หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 420 ความลึกลับของเขาลั่วหยาง (1)

ตอนที่ 420 ความลึกลับของเขาลั่วหยาง (1)

ตอนที่ 420 ความลึกลับของเขาลั่วหยาง (1)
ลิ่นฉังเฟิงที่ตรวจดูสมุดบัญชีอยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นมา “ไม่ใช่ หากออกไปใช้ชีวิตนอกหลิงโจว เดินทางไปทางเหนือสามารถข้ามแม่น้ำไปจิงโจว เดินทางไปทางทิศตะวันออกสามารถไปเฉวียนโจว เดินทางไปทางทิศตะวันตกสามารถไปเมืองจินหลิง ไยพวกเขาต้องข้ามเขาไปผิงโจวด้วย ผิงโจวก็มิได้เจริญไปกว่าหลิงโจวสักเท่าใด แล้วอีกอย่าง…” ลิ่นฉังเฟิงชูสมุดบัญชีในมือขึ้นมา เอ่ย “ช่วงห้าปีที่ผ่านมา…เมืองสองสามเมืองที่อยู่ใกล้เขาลั่วหยางมีจำนวนแรงงานลดลงเกือบปีละหนึ่งพันคน นอกจากเสียชีวิตโดยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุแล้ว นอกนั้นล้วนแต่เสียชีวิตโดยไม่รู้สาเหตุ… แน่นอนว่าพวกเขารายงานแค่ว่าเสียชีวิตแล้ว แต่มีคนเสียชีวิตเยอะเช่นนี้เป็นเรื่องปกติได้หรือ แรงงานทั้งหมดในเหมืองมีกี่คน ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา…จำนวนผู้ชายอายุระหว่างยี่สิบถึงสี่สิบปีที่มีรายงานเสียชีวิตเป็นจำนวนทั้งหมดกว่าแปดพันเจ็ดร้อยคน คนที่หายตัวไปมีเพียงเจ็ดคน คนเสียชีวิตเยอะเพียงนี้ แม้เป็นการเสียชีวิตโดยธรรมชาติ ฝ่ายราชการก็ควรรายงานต่อราชสำนัก ส่งหมอหลวงไปตรวจดูสถานการณ์มิใช่หรือ”

เจียงฉงเฟิงหลับตาลงแล้วถอนหายใจ “จวิ้นจู่ ซื่อจื่อขอรับ ข้าไม่รู้จริงๆ ขอรับ ข้า…ได้รับคำสั่งห้ามเข้าใกล้เขาลั่วหยาง ข้าเองมีหน้าที่การงาน แน่นอนย่อมไม่สามารถออกจากกองกำลังได้ตามอำเภอใจขอรับ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ย “เช่นนั้นแล้ว…อดีตผู้บัญชาการหลิงโจวและตานซินรู้เรื่องหรือไม่”

เจียงฉงเฟิงเงียบไป เว่ยจวินมั่วพลันเอ่ยถามขึ้นมา “ในเขาลั่วหยางมีอันใด”

เจียงฉงเฟิงตกใจ ไม่กล้าเอ่ยอันใด สบกับสายตาเย็นชาของเว่ยจวินมั่วเข้าก็ตกใจ ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เอ่ยว่า “เอ่อ…ข้าได้ยินมาว่า…ในเขาลั่วหยางมีเหมืองทองคำขนาดใหญ่ แต่ข่าวนี้เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีใครเคยเห็นขอรับ”

“หาเจอแล้ว” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยขึ้นมา

ทุกคนต่างมองไปยังเขาเป็นตาเดียว ลิ่นฉังเฟิงโยนสมุดในมือให้เว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วเปิดดูพร้อมกับหนานกงมั่ว ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยว่า “ตานซินได้รับสามหมื่นตำลึงทองทุกปี แต่ตานซินไม่เก็บเงินเหล่านี้ไว้ ใช้ทั้งหมดซื้อเป็นสิ่งของ อืม พวกเครื่องประดับ หยกโบราณต่างๆ สิ่งใดมีราคาก็ซื้อสิ่งนั้น”

“หลังจากนั้นเล่า”

ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “หลังจากนั้นก็ไม่พบว่าของนำไปขายที่ใด แม้จะยังปรากฏอยู่ในสมุดบัญชี ทว่า…ตอนที่ค้นจวนของตานซินก็ไม่พบของเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ตานซินเองก็อธิบายไม่ได้ว่าใช้จ่ายเงินมากมายเพียงนั้นไปกับสิ่งใด แล้วอีกอย่าง ร้านค้าที่เขาซื้อสิ่งของเหล่านั้นคือร้านค้าของเย่ว์จวิ้นอ๋อง ดังนั้นเย่ว์จวิ้นอ๋องคงมีบันทึกในสมุดบัญชีเช่นเดียวกัน แต่ความเป็นจริงเกรงว่าเรื่องตานซินซื้อของสามหมื่นตำลึงทองทุกปีคงบันทึกอยู่ในสมุดบัญชีเล่มนี้เพียงเล่มเดียว”

หนานกงมั่วเอ่ย “ดังนั้น เงินทั้งหมดตกเป็นของเซียวเชียนเยี่ยหรือ”

ลิ่นฉังเฟิงพยักหน้ายืนยันว่าเป็นเช่นนั้น

หนานกงมั่วหัวเราะ “เย่ว์จวิ้นอ๋องผู้นี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ มองไม่ออกเลยสักนิด” รายรับสามหมื่นตำลึงทองต่อปีมาจากหลักการอันใดกัน เมื่อก่อนนางมองเซียวเชียนเยี่ยผิดไป ในเมื่อจวนของเขาร่ำรวยเช่นนั้นไยจึงเลือกร่วมมือกับตระกูลจูอีกเล่า เซียวเชียนเยี่ยมิได้ขาดแคลนเงินทองเลย เห็นความประหลาดใจของนางแล้ว เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ยตอบด้วยเสียงเรียบ “เงินเหล่านี้แม้จะซักฟอกให้สะอาดเพียงใดก็ไม่อาจนำมาใช้อย่างเปิดเผยได้” จวิ้นอ๋องควรมีเงินทองเท่าใดทุกคนย่อมรู้ดี หากเซียวเชียนเยี่ยหน้าใหญ่ใจโตเกินไป โดยขาดซึ่งความสมเหตุสมผลแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเซียวเชียนหลิงและเซียวเชียนลั่วต้องสร้างปัญหาให้เขาได้แน่นอน

การแสร้งทำตัวยากจนนับเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง หนานกงมั่วสงสัยว่าเซียวเชียนเยี่ยทำเป็นกังวลเรื่องเงิน ทั้งที่จวนมีฐานะร่ำรวยแต่กลับแสร้งทำตัวไม่ต่างจากจวิ้นอ๋องทั่วไป ในใจของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นมาลูบผมนาง เอ่ยอย่างเฉยชา “เรื่องใช้เงินล้วนมีตั้งมากมาย สามร้อยตำลึงทองไม่นับว่ามาก ทว่า…หากเป็นเช่นนี้ คนของเขาในราชสำนักคงเยอะกว่าที่คนนอกคิด” สามหมื่นตำลึงทอง หากโยนลงไปในบ่อน้ำย่อมต้องมีคลื่นใช่หรือไม่ แต่ไม่รู้ว่าเซียวเชียนเยี่ยนำเงินพวกนั้นไปทำสิ่งใดกัน

“ชีวิตของหลานฮ่องเต้ลำบากทีเดียว” หนานกงมั่วถอนหายใจ ในโลกใบนี้ โดยเฉพาะราชวงศ์ ทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน อย่าดูหมิ่นใคร เพราะบางทีเจ้าอาจจะตกอยู่ในเงื้อมมือของคนที่เจ้าเคยดูหมิ่นก็ได้

“พระชายาซื่อจื่อ จดหมายลับจากคุณชายเสียนเกอเจ้าค่ะ” หลิ่วรีบเข้ามารายงาน แล้วจึงส่งจดหมายในมือให้

หนานกงมั่วรับจดหมายมาแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “จดหมายของศิษย์พี่หรือ ไยศิษย์พี่ถึงเขียนจดหมายหาข้า” ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าคุณชายเสียนเกอจะไม่เขียนจดหมายหานาง แต่นางออกมาจากเมืองหลวงก็มิได้บอกคุณชายเสียนเกอ ในเมื่อคุณชายเสียนเกอรู้ว่านางอยู่ที่นี่ คิดว่าเขาคงจะอยู่ไม่ห่างไปจากที่นี่นัก บางทียามนี้คุณชายเสียนเกออาจอยู่ที่หลิงโจวก็เป็นได้ ทว่าหากเขาอยู่ที่หลิงโจวทำไมจึงไม่มาหานางแต่กลับเขียนจดหมายลับมาให้นางแทน

มองดูตราประทับบนซองจดหมาย เป็นตราประทับของหลิงโจวจริงๆ ด้วย แล้วยังกลิ่นหอมจากยาสมุนไพรจางๆ บนซองจดหมาย หนานกงมั่วคลี่จดหมายอ่าน พลันสีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนไป

เงยหน้าขึ้นมามองเว่ยจวินมั่วแล้วจึงส่งยิ้มอย่างขมขื่น “เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”

เว่ยจวินมั่วจึงหยิบจดหมายมาอ่าน จดหมายจากคุณชายเสียนเกอเขียนไว้เรียบง่าย มีแค่ประโยคว่า “เขาลั่วหยางเกิดโรคระบาด”

โรคระบาด!

ทุกคนต่างตกใจ ไม่ว่ายุคสมัยใดโรคระบาดคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวที่สุด โดยเฉพาะในสมัยนี้ ไม่ใช่สมัยที่สวยงามนัก กระทั่งลมหนาวยังสามารถพรากชีวิตคนไปได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงโรคระบาด

“หากเป็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าไยเซียวเชียนเยี่ยถึงจะฆ่าคนเหล่านั้น” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึม มิใช่ฆ่าปิดปาก แต่เป็น…หยุดการแพร่กระจายของโรคระบาด แน่นอนเรื่องฆ่าปิดปากก็ย่อมเป็นหนึ่งในสาเหตุด้วย ไม่ว่าอย่างไรเมื่อโรคระบาดแพร่สู่ด้านนอกแล้ว ในระยะหนึ่งราชสำนักอาจยังจัดการไม่ได้ ทว่าหลังจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องภายในของเขาลั่วหยางย่อมถูกเปิดเผยออกมาด้วย

หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ย “ข้าจะไปหาศิษย์พี่ที่เขาลั่วหยาง จวินมั่ว ฉังเฟิง พวกท่าน…”

“ข้าไปกับเจ้า” เว่ยจวินมั่วจับมือหนานกงมั่วแล้วจึงเอ่ยเบาๆ “เจ้าไปลำพังเซียวเชียนเยี่ยคงไม่ยอมฟังเจ้า ฉังเฟิง เรื่องในหลิงโจวคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” ลิ่นฉังเฟิงย่อมรู้ถึงความรุนแรงของเรื่องราว จึงมีสีหน้าจริงจังแล้วพยักหน้าตอบรับ “ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย”

เห็นสายตาแน่วแน่ของเว่ยจวินมั่วแล้ว หนานกงมั่วรู้ว่านางคงเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ จึงถอนหายใจเบาๆ

ตอนนี้ไม่มีใครกล้าล่าช้า ทั้งสองรีบนำคนเดินทางไปเขาลั่วหยาง เขาลั่วหยางอยู่แถบพรมแดนของหลิงโจว ห่างจากหลิงโจวกว่าสองร้อยลี้ แม้หนานกงมั่วและคนอื่นๆ รีบเดินทางเพียงใดก็ยังมาถึงเมืองลั่วหยางที่ใกล้เขาลั่วหยางที่สุดในยามเย็นของสองวันต่อมา ฟ้ามืดแล้ว อีกอย่างสถานการณ์ตอนนี้ในเขาลั่วหยางยังไม่ชัดเจน ไม่ควรบุกเข้าไปตามอำเภอใจ พวกเขาจึงตัดสินใจพักอยู่ฝยเมืองลั่วหยางก่อนหนึ่งคืน รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยวางแผน

ทันทีที่เข้ามาในเมืองก็เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ มองเผินๆ ผู้คนที่ผ่านไปมาบนถนนก็ดูปกติดี แต่ผู้ติดตามที่มากับหนานกงมั่วล้วนเป็นยอดฝีมือของวังจื่อเซียว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้ หัวมุมถนน ทั้งที่ลับอื่นๆ อีกมากมายต่างมีสายตาแอบมองมา สายตานักฆ่าที่มองมามุ่งร้าย สอดส่ายติดตามตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้ามาในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ตลอดเวลา

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท