หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 371 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง (1)

ตอนที่ 371 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง (1)

ตอนที่ 371 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง! (1)
“ฮือ ฮือ ฮือ…”

เนิ่นนานก็มีเสียงร้องไห้ดังออกมาลั่นห้อง น่าตกใจเสียจนสาวใช้ที่ซ่อนตัวแอบดูอยู่หน้าประตูยกเอามือขึ้นทาบอกแล้วถอยห่างออกไปสองสามก้าว ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นรีบวิ่งออกไปเรียกคนอื่น

เมื่อได้ยินข่าวจากจวนฉู่กั๋วกง หนานกงมั่วก็อดตกตะลึงกับความโหดเหี้ยมอำมหิตของหนานกงซูไม่ได้ “ก่อนหน้านี้ประเมินนางต่ำไปจริงๆ ” คราวนี้หนานกงซูโหดร้ายนัก แม้จะมิได้ฆ่าเฉียวเย่ว์อู่แต่เกรงว่าจะทำให้นางเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าฆ่าให้ตายเสียอีก จือซูที่อยู่ด้านข้างยกน้ำแก้วหนึ่งส่งให้ เอ่ย “อีกอย่าง ได้ยินมาว่าช่วงนี้เฉียวเย่ว์อู่กลายเป็นคนบ้าเสียสติ ดูถูกเหยียดหยามเฉียวเฟยเยียนทุกวิถีทางราวกับว่ามีความแค้นต่อกันอย่างไรอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไรเฉียวเฟยเยียนก็ยังอดทนได้ ดูแลเฉียวเย่ว์อู่อย่างดีทุกวัน ดูแล้วแม้ว่าเฉียวเฟยเยียนจะเป็นผู้หญิงไม่ดีแต่ก็ยังนับว่าเป็นแม่ที่ดีนะเจ้าคะ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจ เอ่ยว่า “นางทนได้แล้วเยี่ยงไร ก็แค่ทำให้ท่านพ่อสงสารนางมากขึ้นเท่านั้น หากเฉียวเฟยเยียนรักเฉียวเย่ว์อู่มากจริงๆ นางคงมิยอมปล่อยให้เซียวเชียนเยี่ยเอาตัวนางไปโดยเอ่ยขอร้องเพียงไม่กี่ประโยคหรอก หากคิดว่าเฉียวเย่ว์อู่ไปอยู่จวนเย่ว์จวิ้นอ๋องแล้วจะไม่ถูกทรมาน ใครจะเชื่อเล่า”

จือซูขมวดคิ้ว เอ่ย “เช่นนั้นเฉียวเฟยเยียนเสแสร้งหรือเจ้าคะ ช่างมารยาร้ายลึกยิ่งนัก“

หนานกงมั่วกล่าวว่า “มินับว่าเสแสร้งหรอก เฉียวเฟยเยียนก็รักลูกสาวเช่นกัน เพียงแต่…หากเทียบกันแล้ว นางยังคงรักตัวเองมากกว่า”

จือซูพยักหน้า เอ่ยว่า “ถึงแม้จุดจบของเฉียวเย่ว์อู่จะน่าสังเวช แต่คุณหนูรองก็เสียลูกไปทั้งคน แต่ถึงอย่างไรคุณหนูรองกระทำกับเฉียวเย่ว์อู่เช่นนี้ นางเองก็ย่อมเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นกัน” สิ่งที่หนานกงซูกระทำต่อเฉียวเย่ว์อู่นั้นปิดบังใครไม่ได้ ยามนี้มีคนไม่น้อยในเมืองจินหลิงรู้เรื่องนี้แล้ว ผู้คนทั้งสงสารเห็นใจสิ่งที่เฉียวเย่ว์อู่ต้องพบเจอ ทั้งตกตะลึงกับความโหดร้ายใจดำของหนานกงซู ไม่ว่าอย่างไรด้วยการกระทำนี้ ชื่อเสียงของหนานกงซูที่หลงเหลืออยู่ในเมืองจินหลิงจึงสลายกลายเป็นขี้เถ้าไปเสียแล้ว

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าเกรงว่านางคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย”

“คุณหนูรองจะคิดเรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ” จือซูเอ่ยถาม นางรู้สึกอยู่ตลอดว่าตั้งแต่คุณหนูรองสูญเสียลูกไปนางก็เสียสติไปด้วยเช่นกัน ยามนี้แม้ว่าจะล้างแค้นให้ลูกสำเร็จทว่ากลับทำลายชื่อเสียงของตนจนป่นปี้เช่นนั้น เห็นชัดว่าหนานกงซูคงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว

หนานกงมั่วส่ายหัว เอ่ยว่า “ข้าก็ไม่รู้” นางยังไม่เคยมีลูก จึงไม่เข้าใจว่าแม่ที่สูญเสียลูกไปจะเจ็บปวดเพียงใด ความสัมพันธ์ของนางกับหนานกงซูก็ไม่ดีนัก ปกติแล้วนางไม่ชอบผู้หญิงที่ภายนอกดูฉลาดแต่ที่จริงไม่เอาไหนอย่างหนานกงซูสักเท่าใด แต่คราวนี้หนานกงซูกลับทำให้หนานกงมั่วประหลาดใจไม่น้อย

แน่นอนว่าเมื่อหญิงจิตใจอำมหิตช่างน่ากลัว

ภายในห้องหนังสือในเรือนลี่ฉิน หลินซื่อเดินถือน้ำชาเข้ามาอย่างระมัดระวัง วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ เอ่ยอย่างระวัง “ท่านพี่ เรือนข้างๆ มีเรื่องวุ่นวายอีกแล้ว” หนานกงชวี่เงยหน้ามองนางแล้วเอ่ยเบาๆ “เจ้าอยากจะบอกอันใด” “หลินซื่อตกใจ รีบเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่…ข้ามิได้อยากจะเอ่ยอันใด” ที่ผ่านมาหลินซื่อยิ่งรู้สึกว่านับวันนางยิ่งกลัวสามีผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ หนานกงชวี่มิได้ทำอันใดกับนาง เพียงแต่เดิมหนานกงชวี่เป็นคนเคร่งขรึมและเข้มงวด และมาตอนนี้หนานกงชวี่นั้นราวกับจะกลืนกินผู้คนได้ตลอดเวลา

แม้ว่าเมื่อก่อนหนานกงชวี่จะเคยตำหนิหรือแม้กระทั่งลงมือลงไม้กับนางอยู่บ้าง หลินซื่อก็ยังกล้าแอบทำเรื่องที่เขาห้ามลับหลัง นั่นเป็นเพราะนางรู้ว่าหนานกงชวี่จะไม่มีทางฆ่านางแน่นอน แม้ตอนนี้หนานกงชวี่ไม่ได้ทำอันใดเลยทว่าหลินซื่อกลับอยู่แต่ในเรือนอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าทำอื่นใด แม้กระทั่งเฉียวเฟยเยียนและเฉียวเย่ว์อู่สองแม่ลูกที่ไม่ถูกชะตากัน หลินซื่อก็ต้องบอกต่อหนานกงชวี่ก่อนที่จะกล้าทำสิ่งใด นี่เปรียบเสมือนสัญชาตญาณของมนุษย์ในการตอบสนองต่ออันตราย หลินซื่อรู้สึกได้เองว่าหากนางไม่เชื่อฟังและฝืนทำสิ่งที่ไม่ควร หนานกงชวี่คงจะฆ่านางจริงๆ

หนานกงชวี่เหลือบมองนางหนหนึ่ง เอ่ยถามว่า “แล้วเรือนข้างๆ เกิดอันใดขึ้นเล่า”

หลินซื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก “จู่ๆ เฉียวเย่ว์อู่ก็อาละวาด ทำให้เฉียวเฟยเยียนหัวแตกเจ้าค่ะ” เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหลินซื่อนั้นแฝงด้วยเจตนาดูถูก แต่เจตนานั้นมีให้สำหรับเฉียวเฟยเยียนผู้เดียว ส่วนเฉียวเย่ว์อู่นั้น แม้ว่าหลินซื่อจะเกลียดเด็กสาวหยิ่งผยองผู้นั้นกระทั่งแอบหวังให้นางเคราะห์ร้าย แต่ในฐานะผู้หญิงด้วยกันแล้ว การเผชิญหน้ากับหญิงผู้หนึ่งที่ประสบกับโศกนาฏกรรมเช่นนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีความเกลียดชังต่อกันก็คงไม่มีใครซ้ำเติมได้ลง หากแต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่หนานกงซูสูญเสียลูกไปเพราะหญิงผู้นั้น จึงไม่ได้รู้สึกเห็นใจนางมากนัก

หนานกงซูกลับทำให้หลินซื่อประหลาดใจได้ไม่น้อย นางไม่เคยเห็นความโหดเหี้ยมของหนานกงซูในจวนมาก่อนเลย กับเรื่องเช่นนี้ หลินซื่อลองถามตัวเองก็ได้คำตอบว่าคงทำไม่ได้ หลินซื่อนึกดีใจที่ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยทำให้หนานกงซูขุ่นเคือง เมื่อเอ่ยถึงจวนฉู่กั๋วกงแห่งนี้แล้ว นอกจากหนานกงฮุยที่เข้าหาได้ง่ายแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนมิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน หลินซื่ออดลอบถอนหายใจให้กับชีวิตอันขมขื่นของตัวเองไม่ได้

“หัวแตกหรือ” หนานกงชวี่เลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยว่า “แล้วท่านพ่อว่าอย่างไร”

หลินซื่อกล่าวตอบ “เรือนด้างข้างวุ่นวายมาก ท่านพ่อต้องการจะสั่งสอนเฉียวเย่ว์อู่ แต่เฉียวเฟยเยียนห้ามไว้เจ้าค่ะ”

หนานกงชวี่พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เขายังคงไม่สนใจไยดีใครนอกจากเฉียวเฟยเยียน” ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นหรอก หนานกงไหวมีคุณสมบัติใดจะไปสั่งสอนเฉียวเย่ว์อู่ได้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ต่อให้เฉียวเย่ว์อู่จะตบตีเฉียวเฟยเยียน แต่นั่นย่อมเป็นเรื่องของเฉียวเฟยเยียนกับเฉียวเชียนหนิง เฉียวเฟยเยียนสั่งสอนเฉียวเย่ว์อู่มิได้แล้วก็ยังมีเฉียวเชียนหนิงผู้เป็นพี่ชายสั่งสอนแทน เกี่ยวอันใดกับหนานกงไหว วันนี้ยังโชคดีที่เป็นเฉียวเย่ว์อู่ซึ่งไม่มีฐานะอันใด หากพรุ่งนี้เป็นองค์หญิงหรือจวิ้นจู่มาตบตีเฉียวเฟยเยียน หนานกงไหวก็คงจะดิ้นรนเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยสินะ

หนานกงชวี่ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า “ไป ไปดูกันสักหน่อย”

หลินซื่อเหลือบมองหนานกงชวี่ มิใช่ว่าสามีของนางรำคาญที่เห็นสามแม่ลูกนั่นหรือ ไยจึงอยากไปดูขึ้นมาเล่า หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเย็นชา “ข้าอยากไปดูให้เห็นว่าท่านพ่อสามารถทำเพื่อเฉียวเฟยเยียนได้มากเพียงใด!”หลินซื่อตกใจกลัวตัวสั่น ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกรีบหมุนตัวเดินตามหลังไป

เรือนด้านข้างที่เฉียวเฟยเยียนอาศัยอยู่นั้นวุ่นวายอย่างมาก ทุกคนต่างยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้องของเฉียวเย่ว์อู่ เฉียวเย่ว์อู่พยายามลุกขึ้นทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บ เมื่อยืนขึ้นที่หน้าประตูได้ก็จ้องมองทุกคนอย่างขุ่นเคือง ใบหน้านางดุร้ายเสียจนสาวใช้สองสามคนหวาดกลัวจนอดก้มหน้างุดไม่ได้ ไม่กล้ามองอีก เฉียวเฟยเยียนที่ถูกหนานกงไหวโอบกอดไว้ บนหน้าผากของนางมีบาดแผลปรากฏอยู่ เลือดไหลเป็นทางบนใบหน้าลงมาเปรอะคอเสื้อ เวลานี้ท่าทางทำอันใดไม่ถูก อีกทั้งสีหน้าสิ้นหวังและเจ็บปวดของนาง ทำให้นางช่างดูน่าสงสารไม่น้อย จะบอกว่าเฉียวเฟยเยียนถูกหนานกงไหวกอดไว้ก็ไม่ถูกต้องนัก ต้องบอกว่าเฉียวเฟยเยียนขวางหนานกงไหวไว้จะดีกว่า หากมิใช่เพราะเฉียวเฟยเยียนขวางทางเขาไว้ เกรงว่าหนานกงไหวคงกระโจนเข้าไปขยี้เฉียวเย่ว์อู่ให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น

เฉียวเชียนหนิงมองเหตุการณ์ด้านหน้าด้วยใบหน้าซีดเซียวโดยมิได้เอ่ยอันใด

หนานกงไหวจ้องเฉียวเย่ว์อู่สีหน้าทะมึน ประหนึ่งว่าเส้นเลือดของเฉียวเย่ว์อู่ปูดโปนขึ้น ทั้งที่หนานกงไหวจ้องมองอย่างอาฆาต ทว่านางก็ไม่คิดหลบเลี่ยงสายตาไปเลยกลับเชิดคางขึ้น มองไปยังหนานกงไหว เอ่ยว่า “ท่านรักแม่ข้ามิใช่หรือ แล้วเหตุใดไม่ไปฆ่าหนานกงซูเล่า”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท