ตอนที่ 388 ฮ่องเต้ โหว แม่ทัพ เป็นมาเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นหรือ (2)
เพราะเหตุการณ์เร่งด่วน ไม่มีเวลามากมายให้พวกเขาได้โอ้เอ้ ครึ่งชั่วยามต่อมาเว่ยจวินมั่วก็ออกจากเมืองหลิงโจวไปผู้เดียว มอบลิ่นฉังเฟิงและคนของวังจื่อเซียวไว้ในมือหนานกงมั่ว ขณะลิ่นฉังเฟิงออกไปสืบข่าว หนานกงมั่วก็เปลี่ยนชุดเป็นบุรุษลงมานั่งฟังผู้คนพูดคุยกันอยู่ในโถงด้านล่างของโรงเตี๊ยม
เพราะเป็นการก่อจลาจลกะทันหัน ผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ในเมืองหลิงโจวจึงมีไม่น้อย กว่าครึ่งในนั้นเป็นพ่อค้าที่สัญจรผ่านไปมา เมื่อเดินทางผ่านมายังหลิงโจวตรงกับเวลาที่แม่ทัพอู่เต๋อปิดทั่วทั้งหลิงโจว ผู้ที่ติดอยู่ที่นี่นั้นกินเวลานานเกินสองเดือนไปแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงวุ่นวายใจอยู่บ้าง ทว่าเมื่อมองเห็นทหารถืออาวุธอยู่บนหอสูงพวกนั้นจึงไม่มีใครกล้าทำอันใด อย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา ต่อให้เก่งกาจเพียงใดก็ไม่อาจต่อสู้กับทหารที่มีอาวุธครบมือได้ ดังนั้นจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย เมืองหลิงโจวในยามนี้นอกจากกำลังทหารแล้วสิ่งใดก็ไม่มีประโยชน์
ทั้งสองนั่งอยู่มุมหนึ่งของโรงเตี๊ยมทว่าไม่เป็นที่สะดุดตาของใคร หลายวันมานี้พวกเขาถูกบีบบังคับให้อาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้แม้แต่จะออกไปเดินถนนยังอกสั่นขวัญแขวน แน่นอนไม่มีใครคิดว่างมายุ่งกับคนแปลกหน้า อย่างมากก็เพียงแปลกใจที่เวลาเช่นนี้ยังมีคนมุ่งหน้ามายังหลิงโจวก็เท่านั้น
“นี่มันเรื่องอันใดกัน พวกเราทำการค้ากันดีๆ ไปล่วงเกินใครเข้างั้นหรือ คนพวกนั้นอยู่ไม่ได้จะสังหารข้าราชการแล้วอย่างไร ดูท่าทางตอนนี้แล้วเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆ ได้เลย” ด้านข้างห่างออกไปไม่ไกลมีคนอดไม่ได้เอ่ยบ่นเสียงเบา
คนที่นั่งโต๊ะเดียวกันถอนหายใจ “อยู่ไม่ได้เช่นไรกัน แม่ทัพอู่เต๋อผู้นั้น…หึหึ…”
“อ้อ พี่จัวรู้จักแม่ทัพอู่เต๋อผู้นั้นหรือ ไม่ใช่บอกว่าแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้เป็นชาวเมืองแถบลุ่มแม่น้ำผู้ได้รับความเดือดร้อนหนักสุดหรอกหรือ เมื่ออยู่ไม่ได้จริงๆ จึงได้พาผู้คนมาปล้นอาหารกับทางการไม่ใช่หรือ”
คนผู้นั้นแสยะยิ้มเย็น หันมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ชาวเมืองที่เดือดร้อนอย่างนั้นหรือ ข้าไม่สนิทกับเขาหรอก แต่เคยเจออยู่หนหนึ่ง บ้านเดิมของเขาประสบความยากลำบากนั่นไม่ผิดแต่เขานั้นมิได้ลำบากอันใดหรอก เจ้าเคยเห็นคนที่เปิดสำนักคุ้มภัยเจ็ดแปดแห่งจะอยู่ไม่ได้เพราะน้ำท่วมเพียงครั้งเดียวหรือ”
“สำนักคุ้มภัยหรือ”
“ถูกแล้ว แม่ทัพอู่เต๋อผู้นั้นข้าเคยเจอหน้าเขาอยู่หนหนึ่ง เขาเป็นหัวหน้าสำนักคุ้มภัยหงหยวน เมื่อก่อนร้านของเราเคยจ้างเขามาคุ้มกันด้วย”
ชายผู้นั้นจึงนึกขึ้นมาได้ เอ่ย “สำนักคุ้มภัยหงหยวนอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น…สำนักคุ้มภัยหงหยวนนี้ในเจียงหนานก็มีอยู่แปดแห่งจริงๆ ครั้งนี้ที่ถูกน้ำท่วมจริงๆ ก็คงจะมีเพียงหนึ่งถึงสองแห่ง…” ยิ่งไปกว่านั้น สำนักคุ้มภัยจะสูญเสียอะไรมากมายได้เล่า สินค้าล้วนเป็นของคนอื่น ค่ามัดจำก็จ่ายล่วงหน้าไปกว่าครึ่ง นอกจากนั้นภัยธรรมชาติเช่นนี้ต่อให้สินค้าเกิดความเสียหาย สำนักคุ้มภัยก็ไม่ต้องชดใช้นี่นา ต่อให้ต้องชดใช้ ตอนนี้ใครจะมีเวลาว่างไปหาเขา
“จริงๆ เลย…แล้วมันเพราะอันใดกันเล่า” ชายผู้นั้นถอนหายใจ ไม่ว่าแม่ทัพอู่เต๋อจะทำไปเพื่อสิ่งใด คนที่ซวยก็คือพวกเขาที่ไม่เกี่ยวข้อง
“จะเพราะอันใดได้อีกเล่า ประโยคนั่นกล่าวเช่นไรนะ…ฮ่องเต้ โหว แม่ทัพ เป็นมาเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นมาจากครอบครัวทุกข์ยากแม้ข้าวก็ไม่มีจะกินยังกลายมาเป็นฮ่องเต้แห่งประเทศได้ แน่นอนว่าทำให้บรรดาวีรบุรุษและคนบ้าทั้งหลายเองก็เกิดความฝันลมๆ แล้งๆ เพียงไม่รู้ว่าแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้จัดอยู่ในประเภทใด
เอ่ยมาถึงตรงนี้ ทั้งสองจึงมองสบตากันพร้อมส่ายหน้าแล้วไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก หากพูดต่อไปถูกคนได้ยินเข้าคงมิใช่เรื่องดี
ทั้งสองกลับไม่รู้ แม้พวกเขาจะกดเสียงให้เบาลงเพียงใด แต่สองคนที่นั่งอยู่ห่างจากพวกเขากลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
หนานกงมั่วโคลงถ้วยชาในมือเล่น มุมปากกระตุกยิ้มเย็น
ฮ่องเต้ โหว แม่ทัพ เป็นมาเพราะชาติกำเนิดอย่างนั้นหรือ ประโยคนี้กล่าวไม่ผิด แต่หากทุกคนคิดเช่นนี้แผ่นดินนี้จะมีวันสงบได้หรือ วันนี้เจ้ายกกำลังพล พรุ่งนี้ข้าก่อกบฏ ความทะเยอทะยานเป็นของวีรบุรุษทั้งหลาย ทว่าผู้ที่ทุกข์ทนจริงๆ นั้นกลับเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้อง
ลุกขึ้นมาได้ หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเข้ม “เวย เราไปกันเถิด”
“ขอรับ คุณชาย” เวยถือดาบลุกขึ้น เดินตามหนานกงมั่วอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีนอบน้อม เจ้านายลูกน้องเดินตามกันออกนอกโรงเตี๊ยมไป
บรรยากาศบนท้องถนนด้านนอกไม่ดีนัก ทหารอาวุธครบมือเดินไปมาขวักไขว่ แม้ว่าหลิงโจวจะเป็นเมืองใหญ่ทว่าบนท้องถนนกลับไร้ซึ่งผู้คนมากมายดังที่ควร ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างเดินอย่างรีบเร่ง แต่ละคนใบหน้าผอมโซด้วยความหิว เวยเก็บดาบที่ไม่เคยห่างกาย เดินตามหลังหนานกงมั่ว เอ่ยขึ้นเสียงเบา “แม้เมืองหลิงโจวจะไม่จำกัดคนเข้าออก ทว่าทั่วทั้งเมืองหลิงโจวกลับเข้ามาและไม่สามารถออกไปได้ ดังนั้นผู้คนจำนวนมากจึงติดอยู่ในเมืองหลิงโจว หลิงโจวพึ่งประสบภัยน้ำท่วม อาหารในเมืองนั้นไม่เพียงพอ แม่ทัพอู่เต๋อยังเก็บอาหารจากในเมืองไปเป็นอาหารสำหรับกองกำลังอีก ดังนั้นชาวเมืองที่อยู่ในเมืองจึงเริ่มอดอยากแล้วขอรับ”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ย “เช่นนั้นแล้วโรงเตี๊ยมเล่า” พวกเขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยม ไม่รู้สึกว่าพวกเขาจะมีปัญหาขาดอาหาร ไม่ว่าจะสั่งอาหารชนิดใดผู้จัดการก็พร้อมที่จะยกอาหารมาเต็มที่
เวยเอ่ย “ยามนี้โรงเตี๊ยมเองก็อยู่ภายใต้การควบคุมของแม่ทัพอู่เต๋อขอรับ อาหารในโรงเตี๊ยมราคาสูงกว่าเดิมกว่าสิบเท่า” คนที่สามารถอยู่โรงเตี๊ยมแบบนั้นได้แน่นอนว่าไม่ขาดเงิน ต่อให้ราคาสูงเป็นสิบเท่าพวกเขาก็ยังต้องกิน ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้ คงไม่ยอมให้ตนเองต้องหิวตายหรอกใช่หรือไม่
หนานกงมั่วพยักหน้า เริ่มเข้าใจวิธีการของแม่ทัพอู่เต๋อ เพียงเปลี่ยนวิธีดูดเงินจากบรรดาพ่อค้าที่ติดอยู่ในหลิงโจว จากนั้นซื้ออาหารจากที่อื่นมาเพิ่มราคาที่พวกเขา รวมไปถึงขายให้ประชาชนในเมืองหลิงโจวด้วย เกรงว่าราคาอาหารในเมืองหลิงโจวจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเพียงสิบเท่าเท่านั้น เป็นเช่นนี้นี่เอง
แม้ช่วงเวลานี้จะน่าสงสัยว่าแม่ทัพอู่เต๋อเก็บสะสมทรัพย์สินไว้มากเพียงใด แต่ไม่นาน…เศษฐกิจของหลิงโจวต้องพังทลายเป็นแน่ รอจนประชาชนไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ได้ คงไม่สนว่าเจ้าเป็นกองทัพของราชสำนักหรือกองทัพของกบฏแล้ว
“เจ้าโง่นี่”
เวยเดินตามนายน้อยตรงหน้าไปเงียบๆ รอฟังคำสั่งจากนาง เขามีนิสัยเคร่งขรึมพูดน้อย และมิใช่คนเจ้าแผนการ ดังนั้นปัญหาพวกนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปครุ่นคิด รอรับคำสั่งจากฮูหยิน เขาไปจัดการก็เพียงพอแล้ว
หนานกงมั่วขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ไปพบแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้กันสักหน่อยเถิด”
“คุณชาย” เวยขมวดคิ้ว ไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ พวกเขาไม่รู้จักแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้ แม้บอกว่าเป็นเพียงหัวหน้าสำนักคุ้มภัยไม่มีสิ่งใดน่ากลัว ทว่าก็ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของเขามีใครหนุนอยู่หรือไม่ หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “วางใจเป็นพอ ต่อให้เบื้องหลังเขามีผู้ใด ข้าก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร หากเป็นเขาจริงๆ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่าข้ามาถึงหลิงโจวแล้ว เจอไม่เจอก็ไม่แตกต่างอันใด”
“ขอรับ คุณชาย” ได้ยินที่นางเอ่ย เวยจึงไม่ต่อต้าน พยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ข้าน้อยจะไปจัดการให้ขอรับ”
จวนแม่ทัพอู่เต๋อก็คือหยาเหมิน[1]เดิมของนายอำเภอเมืองหลิงโจว ตานซินผู้นี้ช่างรู้จักเสพสุข ตกแต่งหยาเหมินราวกับที่พักของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในเมืองหลวง หน้าประตูจวนแม่ทัพมีนายทหารสองคนถือดาบยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามาใกล้จึงรีบชักดาบออกมาพร้อมเผชิญหน้า “ใคร”
————————–
[1] หยาเหมิน ที่ว่าการท้องถิ่นที่ว่าการโดยผู้ปกครองสูงสุดในท้องถิ่นนั้นๆ