ตอนที่ 417 จดหมายลับของคุณชายเสียนเกอ (2)
จูชูอวี้วิ่งออกไปจากลาน นางเดินไปอย่างไร้จุดหมาย การเสียโฉมย่อมเป็นเรื่องรุนแรงสำหรับหญิงสาว แม้หนานกงมั่วจะมั่นใจในจิตใจของจูชูอวี้ แต่ยามนี้จูชูอวี้ยังคงยอมรับความจริงเรื่องที่ตัวเองเสียโฉมไม่ได้ ยิ่งเป็นคนสมบูรณ์แบบก็ยิ่งไม่มีทางยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง หากเป็นหญิงหน้าตาธรรมดาๆ บางทีนางคงยอมรับได้ง่ายกว่านี้
กงอวี้เฉิน… กงอวี้เฉิน…
จูชูอวี้กัดฟัน อยากฉีกกงอวี้เฉินให้เป็นชิ้นๆ แม้รู้ดีว่าถึงกงอวี้เฉินจะมายืนอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง นางก็มิกล้าทำอันใดเขา นางกลัวชายลึกลับผู้นั้นจริงๆ แต่ความเกลียดชังในใจกลับไม่ยอมสงบลง เขาทำให้นางต้องเสียโฉม… จากนี้ไปไม่ว่านางจะยืนอยู่สูงเพียงใด ในสายตาคนอื่นแล้วนางคงเป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่น่าสมเพชเท่านั้น! เขาทำลายศักดิ์ศรีของนาง…
กงอวี้เฉิน ฝากไว้ก่อนเถิด!
ในหัวจูชูอวี้ว่างเปล่าจึงวิ่งไปชนกับคนที่เดินมา เซียวเชียนเยี่ยมองดูหญิงที่ตกอยู่ในภวังค์ตรงหน้าตัวเอง ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ซั่นจยาเซี่ยนจู่ เกิดอันใดขึ้น” จูชูอวี้ได้สติกลับมา ยื่นมือไปปิดใบหน้าตัวเองไว้ แต่เซียวเชียนเยี่ยกลับเห็นรอยแผลบนใบหน้าของนางแล้ว เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้ว ถามด้วยความห่วงใย “เซี่ยนจู่ไม่สบายหรือ”
จูชูอวี้รีบถอยไปด้านหลัง “ไม่… ไม่มีอันใด หม่อมฉันทำมันเองเพคะ…”
เซียวเชียนเยี่ยย่อมไม่เชื่อสิ่งที่นางเอ่ยอยู่แล้ว แต่กลับไม่ถามต่อ ไม่ว่าจูชูอวี้จะเสียโฉมหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เซียวเชียนเยี่ยไม่ชอบหญิงที่ฉลาดและทะเยอทะยานเกินไปเช่นจูชูอวี้ เช่นเดียวกับที่เขาไม่ชอบหนานกงมั่ว แม้หนานกงมั่วจะไม่ได้ทะเยอทะยานทว่านางดูจะควบคุมยากกว่าจูชูอวี้เสียอีก เขาเพียงร่วมมือกับจูชูอวี้ ตราบใดที่สมองจูชูอวี้ยังใช้งานได้ตามปกติ รูปลักษณ์หน้าตานางจะเป็นเช่นไรเซียวเชียนเยี่ยย่อมไม่สนใจ
เมื่อมีคนนอกจูชูอวี้จึงสงบสติลงได้อย่างรวดเร็ว นางสวมผ้าคลุมหน้า มองดูเซียวเชียนเยี่ยแล้วถามเขา “ท่านอ๋องมิได้มีธุระข้างนอกหรือ ไยจึงกลับมาเร็วเช่นนี้ เกิดอันใดขึ้นหรือเพคะ”
เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้ว มองไปรอบๆ “ไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถิด”
จูชูอวี้ยิ้มอย่างแผ่วเบา “ดีเหมือนกัน เชิญท่านอ๋องเพคะ”
ทั้งสองเดินผ่านลานของเรือนที่เซียวเชียนเยี่ยพำนักอยู่ชั่วคราว ทางด้านหลัง จิ้นจั๋วเดินออกมาจากมุมประตู มองดูแผ่นหลังของพวกเขาเดินไป ใบหน้าดูดีของเขาฉายแววครุ่นคิด
หลังจากคุยกับเซียวเชียนเยี่ยแล้วออกมาจากห้องหนังสือ จูชูอวี้อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย ในเมื่อรอยแผลเป็นบนใบหน้าเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ เช่นนั้นนางก็ต้องยอมรับให้ได้ แต่ว่า…ไม่เป็นไร ถึงแม้จะไร้ซึ่งหน้าตาสวยงามแต่นางก็ยังเป็นหญิงที่ฉลาดที่สุดในเมืองจินหลิง ต่อไปนางต้องยืนอยู่ที่ที่สูงกว่าเดิม และเมื่อนางเหยียบทุกคนไว้ใต้ฝ่าเท้า ใครยังจะกล้าเอ่ยถึงหน้าตาของนาง และแน่นอนหากนางอยากจะแก้แค้นกงอวี้เฉิน นางต้องมีอำนาจมากกว่านี้ สักวันหนึ่งนางจะเหยียบเขาให้จมดิน
“ชูเอ๋อร์” เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง จูชูอวี้ชะงักแล้วหันกลับไปมอง เห็นจิ้นจั๋วพิงอยู่ข้างกำแพง มองมาที่ตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด พลันนึกขึ้นได้จูชูอวี้จึงเปลี่ยนท่าที เอ่ยว่า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”
จิ้นจั๋วเอ่ย “ข้าตามเจ้ามาตลอด เจ้าลืมไปแล้วหรือ”
จูชูอวี้หลับตาลงแล้วถามเสียงเรียบ “ข้ามีเรื่องปรึกษากับเย่ว์จวิ้นอ๋อง”
จิ้นจั๋วมองนาง เอ่ยว่า “ข้ารู้ แล้วข้าก็ยังรู้ว่าพวกเจ้าปรึกษาอันใดกัน”
สีหน้าของจูชูอวี้เปลี่ยนไป นางเอ่ยเบาๆ “เจ้าแอบฟังพวกข้าคุยกัน! จิ้นจั๋ว เจ้า…” จิ้นจั๋วปัดมือขัดจังหวะนาง เขาเอ่ย “ข้าไม่สนใจเรื่องที่พวกเจ้าคุยกัน เดิมทีข้าคิดว่า…เจ้าเสียใจ” แต่เห็นได้ชัดว่าหญิงที่อยู่ตรงหน้าเขายามนี้แตกต่างกับที่เขาจินตนาการไว้ เมื่อครู่ยังเสียใจราวกับจะเป็นจะตายทว่าครู่ต่อมากลับไปยืนคุยกับหวงจั่งซุนในห้องหนังสือ นึกถึงคำเอ่ยเย็นชาที่ตัวเองได้ยิน จิ้นจั๋วถึงกับสงสัยว่าเขารู้จักหญิงผู้นี้จริงหรือไม่
จูชูอวี้ก้มหน้าลง จิ้นจั๋วมองไม่เห็นสีหน้าของนาง ได้ยินนางเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าต้องเสียใจอยู่แล้ว… แต่เสียใจแล้วข้าทำอันใดได้ เสียใจแล้วหน้าของข้าจะดีขึ้นเช่นนั้นหรือ เสียใจแล้วกงอวี้เฉินก็จะตายเช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง… เขายังคงมีชีวิตที่ดี ทำร้ายคนอื่นหนักขึ้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไยข้าต้องเสียใจด้วย”
จิ้นจั๋วถอนหายใจ เอ่ยกับนางอย่างอ่อนโยน “ชูเอ๋อร์ หยุดสู้กับกงอวี้เฉินได้แล้ว เจ้าสู้เขาไม่ได้”
จูชูอวี้ยิ้มขมขื่น “ยามนี้ข้าจะกล้าสู้กับเขาได้เยี่ยงไร ข้าอยากอยู่ให้ห่างจากเขามากเท่าไรยิ่งดี เจ้า…สนิทกับเขาหรือ”
จิ้นจั๋วส่ายหน้าด้วยแววตาผิดหวัง “ไม่ต้องมาถามเรื่องเขาจากข้า เรื่องของเขา นอกจากเขาก็คงไม่มีใครรู้ ข้าบอกเจ้าได้เพียงเรื่องเดียว อย่าไปยุ่งกับเขา เขาเป็นคนบ้า” รอยยิ้มบนใบหน้าของจูชูอวี้แข็งทื่อ นางมองจิ้นจั๋วแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “หากเป็นเช่นนี้ ข้ากลับไปพักผ่อนดีกว่า”
เห็นนางจะจากไป จิ้นจั๋วจึงหยุดนางไว้ เอ่ย “ชูเอ๋อร์ หยุดเรื่องที่เจ้ากำลังจะทำตอนนี้แล้วไปกับข้าเถิด”
จูชูอวี้ตกใจ นางยกมือขึ้นสะบัดมือของจิ้นจั๋วออก ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมมีรอยยิ้มเยาะเย้ย “ไปกับเจ้า ไปที่ใดหรือ”
จิ้นจั๋วเอ่ย “ไม่ว่าจะไปที่ใด…ล้วนดีกว่าปล่อยให้เจ้าอยู่ที่เมืองจินหลิงต่อไป เจ้า… สู้พวกเขาไม่ได้หรอก”
“เจ้าดูถูกข้าหรือ” จูชูอวี้เลิกคิ้ว “เจ้าคิดว่าข้าจะพ่ายแพ้เช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง เจ้าวางใจได้จิ้นจั๋ว เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่ ดังเช่นเมื่อก่อน รอข้า…” จิ้นจั๋วส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่มีทางช่วยเจ้าแน่นอน ข้าคิดว่าข้าไม่มีความสามารถช่วยเจ้าได้ ข้าเป็นแค่หัวหน้าโจร อีกอย่าง…เจ้าจะให้ข้ารอนานเพียงใด สองปีก่อนเจ้าก็เอ่ยเช่นนี้”
สีหน้าจูชูอวี้เย็นชาลง ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าจะอยู่ที่นี่ทำไม เจ้าเอ่ยถูกต้องแล้ว…ยามนี้เจ้าช่วยอันใดข้าไม่ได้จริงๆ เจ้าอยากให้ข้าไปกับเจ้า… จิ้นจั๋ว เจ้ามีสิทธิอันใด”
จิ้นจั๋วเงียบ จูชูอวี้มองเขาด้วยสายเยาะเย้ย “ไปกับเจ้าแล้วข้าจะได้สิ่งใด ร่ำรวยหรือ มีอำนาจหรือ แม้แต่เป็นสามีภรรยาที่รักกันยังทำไม่ได้ เจ้าไม่มีอันใดทั้งนั้น ข้าคิดว่าเจ้าเองก็คงจะเข้าใจ เรื่องของเรานั้นเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ยามนั้นไยเจ้าจึงมาตีสนิทกับข้า” จิ้นจั๋วเอ่ยถาม
จูชูอวี้ยิ้มมุมปาก เอ่ย “แน่นอนว่าเพราะอำนาจของเจ้า แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ต้องบอกว่าบางครั้งก็มีประโยชน์ ตั้งแต่รู้จักกับเจ้า เส้นทางกิจการทางตอนใต้ของตระกูลจูราบรื่นขึ้นไม่น้อย ยามนี้เส้นทางการค้าขายทางตอนใต้ของอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้อยู่ในมือของตระกูลจูอย่างน้อยหกเส้นทางแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ ปีหนึ่งตระกูลจูทำรายได้ได้เท่าใด เจ้าปล้นภูเขาสิบปีก็ยังไม่ได้ และแน่นอนยังมีคนเหล่านั้นที่เจ้าช่วยกำจัดไป… หากไม่มีเจ้าตระกูลจูจะเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ได้เยี่ยงไร แล้วข้าจะมีตำแหน่งสูงส่งเช่นนี้ในตระกูลจูได้เยี่ยงไร” ที่จริงแล้วเป็นเพราะวันนี้มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจของจูชูอวี้ ไม่เช่นนั้นหากเป็นวันธรรมดาๆ ถึงนางจะไม่ชอบจิ้นจั๋วมากเพียงใดก็คงไม่มีทางเอ่ยวาจาไม่น่าฟังเช่นนี้ ใช่ว่านางจะไม่เข้าใจความหมายของจิ้นจั๋ว แต่เพราะนางเข้าใจจึงได้โมโหเช่นนี้ เพราะนางเสียโฉมแล้ว จิ้นจั๋วจึงคิดว่าตัวเองคู่ควรกับนางเช่นนั้นหรือ หรือในใจของจิ้นจั๋วเขารู้สึกสงสารนางใช่หรือไม่