ตอนที่ 401 ที่ปรึกษาจอมหลอกลวง (1)
ใบหน้าจิ้นจั๋วแข็งค้าง มือข้างหนึ่งกลับกำพู่ผูกใจในมือแน่นไม่ยอมปล่อย ราวกับยังไม่พอใจ ลิ่นฉังเฟิงจึงเอ่ยขึ้นอีกหนึ่งประโยค “ของดีเช่นนี้หลายคนอยากได้แต่ไม่อาจเอื้อม หัวหน้าจิ้นกลับไม่เห็นคุณค่า จะเป็นการทำร้ายจิตใจของนางหรือไม่”
มองสีหน้าไม่น่ามองของจิ้นจั๋ว หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ของชั้นสูง คนที่มีของสิ่งนี้ได้นั้นมีไม่มาก อีกทั้งหยกชิ้นนี้…แม้จะตามสืบได้ยากว่ามันถูกแยกออกมาจากหยกชิ้นไหน เพียงแต่ ในราชสำนักนั้นมีคนว่างงานล้นหลาม ช่วยพวกเขาให้มีสิ่งใดทำบ้างก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี นอกจากนี้…สตรีที่มีความแค้นกับข้า เหมือนจะมีไม่มาก”
ลิ่นฉังเฟิงสะบัดเปิดพัดในมือของตนพร้อมสะบัดพัดเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เพียงไม่มาก นับไปนับมานั้นก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มีความสามารถอีกทั้งยังติดต่อกับหัวหน้าจิ้นนั้นยิ่งน้อยลงไปอีก”
จิ้นจั๋วส่งเสียงในลำคอ ขัดทั้งสองคนที่เอ่ยรับกันไปมา เอ่ย “จวิ้นจู่และคุณชายฉังเฟิงช่างมีสายตาเฉียบคม”
หนานกงมั่วเอ่ย “หัวหน้าจิ้นชมเกินไปแล้ว ในเมื่อหัวหน้าจิ้นไม่มีความสนใจต่อเงินทองและอำนาจ เห็นได้ชัดว่าเดินคนละเส้นทางกับเชาอู่ ในใจนั้นยังมีสองใจที่พันผูก มีคำกล่าวว่าบุรุษมักตายเพราะหญิงงาม เป็นเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร”
จิ้นจั๋วเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจออกมา เอ่ย “มีคนบอกข้าว่าอย่าได้ดูถูกซิงเฉิงจวิ้นจู่ ข้าไม่เชื่อ วันนี้ดูแล้วข้าคงพลาดไปแล้วจริงๆ ช่างเถิด ข้าเองก็ไม่คิดทำให้จวิ้นจู่ต้องลำบาก อย่างไรเสีย…เพลงดาบของคุณชายจื่อเซียว ข้าเองไม่มีความมั่นใจว่าจะรับมือได้”
“หัวหน้าจิ้น นี่ท่านหมายความเยี่ยงไร” ชายแซ่เชาที่ถูกทั้งสามคนละเลยอดไม่ได้เอ่ยขึ้นมาเสียงดัง
หนานกงมั่วย่นคิ้ว “ในเมื่อท่านเชาผู้นี้ไม่รู้มารยาทเลยแม้เพียงนิด เช่นนั้นคงต้องเชิญออกไปเสียก่อน” ถูกเอ่ยขัดอยู่ตลอด ช่างทำลายบรรยากาศการพูดคุยเสียจริง
“ขอรับ/เจ้าค่ะ จวิ้นจู่” ด้านหลัง หลิ่วและฝังเอ่ยตอบรับโดยพร้อมเพรียง ทั้งคู่ก้าวเดินมาด้านหน้า ประชิดตัวซ้ายขวาและควบคุมตัวเขาออกไปด้านนอก ชายผู้นั้นพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่น่าเสียดายถูกควบคุมตัวเอาไว้จึงไม่อาจขยับได้ ทำได้เพียงดิ้นรนและยอมถูกพาตัวออกไป
หนานกงมั่วยิ้มแล้วหันไปมองจิ้นจั๋ว เอ่ย “เช่นนี้…เราถือว่าเข้าใจกันแล้วหรือไม่ หัวหน้าจิ้นคงไม่คิดกลับคำหรอกหนา”
จิ้นจั๋วกำลังจะเอ่ยปาก เสียงคุ้นหูพลันดังขึ้นที่หน้าประตู “พี่จิ้น เอ่ยแล้วไม่เป็นไปตามที่เอ่ยนั่นดูไม่ใช่ท่านเลย”
ร่างสีดำไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อใด ภายใต้หน้ากากที่ดุร้าย ดวงตาร้ายกาจคู่นั้นมองผู้คนด้านในด้วยสายตาเยือกเย็น
มองเห็นกงอวี้เฉินที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน หนานกงมั่วไม่มีความแปลกใจเลยสักนิด เวลาเนิ่นนานเพียงนี้หากไม่เห็นกงอวี้เฉินปรากฏตัวนางถึงจะรู้สึกว่าไม่ปกติ กระทั่งในตอนนี้กงอวี้เฉินปรากฏตัวขึ้นแล้ว หนานกงมั่วเองก็มีความรู้สึก ‘โอ้ มาจริงๆ ด้วย’ ขึ้นมา
“เสี่ยวมั่วเอ๋อร์ เจอกันอีกแล้ว”
หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “เจ้าสำนักกง ไม่ได้เจอกันนาน”
กงอวี้เฉินเดินเข้ามา คล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม กวาดสายตามอง “คุณชายฉังเฟิง เว่ยจวินมั่วไม่อยู่ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า อย่าได้แสดงท่าทีไร้ความสามารถของตนเองออกมาจะดีกว่า”
ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยัน เอ่ยเหยียด “เจ้าสำนักกงช่างอยู่ไปเสียทุกที่เลยจริงๆ”
กงอวี้เฉินทำราวกับไม่ได้ยินคำเย้ยหยันของลิ่นฉังเฟิง เดินมานั่งลงด้านข้าง มองจิ้นจั๋วด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไร พี่จิ้น ข้าบอกแล้ว ประเมินค่าซิงเฉิงจวิ้นจู่ต่ำไปท่านจะเสียเปรียบเอาได้” สีหน้าจิ้นจั๋วไม่ดีนัก ส่งเสียงหยัน เอ่ย “ท่านมาที่นี่ทำไมกัน”
กงอวี้เฉินยกมือขึ้นประสาน เอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “หากข้าไม่มา พี่จิ้นก็คงลืมข้อตกลงของเราเสียแล้วใช่หรือไม่”
จิ้นจั๋วเอ่ยไร้อารมณ์ความรู้สึก “อย่างไรพวกเจ้าก็ต้องการให้ข้าเปิดทางให้กองทัพของราชสำนัก ตอบตกลงกับใครไม่เหมือนกันอย่างไร นี่เรียกว่าผิดคำสัญญาได้เยี่ยงไรเล่า” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ตอนนี้เจ้าสำนักกงเป็นคนของเย่ว์จวิ้นอ๋องหรอกหรือ”
กงอวี้เฉินแสยะยิ้มเย็น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับวาจาของหนานกงมั่ว “ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ข้าไม่ใช่คนของใคร”
“ต่างกันหรือ” หนานกงมั่วไม่สนใจ “เจ้าสำนักกงมาที่นี่ เพื่อช่วยให้เย่ว์จวิ้นอ๋องได้มีหน้ามีตาในการพิชิตเขาฝูวั่งหรือ ความจริงเรื่องนี้ก็มิใช่เรื่องยากอันใด เจ้าสำนักกงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้” กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว มองหนานกงมั่วพลางหัวเราะเสียงดัง หนานกงมั่วเอ่ย “ข้าไม่สนใจต่อความดีความชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้มาหลิงโจวก็เพื่อจัดการความยุ่งเหยิงแทนเย่ว์จวิ้นอ๋องมิใช่หรือ ป่าวประกาศออกไปว่าเป็นผลงานความดีความชอบของเย่ว์จวิ้นอ๋อง คิดว่าฝ่าบาทเองคงยินดีหากได้ยินเช่นนั้น รางวัลที่จวิ้นจู่เช่นข้าจะได้รับก็คงไม่น้อย”
“จวิ้นจู่หมายถึง” กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว หนานกงมั่วยักไหล่ “ตามที่เอ่ยออกไป จะเป็นข้าที่เกลี้ยกล่อมหัวหน้าจิ้นได้ หรือเย่ว์จวิ้นอ๋องเกลี้ยกล่อมได้ ข้าไม่สนใจหรอก”
กงอวี้เฉินมองหนานกงมั่วพลางถอนหายใจออกมา “ราษฎรที่ดีเช่นจวิ้นจู่…สตรีที่ไม่ฝักใฝ่ชื่อเสียง ช่างหาได้ยากยิ่ง ข้า…เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วสิ” หนานกงมั่วมองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง ไม่ถามเขาไยเขาจึงเสียใจ เห็นว่านางไม่ติดกับ กงอวี้เฉินจึงรู้สึกเบื่อหน่าย ทำได้เพียงยักไหล่และปล่อยมันไป
จิ้นจั๋วที่นั่งอยู่ตำแหน่งเหนือสุดนั้นมองพวกเขาทั้งสองด้วยความโกรธ แสยะยิ้มเย้ย “ทั้งสองท่านถามความเห็นกับข้าแล้วหรือ”
หนานกงมั่วหันกลับไปมองเขาเล็กน้อย เอ่ย “หัวหน้าจิ้น อย่างไรท่านก็ต้องตกลง ยามนี้จะมาแสดงท่าทีโกรธจัดไปเพื่ออันใด ตอบตกลงกงอวี้เฉินคงจะมีหน้ามีตากว่าตอบตกลงกับข้าสักหน่อย จะได้ดูเป็นวีรบุรุษในสายตาของหญิงสาวผู้นั้นขึ้นมาบ้าง พวกเราเข้าใจได้”
ใบหน้าของจิ้นจั๋วทะมึนขึ้นมา ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “แม่นางมั่ว เจ้ารู้หรือว่าคนในใจของหัวหน้าจิ้นคือผู้ใด”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงต่ำ “ในจินหลิง ผู้ที่มีเรื่องกับข้า อีกทั้งยังช่วยเหลือเย่ว์จวิ้นอ๋อง อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับกงอวี้เฉิน คาดเดายากนักหรือ เพียงแต่คนที่อยู่ในใจผู้นี้…เกรงว่าคงต้องหารือกันอีกสักหน่อย” หากเป็นคนผู้นั้นจริง จะรักจิ้นจั๋วได้คงเป็นเรื่องประหลาดแล้ว
“…” จิ้นจั๋วและกงอวี้เฉินหันกลับมามองด้านข้างที่กำลังทำท่า ‘กระซิบกระซาบ’ กันอยู่สองคน
ซิงเฉิงจวิ้นจู่ หูของพวกข้าต่างก็มิได้มีปัญหา ท่านจำเป็นต้องกระซิบกันเสียงดังขนาดนั้นเลยหรือ
จิ้นจั๋วรับปากจะไม่ขัดขวางเส้นทางของกองทัพราชสำนัก ไม่นานกองทัพก็ผ่านเขาฝูวั่งไป ตีเมืองรอบข้างหลิงโจว กองกำลังของเชาอู่หรือจะสู้กองทัพของราชวงศ์ได้ ไม่นานจึงถูกล้อมเข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายจึงต้องตายเฝ้าเมืองหลิงโจวไป ปีนี้อาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่เผชิญหน้ากับกบฏถึงสองครั้ง ล้วนแล้วแต่จบสิ้นลงในระยะเวลาเพียงสองเดือน หากมองว่าครั้งแรกที่จังติ้งฟังก่อกบฏนั้นน่าดูชม ครั้งนี้นั้นราวกับการแสดงตลกของคนบ้า หนานกงมั่วยังอยู่บนเขาไม่ได้ลงไปรวมกับเว่ยจวินมั่วทันที เรื่องสงครามไม่มีสิ่งใดต้องกังวลแล้ว ต่อไปนี้จึงจะเป็นเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง