หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 381 เมืองเล็กอันแปลกประหลาด

ตอนที่ 381 เมืองเล็กอันแปลกประหลาด

ตอนที่ 381 เมืองเล็กอันแปลกประหลาด
ยังไม่ทันเข้าหลิงโจว ก็รู้สึกได้ถึงความหดหู่และความวุ่นวายหลังหายนะเสียแล้ว ตลอดทางล้วนมีผู้เดือดร้อนเป็นจำนวนไม่น้อย ทว่ารอบๆ จินหลิงนั้นกลับมีน้อยกว่า ส่วนเมืองที่อยู่ติดกับจินหลิงกลับไม่มีเลย ยุคสมัยนี้การส่งข่าวยังไม่ดีนัก จึงไม่น่าแปลกที่จินหลิงจะไม่ได้ข่าวคราว เห็นได้ชัดว่าคงมีผู้สกัดกั้นการอพยพของผู้เดือดร้อนไว้

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าก็คือสถานที่นี้ยังอยู่ในส่วนต้นของคันกั้นน้ำ ยากจะจินตนาการว่าราษฎรในหลิงโจวจะใช้ชีวิตเช่นไร คำพูดของลิ่นฉังเฟิงที่ว่าอาจเกิดเหตุการณ์วุ่นวายนั้นคงมิใช่แค่คำเตือนเสียแล้ว

ทันทีที่ก้าวเข้ามาในหลิงโจว ฝังและเวยก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาคือคนที่ลิ่นฉังเฟิงส่งมาดูแลช่วยเหลือ หลังจากที่คุณชายฉังเฟิงเข้าดูแลกิจการของหนานกงมั่ว เขาก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่นาน ทว่าสินเจ้าสาวของคุณหนูใหญ่หนานกงก็ได้กระจายไปทั่วเจียงหนาน ดังนั้นจะไม่ยากอันใดที่จะส่งทั้งสองมาช่วย

“คารวะจวิ้นจู่ คารวะซื่อจื่อ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยถาม “สืบได้เรื่องอย่างไรบ้าง”

ฝังผู้มีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอมีสีหน้าไม่ค่อยดี เขายื่นม้วนกระดาษหนาส่งให้ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นามของผู้ว่าการหลิงโจวคือตานซิน รับตำแหน่งผู้ว่าการหลิงโจวเมื่อสองปีก่อน จากนั้นก็โลภมาก ในเวลาเพียงสองปีเขามีเงินมากกว่าแสนตำลึง นอกจากนี้ยังมีเรือนพำนักและร้านค้าอีกเจ็ดแปดแห่งในหลิงโจวด้วย ทั้งหมดล้วนมอบให้เจ้าหน้าที่และพ่อค้าผู้มั่งคั่งภายใต้การปกครองของหลิงโจว พวกพ่อค้านั้นไม่เท่าใด ทว่าเจ้าหน้าที่ราชการนั้นย่อมรู้ดีว่าเป็นของที่ขูดรีดมาจากราษฎรทั้งสิ้น ดังนั้น…แม้หลิงโจวจะตั้งอยู่ในดินแดนอันอุดมสมบูรณ์เช่นเจียงหนาน แต่ก็มีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองยากแค้นในเจียงหนานด้วย”

หนานกงมั่วพลิกดูแล้วจึงเอ่ยเย้ยหยันว่า “เป็นผู้ว่าการสองปี มีเงินแสนตำลึง หากเป็นเรื่องจริง เมื่อเทียบกับขุนนางของเมืองที่อยู่ห่างไกลจากฮ่องเต้แล้ว ขุนนางในเมืองหลวงนับว่าลำบากไม่น้อย”

ยิ่งกว่าไม่เป็นธรรม จักรพรรดิหงกวงยังไม่ทำถึงเพียงนี้ คดโกงไม่ได้ วันหยุดไม่มี มีความเสี่ยงที่จะถูกตัดหัวได้ทุกที่ทุกยาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีขุนนางกี่คนที่ถูกฮ่องเต้สั่งประหารเกรงว่าพระองค์เองก็คงจำไม่ได้ ดังนั้นสำหรับขุนนางในจินหลิงแล้ว ความสุขสบายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคงเป็น…การมีชีวิตรอด

เมื่อเทียบกันแล้ว ขุนนางท้องถิ่นนั้นสบายกว่ามาก แม้ฝ่าบาทจะทรงปราบปรามขุนนางทุจริตอย่างรุนแรง และถึงขั้นสังหารคนหนึ่งเพื่อเป็นตัวอย่างแก่คนอื่น ให้เห็นถึง ‘วิธีทรมานขุนนางทุจริตหนึ่งร้อยวิธี’ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่จิตใจคนละโมภ การทุจริตย่อมไม่มีวันจบสิ้น ฮ่องเต้และสวรรค์นั้นอยู่ห่างไกล แม้จะมีผู้ตรวจการตำแหน่งอื่นใดก็ตาม อย่างไรก็ยังมีวิธีคดโกงได้เสมอ หากคดโกงมิได้ก็ใช้วิธีชักจูงเพื่อเอาชนะ หากชักจูงไม่ได้ก็เพียงสังหารทิ้งไป พญามังกรจะข่มงูเจ้าถิ่นไม่ได้หรือ อย่างไรแล้วก็ย่อมจัดการคนพวกนั้นได้แน่ สำหรับขุนนางทุจริตที่ถูกผู้ตรวจการตัดหัวทิ้ง ก็เป็นเพราะความโชคร้ายของพวกเขาเอง

เว่ยจวินมั่วเหลือบมองกระดาษในมือของเขาแล้วคืนกลับไปให้ฝัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปบอกผู้ว่าการหลิงโจว รีบเปิดคลังเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทันที หากข้าไปถึงหลิงโจวแล้วเห็นว่าในเมืองยังวุ่นวายโกลาหลอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่แล้ว”

ฝังชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ย “ซื่อจื่อ นี่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่”

เว่ยจวินมั่วมองเขาอย่างเย็นชา ฝังย่นคอแล้วเอ่ยตอบ “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะสั่งให้คนจับตาดูเขาไว้” หากผู้ว่าการหลิงโจวซื่อสัตย์ล่ะก็ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกสักสองสามวัน ทว่าหากยังอยากทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เกรงว่าคงจะเคราะห์ร้ายไม่เบา

ฝังและเวยไปมาอย่างรวดเร็ว ส่งสองคนนั้นแล้ว หนานกงมั่วก็ออกจากทางหลักแล้วเปลี่ยนเส้นทาง ความสามารถปิดข่าวที่รัดกุมเช่นนี้ย่อมมิใช่สิ่งที่ผู้ว่าการหลิงโจวทำเพียงลำพังแน่นอน ไม่ว่าเซียวเชียนเยี่ยจะเสแสร้งและต้องการทำสิ่งใดอย่างลับๆ หรือว่าคนในบังคับบัญชาบังอาจต่อหน้าทำอย่างลับหลังทำอย่าง หรือมีใครแอบลอบวางแผนอยู่ก็ยังไม่อาจรู้ได้ แต่ทั้งหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วรู้ดีว่าเรื่องราวภายในที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปหลิงโจวครั้งนี้ซับซ้อนยิ่งนัก

หนานกงมั่วถอนหายใจอย่างปวดหัวเล็กน้อย มองไปยังเว่ยจวินมั่วแล้วเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ข้าก็อยากจะสังหารตานซินผู้นั้น!” เพื่อความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของตนเอง ผู้ที่ทำให้หลิงโจวต้องมีสภาพเช่นนี้ คนผู้นั้นสมควรตายแล้ว เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นลูบผมนาง เอ่ยเบาๆ “แล้วแต่เจ้า” หนานกงมั่วอดยิ้มไม่ได้ เอ่ย “แล้วแต่ข้าจริงหรือ”

เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว ราวกับกำลังถามว่า มีปัญหาอันใดหรือ

หนานกงมั่วยิ้มร่าแล้วจึงเอ่ยว่า “ไม่ว่าข้าอยากสังหารผู้ใดก็ได้อย่างนั้นหรือ”

เว่ยซื่อจื่อเงียบไม่เอ่ยอันใด ทว่าเห็นได้ว่ายังมีความลังเลในสายตาของนาง แม่นางหนานกงรู้สึกไม่สบายใจในทันใด “ท่านหมายความว่าอย่างไร” แม้ว่านางจะไม่ได้ต้องการสังหารใครไปทั่วจริงๆ ทว่าในฐานะสามีแล้วก็แกล้งยอมนางไปมิได้หรือ เว่ยจวินมั่วกล่าว “เสด็จแม่และเสด็จลุงไม่ได้ ส่วนคนอื่นตามใจเจ้า”

หนานกงมั่วตะลึงอยู่ชั่วครู่ง จากนั้นจึงหันกลับมาแล้วกระโจนเข้าสู่อ้อมอกของเขา เว่ยซื่อจื่อโอบประคองนางไว้ในอ้อมแขนไม่ให้นางล้ม

“เว่ยจวินมั่ว ท่านช่างดียิ่ง หากข้าอยากฆ่าใครสักคน ท่านจะช่วยข้าหรือไม่” เมื่อคิดดูแล้ว หนานกงมั่วก็พูดต่อว่า “ยกเว้นเสด็จแม่และเสด็จลุง”

“ตกลง เจ้าต้องการจะฆ่าใครหรือ” เว่ยจวินมั่วพยักหน้าแล้วเอ่ยถามว่า “หนานกงไหวหรือ หากกลับไปแล้วข้าจะสั่งคนไปจัดการ” การสังหารหนานกงไหวไม่จำเป็นต้องถึงมือเว่ยซื่อจื่อหรอก

“…” ข้าก็เพียงถามดูเท่านั้น

แล้วพวกเจ้าเอ่ยถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จำเป็นต้องโหดร้ายทารุณเช่นนี้เลยหรือ

ในวันนี้ทั้งสองเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ ที่มีนามว่าชิงสุ่ย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลิงโจวไม่ถึงร้อยลี้ ทันทีที่เข้าไปในเมืองก็พบว่าถนนหนทางว่างเปล่า นานๆ ครั้งจะเห็นคนเดินอยู่บนถนน แต่ละคนดูท่าทางหมดอาลัยราวกับศพเดินได้ พวกหนานกงมั่วทั้งสองทิ้งม้าไว้แล้วเดินเข้าไปในเมืองโดยสวมเสื้อผ้าที่ดูธรรมดา ทว่าทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้ คนเหล่านั้นทำราวกับพบเข้ากับตัวซวยเข้า มีท่าทีตื่นตระหนกและรีบหนีจากไป

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัย เมืองเล็กๆ แห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองหลิงโจว แต่กลับไม่มีเหตุชิงทรัพย์หลังอุทกภัย ดังนั้นจึงน่าแปลกใจที่เมืองเงียบสงบเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่มีคนจรจัดเร่ร่อน แม้แต่ชาวเมืองก็ยังมีน้อยกว่าที่ควรเป็น

“คืนนี้ค้างที่นี่ แล้วค่อยไปหลิงโจวพรุ่งนี้” หนานกงมั่วมองเว่ยจวินมั่วแล้วเอ่ย เว่ยจวินมั่วพยักหน้ารับโดยไม่เอ่ยอันใด

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่ดูไม่โดดเด่นข้างทาง ดูเหมือนถนนเส้นนี้จะมีโรงเตี๊ยมแห่งนี้แห่งเดียวที่เปิดอยู่ ออกมาข้างนอกย่อมเรื่องอันใดมากไม่ได้

เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่แคบและเก่า เจ้าของโรงเตี๊ยมอายุราวห้าสิบปีรูปร่างซูบผอมก็เดินมาต้อนรับ มองดูพวกเขาด้วยสายตาตื่นกลัวเล็กน้อย “แขกทั้งสองท่านจะพักที่นี่หรือขอรับ”

หนานกงมั่วพยักหน้าแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ห้องใหญ่หนึ่งห้อง”

เจ้าของโรงเตี๊ยมยิ้มแห้งแล้วเอ่ย “ที่เล็กเช่นเราจะไปมีห้องใหญ่ได้อย่างไรขอรับ เป็นเพียงที่พักสำหรับคนที่เดินทางผ่านไปมาเท่านั้น” หนานกงมั่วกล่าว “ไม่เป็นไร เอาห้องหนึ่ง”

“ขอรับ ข้าน้อยจะนำท่านทั้งสองไปที่ห้อง” เจ้าของโรงเตี๊ยมพยักหน้ารับ หนานกงมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เจ้าของโรงเตี๊ยมผู้นี้มีอายุไม่น้อยแล้ว และดูเหมือนสุขภาพก็ไม่ค่อยดีนัก ทว่าในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ อย่าว่าแต่เสี่ยวเอ้อร์เลย แม้แต่คนในครอบครัวคอยช่วยสักคนก็ยังไม่มี ราวกับว่าทั้งโรงเตี๊ยมจะมีเพียงเจ้าของผู้อาวุโสผู้นี้เท่านั้น หนานกงมั่วจำได้ว่าตอนที่ก้าวเข้ามาในเมืองนี้…หรือแถบที่เข้าใกล้หลิงโจว พวกเขาแทบไม่เห็นชายวัยกลางคนเลยด้วยซ้ำ

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน