ตอนที่ 398 พบกับกงอวี้เฉินอีกครั้ง (1)
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย “ไม่ว่าเยี่ยงไร รีบจัดการความวุ่นวายครั้งนี้ให้จบโดยไว เสบียงอาหารที่ข้าให้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือไม่”
ฝังพยักหน้า “ตอนนี้เสบียงอาหารในมือที่รวบรวมมาได้มีเพียงสองแสนหาบ น้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ แต่ใกล้มาถึงรอบนอกของหลิงโจวแล้ว ขอเพียงสงครามสงบลงก็สามารถขนเสบียงเข้ามาได้ นอกจากนี้สถานการณ์ในตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลง การป้องกันของเชาอู่ไม่อาจขวางชาวเมืองให้เดินทางไปยังจินหลิงได้แล้วขอรับ”
“ดีมาก ไม่ต้องไปขวางพวกเขา” หนานกงมั่วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ฝังลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ย “แต่ว่า ฝ่าบาท…” แม้เขาจะเป็นคนในยุทธภพ แต่เมื่อมาติดตามคุณชายและฮูหยินจึงรู้เรื่องในราชสำนักอยู่ไม่น้อย ฝ่าบาทต้องการปกป้องหวงจั่งซุน คงไม่ต้องการให้ประชาชนไปป่าวประกาศเรื่องนี้ต่อผู้คน หากปล่อยให้ผู้ประสบภัยเดินทางไปถึงจินหลิง คิดว่าฝ่าบาทเองคงไม่พอใจเป็นแน่
หนานกงมั่วยิ้มเย็น “เจ้าคิดว่าตอนนี้ยังสามารถปิดบังเรื่องนี้ได้อยู่อีกหรือ ปิดหูปิดตาไม่ใช่นิสัยที่ดี ใช่ว่าฝ่าบาทจะคิดไม่ได้”
“ขอรับ” ฝังพยักหน้า เอ่ย “นอกจากนี้ ซื่อจื่อยังส่งข่าวมาด้วยขอรับ ซื่อจื่อบอกว่า อย่างมากสิบวันก็มาถึงหลิงโจว ให้จวิ้นจู่รออยู่ที่นี่ขอรับ” มาถึงหลิงโจวในความหมายของเว่ยจวินมั่ว แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับกองทัพ หนานกงมั่วพยักหน้า ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เช่นนั้นตอนนี้…สิ่งที่เราต้องเตรียมคือการจัดการหลังจากความวุ่นวายนี้สงบลง อย่างไรเสีย…พวกเรามาเพื่อตรวจสอบตานซินและบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัย ไม่ได้มาเพื่อปราบกบฏ”
“ข้าน้อยเข้าใจขอรับ” ฝังเอ่ย
หนานกงมั่วเอ่ย “อย่าลืมรวบรวมรายการใช้จ่ายของเราให้เรียบร้อย กลับไปข้าจะไปถามเอาเงินจากฝ่าบาท”
ฝังอดยิ้มไม่ได้ เอ่ย “ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ” จัดการรายการใช้จ่ายคงมิใช่เพียงเรื่องตัวเลขง่ายๆ ยังต้องจัดการที่มาที่ไปของเสบียงอาหารให้ชัดเจนก่อนที่จะไปคิดเงินจากราชสำนัก เรื่องนี้หากเกิดความผิดพลาดเกรงว่าคงต้องสูญเสียทั้งสองอย่างในคราเดียวแล้ว
ชวีเหลียนซิงยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างได้ยินทุกอย่างที่หนานกงมั่วสั่งการ รู้สึกสงสัยตัวตนของหนานกงมั่วและฝัง ใบหน้ากลับไม่แสดงความรู้สึกออกมาให้เห็น รอจนพูดคุยจบเรื่องแล้ว ฝังจึงเหลือบมองชวีเหลียนซิง ฝังเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “จวิ้นจู่ แม่นางผู้นี้คือ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่คือชวีเหลียนซิง ฝัง ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยฝึกยอดฝีมือใช่หรือไม่”
ก่อนหน้านี้ที่บอกให้ลิ่นฉังเฟิงรับลูกศิษย์นั้นเพียงล้อเล่น อย่างไรคุณชายฉังเฟิงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสำนักของวังจื่อเซียว หากชวีเหลียนซิงเป็นลูกศิษย์ของเขาจริงๆ เช่นนั้นแล้วสถานะของนางในวังจื่อเซียวก็คงไม่ธรรมดา บางทีตำแหน่งสูงทว่าไม่มีความสามารถคู่ควร นั่นย่อมมิใช่การปกป้องชวีเหลียนซิงแต่เป็นการทำร้ายนาง นักฆ่าส่วนใหญ่ในวังจื่อเซียวนั้นหัวแข็งไม่เชื่อฟัง พวกเขายอมรับในเว่ยจวินมั่วเพราะเว่ยจวินมั่วมีฝีมือเหนือชั้นกว่าพวกเขาอยู่มาก แต่หากเป็นชวีเหลียนซิง คงถูกจัดการจนไม่เหลือชิ้นดีในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ฝังเลิกคิ้ว มองสำรวจชวีเหลียนซิงอีกรอบ เอ่ย “ได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากจวิ้นจู่ คิดว่าคงต้องมีสิ่งที่พิเศษกว่าผู้อื่น เพียงแต่จวิ้นจู่…แม่นางชวีผู้นี้จะ…” ใช่ว่าวังจื่อเซียวจะไม่มีนักฆ่าหญิงแต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในยุทธภพ หาได้ยากที่คนเดินถนนธรรมดาอย่างชวีเหลียนซิงจะมาเข้าร่วมด้วย
ไม่รอให้หนานกงมั่วเอ่ยสิ่งใด ชวีเหลียนซิงก้าวเดินออกมาหนึ่งก้าว คุกเข่าลงตรงหน้า “ขอผู้บัญชาการฝังได้โปรดรับชวีเหลียนซิงเอาไว้ด้วยเจ้าค่ะ”
มองใบหน้าสวยที่เผยความหนักแน่นออกมา ฝังจึงไหวไหล่ เอ่ย “ในเมื่อจวิ้นจู่เอ่ยปาก ข้าก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่…ข้าไม่มีความปรานีหรอกหนา หากเกิดอันใดขึ้นมา…” เวยที่อยู่ในวังจื่อเซียวเองชวีเหลียนซิงก็เคยเจอมาแล้วสองครั้ง เมื่อเทียบกับเวยที่ดูเย็นชาแล้ว ฝังจึงดูเป็นมิตรมากกว่า แต่ชวีเหลียนซิงนั้นมิใช่กุลสตรีที่ประตูใหญ่ไม่ออกประตูหน้าไม่เหยียบย่าง เพียงมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าฝังผู้มีรอยยิ้มร่าเริงไม่เหมือนจอมยุทธ์ในยุทธภพผู้นี้ เกรงว่าคงไร้ความปรานีเสียยิ่งกว่าเวยที่ดูเย็นชาเสียอีก
“ชวีเหลียนซิงแม้ตายก็ไม่เสียดาย ขอบคุณผู้บัญชาการฝัง” ชวีเหลียนซิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ หันกลับมามองหนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้าง หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากเรื่องราวครั้งนี้จบลงแล้วเจ้าก็ไปกับฝังเถิด หากไม่จบการฝึกฝนก็ไม่ต้องมาพบข้า”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่” ชวีเหลียนซิงเอ่ยตอบ ดวงตาคู่สวยสว่างไสวขึ้นมา
ในห้องส่วนหลังของโรงเตี๊ยม หนานกงมั่วกำลังนั่งอยู่กับกองแผ่นพับและจับพู่กันเขียนอย่างรวดเร็ว ยามนี้หลิงโจวกำลังวุ่นวายกองทัพยิ่งใหญ่ของราชสำนักกำลังมุ่งหน้าตรงมายังหลิงโจว ทหารของราชสำนักที่เดิมเข้าร่วมกับเชาอู่หรือแม้แต่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาก็เริ่มต่อต้าน บางคนถึงขั้นทรยศหักหลัง หนึ่งในนั้นแน่นอนว่าเป็นความดีความชอบของฝังและลิ่นฉังเฟิงที่เที่ยววิ่งไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เมื่อวานในที่สุดกองทัพของเชาอู่ก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหว เชาอู่นำทัพทหารออกจากหลิงโจวไปต่อต้านทหารของราชสำนักด้วยตนเอง
“จวิ้นจู่” ชวีเหลียนซิงในชุดสีขาวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงไม่กี่วันหญิงสาวบอบบางก็เริ่มที่จะองอาจผึ่งผายขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ชวีเหลียนซิงนั้นดูเยือกเย็นดังเช่นชุดสีขาวที่นางสวมใส่ เกรงว่าเมื่อนางเดินผ่านต่อให้เป็นคนคุ้นเคยก็อาจจะจำไม่ได้ว่านางคือชวีเหลียนซิง หญิงสาวผู้มีความสามารถเป็นที่เลื่องลือในหลิงโจว
หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมา “มีเรื่องอันใดหรือ”
ชวีเหลียนซิงยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้หนานกงมั่วด้วยสองมือ “ผู้บัญชาการฝังให้คนส่งมาให้เมื่อครู่เจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วเปิดอ่านเนื้อหาด้านใน มุมปากยกยิ้มขึ้น “ฝังฝากบอกอะไรอีกหรือไม่” ชวีเหลียนซิงเอ่ยตอบ “คนที่มาส่งจดหมายบอกว่ากองกำลังของเชาอู่เริ่มล่าถอยแล้ว เกรงว่าจะกลายเป็นสุนัขจนตรอก สองวันนี้โปรดระวังตัวด้วยเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วพยักหน้า “พวกเราไม่เป็นอันใดหรอก คนที่รู้ว่าข้าอยู่ที่หลิงโจวก็มีไม่มาก ดูเหมือนว่า…คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของสองวันนี้แล้วล่ะ”
“เจ้าค่ะ” ชวีเหลียนซิงเอ่ย “รอความวุ่นวายสงบลง ทุกอย่างจะดีขึ้นเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วส่ายหน้าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ก้มหน้าลงไปมองจดหมายในมือ เกรงว่าเมื่อทุกอย่างสงบลง นั่นต่างหากจึงจะเป็นความวุ่นวายที่แท้จริง จดหมายที่ฝังส่งมามีจดหมายตอบกลับของฮ่องเต้ส่งมาด้วย แม้จะยินยอมต่อข้อเสนอของนางในการให้อภัยทหารที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าร่วมกับเชาอู่แล้ว ซึ่งดูเหมือนจะไม่เลว แต่ก็เห็นได้ว่าฝ่าบาทผู้ที่ในสายตาไม่แม้จะให้อภัยผู้ใดนั้นมิได้พอใจเท่าใดนัก ที่สำคัญก็คือยังมีข่าวอย่างอื่นอีกด้วย แม้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้คนนำเสบียงอาหารส่งมา แต่ขณะเดียวกันก็ส่งตัววุ่นวายมาด้วย
สองมือพับจดหมายกลับคืน หนานกงมั่วลุกขึ้น “ไปกันเถิด พวกเราออกนอกเมืองไปดูสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่” ชวีเหลียนซิงเดินตามหลังหนานกงมั่วพลางเอ่ย “เมื่อครู่ได้รับข่าวจากคุณชายฉังเฟิง ห่างออกไปจากหลิงโจวประมาณยี่สิบลี้มีเขาฝูวั่งอยู่ บนเขาถูกกลุ่มโจรยึดครองไว้ ก่อนหน้านี้เชาอู่สนใจเพียงจะจัดการกับทหารของราชสำนักจึงมิได้สนใจพวกเขา และยังมีการติดต่อกับคนเหล่านี้อยู่บ้าง หากซื่อจื่อและกองทัพของราชสำนักอยากขยับเข้าใกล้หลิงโจว จะต้องผ่านเขาฝูวั่ง แต่สภาพทางในภูเขานั้นอันตราย เราจึงโจมตีได้เพียงด้านหลังเท่านั้น มิเช่นนั้นกองทัพจะต้องอ้อมผ่านเส้นทางที่อันตรายยิ่งกว่า คุณชายฉังเฟิงบอกว่า…อย่างช้าภายในสองวันจะต้องตีเขาฝูวั่งให้แตก กวาดเส้นทางให้กองทัพ มิเช่นนั้นหากกลุ่มโจรร่วมมือกับเชาอู่ พวกเราอาจยุ่งยาก คุณชายฉังเฟิงได้นำคนไปยังเขาฝูวั่งแล้วเจ้าค่ะ”