหรือ ผู้มาเยือนถือเป็นแขก เชิญเข้ามาเถิด”
หนานกงไหวชะงักไปเล็กน้อย “นี่เป็นร้านของเจ้าหรือ” หนานกงมั่วรู้สึกแปลกใจ “ท่านพ่อไม่รู้หรือ หอซื่อไห่เป็นกิจการของข้า เพิ่งเปิดขายเมื่อเดือนที่แล้ว ขอบคุณท่านพ่อที่มาอุดหนุนเจ้าค่ะ” หอซื่อไห่มีกิจการหลากหลาย มีเจ้าถิ่นเพิ่มมาเป็นสองเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี อีกทั้งหนานกงไหวนั้นเรียกได้ว่าเป็นเจ้าถิ่นที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอันใดอีกด้วย
หอซื่อไห่เป็นร้านที่ลิ่นฉังเฟิงเพิ่งเปิดใหม่ตามคำแนะนำของหนานกงมั่ว สิ่งของที่ขายในร้านนำเข้ามาจากทั้งจากดินแดนตะวันตกและตงหยาง รวมถึงชาติตะวันตกด้วย ของเหล่านี้ส่วนใหญ่รวบรวมมาจากพ่อค้าทางฝั่งตะวันตกหรือพ่อค้าต่างถิ่น มีข้าวของมากมายหลายประเภท ลิ่นฉังเฟิงตั้งใจเลือกเฉพาะของที่ดูดีมาขายเท่านั้น แน่นอนว่าย่อมมีของหายากในอาณาจักรเซี่ยด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้สินค้าในหอซื่อไห่จึงมีราคาแพงมากและคนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก หอซื่อไห่จึงไม่มีชื่อเสียงอันใด กิจการจึงไม่ถึงกับรุ่งเรืองนัก เดิมทีลิ่นฉังเฟิงวางแผนทดลองกิจการก่อน หากขายดีเขาก็คิดจะจัดกลุ่มพ่อค้าเพื่อเดินทางไปดินแดนตะวันตก แต่เมื่อผ่านพ้นหนึ่งเดือน กิจการซบเซาทำให้หัวใจที่เคยเต้นระรัวกลับกลายเป็นสิ้นหวังไปแทน
หนานกงไหวพ่นลมหายใจเบาๆ เมื่อหนานกงมั่วเอ่ยเช่นนั้นแล้ว หากเขาไม่ซื้อก็คงเสียมารยาท
ทั้งสามเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับหนานกงมั่ว เมื่อเห็นหนานกงมั่วเดินออกไปแล้วกลับมาอีก ผู้จัดการก็รีบออกไปต้อนรับทักทาย หนานกงมั่วโบกมือ เดินเข้าไปยังโต๊ะด้านใน ยิ้มพลางเอ่ย “ท่านพ่อชอบสิ่งใดหรือไม่ ในเมื่อจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เฉียวฮูหยิน ลองดูชิ้นนี้เป็นเยี่ยงไร”
หนานกงมั่วหยิบลูกแก้วใสขนาดเท่าไข่ไก่ทว่าลูกกลมสมบูรณ์ออกมาจากชั้นวางของ ลูกแก้ววางอยู่บนผ้าดิ้นที่ทออย่างประณีต ดูล้ำค่าและหายากยิ่ง เมื่อเฉียวเย่ว์อู่เห็นก็เอื้อมมือออกไปหยิบทันที “นี่คือสิ่งใดกัน แปลกยิ่งนัก มีรูปภาพด้วย” บนพื้นผิวของลูกแก้วใสเป็นภาพต้นสนที่สลักไว้อย่างประณีต เนื่องจากสีที่ไม่ชัดเจนจึงดูไม่ออก แต่หากนำลูกแก้วมาถือในมือแล้วจ้องมองก็จะเห็นได้ชัด
“คุณหนูระวังหน่อยเถิด อย่าทำแตกนะขอรับ” เจ้าของร้านที่อยู่ข้างๆ กระซิบบอก
เฉียวเย่ว์อู่จ้องมองหนานกงมั่วอย่างยั่วโมโห “เจ้าหมายความว่าอย่างไร กลัวเราไม่มีเงินจ่ายหรือ”
หนานกงมั่วอารมณ์ดีอย่างไม่เคยเป็น นางไม่โกรธ ยิ้มพลางเอ่ย “มิใช่หรอก แม่นางเฉียวชอบก็ดีแล้ว ในเมื่อแม่นางเฉียวชอบ เฉียวฮูหยินก็คงชอบเช่นกัน ท่านพ่อว่าอย่างไรเล่า”
หนานกงไหวรู้สึกว่าของสิ่งนี้แปลกใหม่มาก เขาพยักหน้าเล็กน้อย หากมอบเครื่องประดับทองหรือเงินให้ เยียนเอ๋อร์คงจะไม่สนใจและไม่ชอบนัก ไม่แน่ว่าหากมอบของแปลกหายากให้บ้าง นางคงดีใจไม่น้อย เฉียวเย่ว์อู่เอ่ยว่า “ท่านลุงหนานกง ข้าเองก็ชอบ ข้าก็อยากได้เหมือนกัน”
เมื่อเห็นความปรารถนาในดวงตาของเฉียวเย่ว์อู่ที่ปรากฏออกมานอกผ้าคลุมศีรษะ หนานกงไหวก็รู้สึกผิดเล็กน้อย จึงหันหน้าไปถามว่า “ยังมีอีกหรือไม่”
หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงก็ยังมีอีกลูกหนึ่ง เดิมทีตั้งใจจะมอบให้เสด็จแม่ไว้เล่น…” เอ่ยไปพลางแสดงท่าทางลำบากใจ เฉียวเย่ว์อู่เอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าเปิดร้านขายของ ลูกค้าอยากซื้อ จะไม่ขายได้เยี่ยงไร เจ้าเปิดร้านแบบใดกัน” หนานกงมั่วเอ่ย “แม่นางเฉียวเอ่ยถูกแล้ว เช่นนั้นเสด็จแม่คงทำได้เพียงเล่นของอย่างอื่นไปก่อน ผู้จัดการ เอาของใส่กล่องให้แม่นางเฉียวและฉู่กั๋วกงด้วย”
“ขอรับ จวิ้นจู่”
เจ้าของร้านรีบจัดของใส่กล่องอย่างเรียบร้อยและส่งให้เฉียวเย่ว์อู่ เฉียวเย่ว์อู่มองซ้ายขวาดูลูกแก้วใสสองลูกที่ต่างกันเพียงรูปภาพ เอ่ยถาม “ราคาเท่าใด”
หนานกงมั่วปรากฏรอยยิ้มสุภาพอ่อนหวาน “หนึ่งแสนตำลึง ขอบคุณที่อุดหนุน”
“ว่าอย่างไรนะ!” จู่ๆ เฉียวเย่ว์อู่ก็ร้องเสียงแหลม แม้แต่หนานกงไหวและเฉียวเชียนหนิงก็สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักของสิ่งนี้ แต่ของที่ทั้งกินทั้งใช้สอยไม่ได้ ทำได้เพียงหยิบมาชื่นชมนิดหน่อยเท่านั้นกลับมีราคาถึงชิ้นละห้าหมื่นตำลึงเลยหรือ เงินห้าหมื่นตำลึงหากนำไปหลอมเป็นก้อนใหญ่ก็สามารถบดขยี้หนานกงมั่วให้แหลกได้เลยแท้ๆ
หนานกงมั่วกะพริบตาท่าทางไร้เดียงสา “มีปัญหาอันใดหรือ”
“ไยจึงแพงนัก” เฉียวเย่ว์อู่ร้อง หนานกงมั่วกล่าวตอบ “ของสิ่งนี้มาจากสถานที่แสนไกลทางตะวันตก เดินทางข้ามน้ำข้ามสมุทรมา ต้องใช้เวลาสองสามปีกว่าจะมาถึง แม้แต่ในพื้นที่ท้องถิ่นเองก็ถือเป็นสมบัติที่หายากยิ่ง หากเอ่ยถึงไข่มุกทั่วไป ไข่มุกธรรมดานั้นถือว่าไม่แพงหรอก แต่หากมีไข่มุกที่ใหญ่และกลมสมบูรณ์เพียงนี้ เจ้าคิดว่าจะแพงหรือไม่เล่า อีกทั้งการแกะสลักบนไข่มุกนั้น…ก็เป็นงานแกะสลักโดยช่างฝีมือร่วมสมัยมีชื่อเสียง คนธรรมดาจะแกะสลักภาพบนไข่มุกได้หรือ ถึงกระนั้น เดิมมีไข่มุกสามลูกเมื่อแกะสลักแล้วเสียหายไปลูกหนึ่ง ของหายากจึงได้มีราคาแพงเช่นนี้ เป็นที่อื่นข้าคงรับประกันมิได้ หากแต่เป็นอาณาจักรเซี่ยแล้ว ข้ารับประกันได้ว่ามีไข่มุกหลิงหลงเพียงสองลูกนี้เท่านั้น” ส่วนเรื่องไร้สาระที่เอ่ยไปก่อนหน้า หากมีอันใดผิดไป ข้าไม่ขอรับผิดชอบก็แล้วกัน หนานกงมั่วแอบกล่าวในใจเงียบๆ
“นี่…” เฉียวเย่ว์อู่สองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่ง ราคานั้นก็แพงจริงๆ แต่เมื่อคิดว่าจะไม่มีใครได้ครอบครอง นางก็อดที่จะเอามาไว้กับตัวไม่ได้
“ท่านลุงหนานกง…”
หนานกงไหวสีหน้าเข้มขึ้นเล็กน้อย หนานกงไหวมิใช่คนสุรุ่ยสุร่าย จะให้เขาซื้อไข่มุกสองลูกราคาแสนตำลึงไปหรือ หนานกงไหวรู้สึกว่าตัวเองมิใช่พวกที่ชอบถลุงเงินเล่นเช่นนั้น
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะปฏิเสธ ดวงตาของหนานกงมั่วฉายแววบางอย่าง แอบตวัดนิ้วผลักกำลังภายในออกไปเบาๆ จู่โจมแผลที่ยังไม่หายดีของเฉียวเย่ว์อู่ เฉียวเย่ว์อู่รู้สึกมือของตนกระตุกเล็กน้อยแล้วกล่องในมือก็ร่วงตกลงไปบนพื้น
กล่องบรรจุไข่มุกตกลงสู่พื้น ไข่มุกใสบริสุทธิ์ก็ถูกทำแตกเป็นชิ้นๆ และกลับมาสวยงามเช่นเดิมไม่ได้อีกแล้ว
เจ้าของร้านร้องออกมาอย่างปวดใจ “แม่นาง ท่าน…ต่อให้ท่านไม่อยากซื้อแล้วก็ไม่เห็นต้องทำพังเลย นี่เป็นเงินหลายหมื่นตำลึงเชียวนะ เป็นเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรขอรับ”
หนานกงมั่วยิ้ม มองไปยังหนานกงไหวที่ขมวดคิ้วอยู่ เฉียวเย่ว์อู่เอ่ยด้วยความโมโห “อยู่ๆ แผลข้าก็เกิดเจ็บขึ้นมาข้าไม่ทันระวัง ก็แค่ไข่มุกแตกลูกเดียวมิใช่หรือ จะเป็นเรื่องอันใดนัก” หนานกงมั่วเอ่ยตอบเบาๆ “ไข่มุกลูกนี้มีค่าห้าหมื่นตำลึง ท่านพ่อ ท่านว่าเรื่องนี้ควรแก้ไขเช่นไรดี”
หนานกงไหวเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าต้องการอย่างไร”
หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “ท่านชดใช้ให้ข้าห้าหมื่นตำลึง หรือไม่ท่านจ่ายหนึ่งแสนตำลึงแล้วซื้อไข่มุกอีกลูกไปด้วย มิเช่นนั้นเราก็ไปศาลาว่าการด้วยกัน”
“เจ้าบ้าเงินไปแล้วหรือ” หนานกงไหวเอ่ยเสียดสีอย่างไม่ลังเล หนานกงมั่วถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ “ใช่ ใครเล่าที่ให้ข้าแต่งงาน แต่กลับให้สินสอดข้าเพียงหยิบมือเท่านั้น” หนานกงไหวพลันหน้าซีดเผือด งานแต่งงานของหนานกงมั่วได้ของไปไม่น้อยก็จริง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ตระกูลเมิ่งทิ้งไว้ให้ ที่จริงสินสอดทองหมั้นที่หนานกงไหวให้มาถือว่ามากโข แต่หากเทียบทรัพย์สินระหว่างตระกูลเมิ่งกับส่วนที่ตนให้ หนานกงไหวย่อมรู้สึกผิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอได้ยินหนานกงมั่วเอ่ยเช่นนี้แสดงว่านางย่อมรู้บางอย่าง