ตอนที่ 405 เกือบถูกลักพาตัว (2)
กงอวี้เฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัยโดยไม่ได้ไตร่ตรองก่อน หากไม่สวมหน้ากากดุร้ายนั่นเอาไว้ คงเกือบได้เห็นใบหน้ามึนงงดูใสซื่อ ราวกับไม่เข้าใจสิ่งใดเลยของเขาไปแล้ว ไยหนานกงมั่วต้องเกิดไอสังหารกับเขาเพราะคนที่ไม่รู้จักกระทั่งไม่เคยเห็นเหล่านั้นด้วย เนิ่นนานจึงพยักหน้า สรุปความคิดด้วยตนเอง “จวิ้นจู่ช่างเป็นสตรีที่มีจิตใจดี”
ลิ่นฉังเฟิงกระตุกมุมปาก คิดว่าการโกรธกงอวี้เฉินนั่นเป็นการหาเรื่องปวดหัวให้ตนเอง เจ้าคนที่ไม่มีแม้แต่ความเป็นคน…สิ่งที่ดีที่สุดคือพุ่งเข้าไปทุบตีแล้วค่อยว่ากัน มิน่าเล่าเว่ยจวินมั่วเห็นหนึ่งครั้งก็ต่อสู้หนึ่งครั้ง
กงอวี้เฉินถอนหายใจ ราวกับเสียใจมากกับใบหน้าเย็นชาที่หนานกงมั่วแสดงออกมา ลุกขึ้น เอ่ย “ข้านึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ หากมิได้เจอจวิ้นจู่เป็นเวลานานคงเลี่ยงที่จะไม่คิดถึงไม่ได้ มิสู้…จวิ้นจู่ไปด้วยกันหรือไม่”
ขณะที่เขาเอ่ยปากพูดประโยคนี้ ลิ่นฉังเฟิงพลันระแวดระวังขึ้นมาทันใด ทว่ากงอวี้เฉินยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค พลันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับเงาพุ่งเข้าหาหนานกงมั่ว
“แม่นางมั่ว ระวัง”
หนานกงมั่วมิใช่สตรีทั่วไป วรยุทธ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าลิ่นฉังเฟิง ในขณะที่กงอวี้เฉินเริ่มก้าวเท้า หนานกงมั่วก็ลุกขึ้นเบี่ยงตัวถอยหลบไปอีกฝั่งแล้ว แม้กงอวี้เฉินจะเคลื่อนไหวรวดเร็วทว่ามองเห็นชายเสื้อของหนานกงมั่ววาดผ่านไป กำลังจะยื่นมือไปคว้า ทว่าราวกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงแสยะยิ้มและปล่อยหนานกงมั่วไป
หนานกงมั่วยืนอยู่ข้างลิ่นฉังเฟิง สายตาเยือกเย็นมองไปยังกงอวี้เฉิน ลิ่นฉังเฟิงกำพัดในมือแน่น เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าสำนักกง หากสมควรหยุดก็หยุดได้แล้ว”
เสียงทุ้มของกงอวี้เฉินหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “สมควรหยุดก็หยุดอย่างนั้นหรือ ข้ากลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอะไรที่เรียกว่าสมควรหยุด จวิ้นจู่ เจ้าคิดว่า…คนพวกนี้ของเจ้าจะหยุดข้าได้หรือ หากไม่อยากให้พวกเขาตาย ก็ไปกับข้าดีๆ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าสำนักกงมีความมั่นใจว่าจะจับข้าได้จริงหรือ”
กงอวี้เฉินเลียริมฝีปาก ยิ้มพลางเอ่ย “ช่างยุ่งยากเสียจริง เพียงแต่…หากจวิ้นจู่ไม่ยอม จะต้องตายไปกี่คนข้าไม่สนใจไม่รู้ว่าจวิ้นจู่สนใจหรือไม่ เอ๋…คุณชายฉังเฟิง ข้ารู้ว่าท่านอยากเอ่ยสิ่งใด เจ้าอยากเอ่ยถึง…เว่ยจวินมั่วหรือ หึๆ ขโมยภรรยาคนอื่นไป แน่นอนว่าข้าคงอยู่เงียบๆ ระหว่างนี้คงไม่เจอหน้าเว่ยจวินมั่ว”
ลิ่นฉังเฟิงยิ้มเย็น เอ่ย “อย่าพูดมาก คิดจะเอาตัวคนไปก็ดูว่าตนเองนั้นมีความสามารถหรือไม่”
“ในเมื่อคุณชายลิ่นเอ่ยเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าต้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
หนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงมองสบตากัน ไม่เอ่ยแม้เพียงคำเดียวพุ่งตัวเข้าหากงอวี้เฉินพร้อมกัน กงอวี้เฉินหัวเราะ ตวัดแส้ยาวฟาดออกไปยังทั้งสองคนโดยไม่ลังเล แส้ยาวเป็นอาวุธที่มีความยาว และแส้ของกงอวี้เฉินนั้นมีความยาวเป็นพิเศษ อีกทั้งมีหนามไปทั่วทั้งเส้นยาว ทว่ากลับมีความอ่อนพริ้วไหว คนทั่วไปเกรงว่าคงสะบัดมันไม่ได้ เห็นได้ชัดว่ากงอวี้เฉินนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แส้ยาวในมือของเขาตวัดไปมาราวกับงู พุ่งเข้ามาหาทั้งคู่ราวกับสั่งได้
กงอวี้เฉินลงมือแน่นอนว่าไม่มีการออมมือ แม้จะเป็นหนานกงมั่วที่เขาแสดงออกว่าสนใจหลายต่อหลายครั้ง แต่เมื่อลงมือจริงๆ ก็ไม่เกินคาดการณ์ใดๆ ราวกับไม่มีความกังวลเลยว่าจะทำให้ใบหน้างดงามของหนานกงมั่วต้องเสียโฉม คู่ต่อสู้แข็งแกร่ง แน่นอนว่าหนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงเองก็ไม่คิดปรานี ลิ่นฉังเฟิงทิ้งพัดที่ควงเล่นอยู่ในมือและหยิบดาบยาวออกมา หนานกงมั่วเองก็เก็บอาวุธลับที่ใช้ประจำไป พุ่งเข้าโจมตีกงอวี้เฉินในระยะประชิด แส้ยาวของกงอวี้เฉินนั้นโจมตีได้เป็นพื้นที่กว้าง พวกเขาใช้อาวุธยาวย่อมไม่อาจทำอันใดได้ นอกเสียจากเข้าโจมตีระยะประชิด มีลิ่นฉังเฟิงคอยโจมตีก่อกวนอยู่อีกฝั่ง การโจมตีของหนานกงมั่วจึงมีผลต่อกงอวี้เฉินอยู่ไม่น้อย
ในขณะที่กงอวี้เฉินไม่ทันระวังถูกดาบยาวของลิ่นฉังเฟิงวาดตัดแขนเสื้อ แววตาของกงอวี้เฉินจมลึก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ กำลังไม่พอต่อให้รับมือดีเพียงใดก็ไร้ประโยชน์”
หนานกงมั่วไม่ตอบโต้ มือยังพัวพันไม่หยุด ทั้งสามต่อสู้กันในห้องโถงไม่มีทีท่าจะหยุดลง ประตูใหญ่พลันถูกคนถีบเปิดออก จิ้นจั๋วยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวมองทั้งสามคน “พวกเจ้าเห็นข้าผู้เป็นเจ้าบ้านอยู่ในสายตาหรือไม่”
กงอวี้เฉินยิ้มหยัน ถอยหลบก่อนล้มลงไปกองบนพื้น เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “พี่จิ้น นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของข้า ท่านเองก็จะยื่นมือเข้ามาแทรกหรือ”
จิ้นจั๋วเองก็ไม่ไว้หน้าเขา เอ่ยเสียงเย็น “คิดจะจัดการเรื่องส่วนตัวก็ไสหัวลงเขาไปเสีย มิเช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ”
ดวงตาของกงอวี้เฉินหรี่แคบ จ้องมองจิ้นจั๋วด้วยสายตาอันตราย “พี่จิ้น ท่านจะช่วยพวกเขาหรือ” จิ้นจั๋วยิ้มเย็น เอ่ย “ใครกล้าก่อเรื่องในเขตของข้า ข้าไม่เกรงใจทั้งนั้น กงอวี้เฉิน คนอื่นกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัวเจ้า”
“เช่นนั้นหรือ” กงอวี้เฉินยิ้มเย็น
จิ้นจั๋วจ้องกงอวี้เฉินอย่างไม่ยอมแพ้ เนิ่นนานกงอวี้เฉินจึงปล่อยแซ่ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่จิ้น เห็นแก่มิตรภาพของเรา ข้าจะไว้หน้าท่าน ไม่สู้ก็ไม่สู้ เพียงแต่จวิ้นจู่ ท่านจะไม่ยอมไปกับข้าจริงหรือ” หนานกงมั่วกลอกตา กงอวี้เฉินถอนหายใจด้วยความเสียดาย เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อว่าอันใดไม่ได้ ข้าคงต้องใช้วิธีอื่นแล้ว”
ในขณะที่ทุกคนไม่ทันระวัง แส้ก็ตวัดไปยังชวีเหลียนซิงที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง
“ระวัง” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเข้ม
แส้ของกงอวี้เฉินไม่ได้ฟาดใส่ชวีเหลียนซิง ทว่ากลับดึงลากนางมาอยู่ตรงหน้าเขา หนานกงมั่วและกงอวี้เฉินตรงเข้าไปคว้าเอาไว้ ทว่าถูกเขาขัดขวาง หนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงตกใจ วรยุทธ์ของกงอวี้เฉินสูงกว่าพวกเขามาก ท่าทางไม่เอาไหนของกงอวี้เฉินที่แสดงออกมาในยามปกตินั้น วรยุทธ์เขาสูงส่งเพียงใดเกรงว่าคงมีเพียงเว่ยจวินมั่วที่เคยต่อสู้กับเขาเท่านั้นจึงจะรู้ได้
กงอวี้เฉินจับชวีเหลียนซิงได้จากนั้นพุ่งตัวผ่านจิ้นจั๋วออกไป เสียงเย่อหยิ่งของกงอวี้เฉินดังขึ้นอยู่ไกลๆ “จวิ้นจู่ ภายในครึ่งชั่วยามหากไม่เห็นเจ้า หญิงงามผู้นี้ข้าจะฆ่าทิ้งเสีย”
“ไยท่านจึงไม่ขัดขวางเขา” ลิ่นฉังเฟิงมองจิ้นจั๋วที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความโกรธจนแทบอยากกระทืบเท้า แม้บางทีจิ้นจั๋วอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกงอวี้เฉิน แต่ยื่นมือเข้ามาขวางสักนิดก็คงไม่มีปัญหาอันใดหรอกหรือไม่
จิ้นจั๋วกอดอก มองลิ่นฉังเฟิงด้วยท่าทางเกียจคร้าน เอ่ย “ไยข้าต้องขัดขวางเขา”
หนานกงมั่วห้ามลิ่นฉังเฟิงที่กำลังจะเอ่ยสิ่งใดอีก “ฉังเฟิง ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวข้าจะตามกงอวี้เฉินไปก่อน”
ลิ่นฉังเฟิงกลอกตา เอ่ย “ล้อเล่นหรือ เพื่อสานฝันส่งเจ้าให้กงอวี้เฉินอย่างนั้นหรือ รอจวินมั่วกลับมาหากไม่เห็นเจ้า เจ้าว่าเขาจะสังหารชวีเหลียนซิงแล้วค่อยจัดการข้าหรือไม่” หนานกงมั่วยิ้มบาง “กล่าวเกินไปแล้ว จวินมั่วเพียงชอบล้อเล่นก็เท่านั้น” แม้จะข่มขู่ลิ่นฉังเฟิงอยู่บ่อยครั้ง แต่เว่ยจวินมั่วเคยลงมือกับลิ่นฉังเฟิงตั้งแต่เมื่อใดกัน