Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1859 วิญญาณของดาบหัก

ตอนที่ 1859 วิญญาณของดาบหัก

ความมืดมิดประหนึ่งไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด หมายฝังกลบผู้คน กดดันเหมือนหายใจไม่ออก

และดวงตาที่ลืมขึ้นคู่นั้นก็กลายเป็นแสงที่ส่องประกายที่สุดในความมืด ราวกับตะวันคู่หนึ่งที่ลุกโชน

แต่แววตานั้นกลับดุดันหาใดเปรียบ เสมือนคมกระบี่ที่แหวกผ่านห้วงอากาศ ทำลายเก้าชั้นฟ้าได้!

ชั่วพริบตาที่ถูกสายตาจับจ้อง หลินสวินรู้สึกเพียงหนาวเยือกไปทั้งตัวราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง รูขุมขนทั่วร่างล้วนตั้งชัน

ไม่นานดวงตาคู่นั้นก็ปิดสนิท

ครรลองสายตาถูกความมืดเข้าปกคลุมใหม่อีกครั้ง

และเวลานี้เอง ในระยะไกลลิบหลินสวินมองเห็นเงาร่างหนึ่ง

นั่งเดียวดายอยู่ในความมืด ผมเผ้ายุ่งเหยิง โซ่ที่หนาประมาณนิ้วโป้งสายแล้วสายเล่าพันรอบอยู่บนลำคอ สองเท้า สองขาและหลังไหล่ของเขา คลื่นระเบียบเร้นลับไหลบ่า

ภาพนี้เลือนรางเกินไป ทำให้หลินสวินแยกแยะไม่ออกว่านั่นเป็นชายหรือหญิง เป็นคนหรือผี

แต่เงาร่างที่นั่งโดดเดี่ยวในความมืดนี้ กลับทำให้หลินสวินรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจจินตนาการได้ เสมือนเทพในความมืดองค์หนึ่งที่หากขับเคลื่อนความคิดก็ทลายฟ้ามลายดินได้!

นี่ทำให้หลินสวินฉุกนึกถึง ‘จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียน’ ที่ถูกกำราบอยู่ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดตอนนี้ขึ้นมา

ครั้งแรกที่เจอจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนที่ยอดเขากักเทพสวรรค์ เขาก็ถูกโซ่มหามรรคผูกมัดและกำราบ ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาไร้สิ้นสุดก็ไม่อาจสลัดเครื่องพันธนาการออกไปได้

เพียงแต่สิ่งที่ไม่เหมือนจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนคือ ร่างสันโดษที่นั่งเพียงลำพังในความมืดนี้ มีความนิ่งสงบและเฉยชาถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง

ไม่เหมือนถูกกำราบ กลับเหมือนว่าพันธนาการตัวเอง!

‘หมายหลอมพลังของข้าให้สมบูรณ์ ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้… ยังห่างไกลอยู่มาก ภายหน้าค่อยมาเถอะ’

เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจหลินสวิน ดุดันจนเหมือนคมดาบแทงเข้ากลางใจ ในความเฉยชาเจือความผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง

ตูม!

พริบตาต่อมาภาพต่างๆ ในหัวหลินสวินได้หายไป

ส่วนเขาก็เหงื่อตกไปทั้งตัว

พอมองดาบหักอีกครั้งมันก็เปลี่ยนเป็นมืดสลัวหม่นแสง ไม่มีแสงประกายเหมือนภาพมายาแพรวพราวแล้ว กลับเป็นว่าให้ความรู้สึกเรียบง่ายและธรรมดา

บนพื้นผิวของมัน ลายสมบัติบริสุทธิ์หนึ่งร้อยเส้นที่เดิมประดุจพญามังกรทองคำ รวมถึงกระบวนค่ายกลลายมรรคทั้งสามอย่าง ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ นั้นก็หายไปด้วย

มองจากไกลๆ ก็เหมือนดาบหักธรรมดาทั่วไปเล่มหนึ่ง

แต่หลินสวินที่มีใจเชื่อมกับดาบหักกลับรู้ว่าดาบหักได้แปรสภาพอย่างสมบูรณ์แล้ว ไอพลังอำมหิตและดุดันที่ราวกับพลิกฟ้านั่น ล้วนควบรวมถึงขีดสุดและเก็บงำไว้!

‘เงาร่างที่นั่งเดียวดายอยู่ในความมืดนั้น… ต้องเป็นวิญญาณอาวุธของดาบหักแน่… ปีนั้นอาหูพูดไม่ผิด ดาบหักไม่ได้บกพร่อง แต่พลังของมันถูกผนึกไว้ต่างหาก…’

หลินสวินนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ ในใจตระหนักรู้ขึ้นมา

ถ้าว่ากันตามปกติ หลังจากศาสตราอริยะบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่งควบรวมลายมรรคบริสุทธิ์ออกมาได้หนึ่งร้อยสาย ก็จะเกิดครรภ์วิญญาณอาวุธ

จนกระทั่งขัดเกลาไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะควบรวมวิญญาณอาวุธที่แท้จริงออกมา

แต่ตอนนี้ดาบหักไม่เกิดการแปรสภาพเช่นนี้ ตรงข้ามกลับทำให้หลินสวินมองเห็นเงาร่างปริศนาที่นั่งเดียวดายอยู่ในความมืดร่างนั้นแทน!

ตอนนั้นที่แหล่งสถานคุนหลุน อาหูก็เคยพูดว่า ‘สมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ เหลือเพียงคมดาบท่อนหนึ่ง เดิมทีปลายดาบของมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด แต่กลับหายไป ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังมีกลิ่นอายอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเพียงนี้ แค่คิดก็รู้ว่าหากสมบัตินี้สมบูรณ์จะต้องไม่ธรรมดาแน่’

‘อีกอย่าง ที่ประหลาดที่สุดคือสมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ชัดๆ แต่ความรู้สึกที่มอบให้ข้ากลับมี ‘ความสมบูรณ์’’

ในที่สุดอาหูก็สันนิษฐานออกมา

‘ข้าสงสัยว่าสมบัตินี้แปรสภาพเป็นวิญญาณอาวุธมานานแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ‘ลายสมบัติบริสุทธิ์’ ของสมบัตินี้จึงถูกผนึกไว้มาตลอด มีเพียงดูดซับพลังของไอมรรคหลอมสมบัติจึงจะเผยให้เห็นลายสมบัติบริสุทธิ์ที่ถูกผนึกไว้พวกนั้นทีละลายได้’

เวลานี้พอคิดดูแล้ว หลินสวินก็กล้าแน่ใจในที่สุด ที่อาหูกล่าวมาทั้งหมดนั้นไม่ผิด ดาบหักไม่ได้บกพร่องแต่แรก แต่มันถูกผนึกไว้ต่างหาก!

‘ที่แท้เป็นเพราะความสามารถของข้ามีไม่พอ จึงไม่เคยมองทะลุความลับที่แท้จริงของดาบหักออก’

หลินสวินนึกถึงคำพูดของเงาร่างที่นั่งเดียวดายอยู่ในความมืดนั้น รู้ตัวว่าหากต้องการทำให้รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ของดาบหักเผยออกมาอย่างแท้จริง จำเป็นต้องมีพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอ

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำลายผนึกของดาบหัก หลอมพลังของมันมาสร้างประโยชน์แก่ตนได้!

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น การแปรสภาพของดาบหักยามนี้ก็ยังทำให้หลินสวินตกตะลึงยิ่งนัก

จากการคาดเดาของเขา อานุภาพของสมบัตินี้เทียบกับในอดีตแล้วแข็งแกร่งขึ้นเกินเท่าตัว หากนำมาใช้ร่วมกันยามต่อสู้ ต้องสามารถทำให้ตนสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้อีกเท่าตัวแน่!

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เย้ยฟ้าจริงๆ

ต้องรู้ว่าด้วยพลังของหลินสวินตอนนี้ สามารถกำราบจินเทียนเสวียนเยวี่ยและผู้ทรงฌานอู้หมิงได้อย่างง่ายดาย หากสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้สองเท่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน

แต่ข้อเสียเดียวคือต้องใช้ดาบหักต่อสู้ จึงจะสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้สองเท่า มิฉะนั้นก็ไม่มีทาง

‘คิดไม่ถึงว่างานประมูลครั้งนี้จะทำให้ข้าได้รับวาสนาใหญ่อย่างหนึ่ง…’

นึกถึงตรงนี้มุมปากของหลินสวินก็ยกยิ้ม

ฮูม…

พอเก็บดาบหักลงไป หลินสวินก็ถอนกระบวนผนึกที่ปกคลุมรอบด้านไปด้วย

 คุณชายได้ผลประโยชน์หรือไม่  จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าวอย่างใคร่รู้

หลินสวินยิ้มกล่าวอย่างอารมณ์ดี  ได้ผลประโยชน์อย่างมาก คุ้มค่ากว่าที่จ่ายไป 

คุ้มค่ากว่าที่จ่ายไปจริงๆ สองล้านผลึกมรรคแลกกับการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าพลิกดินครั้งหนึ่งของดาบหัก อยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง

 เจ้าล่ะ ประมูลเหล็กนิลเกล็ดดาราก้อนนั้นได้หรือไม่ 

หลินสวินถาม

 ประมูลได้แล้ว 

จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เผยความปิติยินดี  แม้ว่าตอนประมูลราคาจะสูงไปหน่อย แต่เมื่อมีของสิ่งนี้แล้ว อานุภาพของกระบี่อริยะบริสุทธิ์ของข้าก็สามารถยกระดับขึ้นไปอีกขั้น 

หลินสวินพยักหน้า

งานประมูลยังดำเนินต่อไป สมบัติหายากชิ้นแล้วชิ้นเล่าปรากฏออกมา ชักนำให้เกิดการประชันราคาที่ดุเดือดรอบแล้วรอบเล่า

 สมบัติชิ้นที่สามสิบสาม ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่า ความอัศจรรย์ของสมบัตินี้ผู้น้อยจะไม่อธิบายอีก ราคาต่ำสุดห้าแสนผลึกมรรค ทุกครั้งที่เพิ่มราคาต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน 

เฝ้ารอไม่นาน พอผูหลันจือเอ่ยปาก ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าที่ทำให้หลินสวินตั้งมั่นว่าต้องเอามาให้ได้ ในที่สุดก็ปรากฏตัวอยู่บนแท่นประมูล

ขณะเดียวกันทั้งที่นั้นก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนด้วยเหตุนี้

โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ในห้องรับรองพวกนั้น หลายคนล้วนเป็นระดับราชันอริยะ จึงตั้งมั่นว่าต้องเอาสมบัตินี้มาให้ได้เช่นกัน

เมื่อการประชันราคาเริ่มต้น เสียงเสนอราคาก็ดังขึ้นติดต่อกัน

 หกแสน 

 แปดแสน 

 หนึ่งล้าน! 

บรรยากาศที่เร่าร้อนและดุเดือดทำเอาผู้ฝึกปราณหลายคนในที่นั้นส่งเสียงตื่นเต้น การประชันราคาเช่นนี้ คนทั่วไปอย่างพวกเขาไม่มีความมั่นใจไปเข้าร่วมแต่แรก

ต่อมาภายหลัง การประชันราคาครั้งนี้ก็กลายเป็นการประชันระหว่างเหล่าผู้มากอำนาจอย่างสมบูรณ์

เดิมทีจากการวิเคราะห์ของจินเทียนเสวียนเยวี่ย ผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งนี้ อย่างมากก็มีมูลค่าแค่หนึ่งล้านกว่าผลึกมรรค

แต่ดูจากการประชันราคาที่ดุเดือดนี้ เกรงว่าสมบัตินี้คงประมูลออกไปด้วยราคาสูงลิ่วแน่!

 สองล้าน 

หลินสวินก็เข้าร่วมด้วย

ถ้ามีผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่า ก็จะทำให้เขายกระดับการควบคุมกฎเกณฑ์แห่งห้วงอากาศว่างเปล่าขึ้นไปอีกขั้น ทั้งมีส่วนช่วยในการควบรวมเขตแดนมรรคของเขาอย่างมากเช่นกัน

เขามีหรือจะพลาดโอกาส

ทั้งตอนนี้เขายังไม่ขาดแคลนผลึกมรรคด้วย!

 เป็นเจ้าหมอนั่นอีกแล้ว 

ผู้ฝึกปราณบางคนจำหลินสวินได้จากเสียง เป็นคนผู้นั้นที่ประมูล ‘หินวิญญาณเร้นฟ้าใส’ ไปเมื่อครู่

ชั่วขณะเดียวก็อดทอดถอนใจไม่ได้ คำว่าร่ำรวยคืออย่างนี้นี่เอง!

 สารเลว! 

ขณะเดียวกันในห้องรับรองอีกห้อง ผู้อาวุโสเพลิงโกรธจนควันออกรูจมูก เขาก็เข้าร่วมการประชันราคาของผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าด้วย ทั้งยังมุ่งมั่นว่าต้องเอามาให้ได้

แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะมาเจอกับหลินสวินอีก

 สามล้าน 

ไม่นานการประชันราคาก็ทะยานมาถึงจำนวนที่เกินจริง ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนต่างยอมแพ้ไปแล้ว

แม้ว่าผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าจะมีค่า ทำให้ผู้คนตาลุกวาว แต่ก็ไม่ใช่สมบัติที่ไม่อาจร้องขอ สามล้านผลึกมรรค มันไม่คุ้มค่าเกินไป

และราคานี้ก็เป็นหลินสวินที่แจ้งออกมา

 เขาเป็นใครกัน 

 คนที่นั่งอยู่ในห้องรับรองนั้น เหมือนว่าจะเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง 

 ต้องเป็นคนใหญ่คนโตที่ความเป็นมาไม่ธรรมดาแน่ คนทั่วไปคงไม่มีความมั่นใจมาเข้าร่วมการประชันราคานี้ 

ท่าทีที่ใช้เงินเป็นเบี้ยของหลินสวินดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณมากมาย

ทุกคนต่างไม่เชื่อว่าหลินสวินจะเป็นคนธรรมดา คนทั่วไปไม่มีทางมีผลึกมรรคมากเช่นนั้นแน่

 สามล้านหนึ่งแสน! 

เสียงของผู้อาวุโสเพลิงเหมือนลอดจากไรฟัน สีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว เขายังสงสัยว่าหลินสวินจงใจมุ่งเป้ามาที่ตน

 สามล้านห้าแสน 

หลินสวินตั้งใจว่าต้องเอาสมบัตินี้มาให้ได้ ในใจเขาก็ไม่พอใจอยู่บ้าง

แม้จะไม่รู้ฐานะของผู้อาวุโสเพลิง แต่ถูกอีกฝ่ายแข่งเสนอราคาติดต่อกันสองครั้ง ทำให้เขาไม่อาจไม่จ่ายเงินประมูลสมบัติด้วยราคาที่สูงลิ่ว สิ่งที่เสียไปคือเงินจำนวนไม่น้อย

 บัดซบ! 

ผู้อาวุโสเพลิงโกรธจัดแล้ว ไอสังหารในใจพลุ่งพล่าน ไม่เสนอราคาอีก

คนอื่นก็ไม่เสนอราคาอีก

สามล้านห้าแสนผลึกมรรค เป็นราคาสามเท่าของมูลค่าที่แท้จริงของผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าก้อนนี้แล้ว!

ผ่านการประชันราคาครั้งนี้ ผู้ฝึกปราณทุกคนในงานประมูลต่างรู้ถึงการมีอยู่ของหลินสวิน แต่กลับไม่มีใครรู้ความเป็นมาของเขา

เคราะห์ดีที่เขานั่งอยู่ในห้องรับรอง มิฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าหลินสวินจะถูกคนมากเท่าไรจับจ้อง

ดังคำกล่าวที่ว่ามีเงินห้ามแพร่งพราย ในหมู่ผู้ฝึกปราณที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ขาดบุคคลร้ายกาจที่ใจกล้าเหิมเกริม

 หวังว่าจะคุ้มค่าที่จ่ายไป 

เมื่อผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าถูกส่งมา หลินสวินก็พิจารณาครู่หนึ่งก่อนเก็บลงไป ไม่ได้รีบหลอม

 คุณชาย ท่านไม่คิดว่าเสียเปรียบเกินไปหรือ 

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอดกล่าวไม่ได้ ก่อนหน้านี้นางก็ถูกการเสนอราคาแต่ละครั้งของหลินสวินทำให้ตกใจ อกสั่นขวัญแขวนไปพักหนึ่ง

แม้ว่านางจะเป็นทายาทสายตรงของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน ฐานะทางบ้านมั่งคั่ง แต่ถ้าให้นางจ่ายสามล้านห้าแสนผลึกมรรคไปซื้อสมบัติที่เห็นได้ชัดว่าไม่คุ้มค่าชิ้นหนึ่ง นั่นย่อมไม่มีทางเด็ดขาด

แต่หลินสวินกลับประหนึ่งไม่ใส่ใจผลึกมรรค ท่าทีราวร่ำรวยทะยานฟ้า

 ผลึกมรรคไม่มียังหาได้ แต่สมบัติอย่างผลึกแดนห้วงอากาศว่างเปล่าไม่ได้หาง่ายเช่นนั้น 

หลินสวินพูดง่ายๆ แล้วหยัดร่างขึ้น  ไปกันเถอะ 

 ไปหรือ 

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งงัน  คุณชาย ‘เจตวัตถุ’ ที่มาจากแดนแห่งปริศนาก้อนนั้นยังไม่ประมูล ตอนนี้ก็จะจากไปแล้วหรือ 

 แค่วัตถุปริศนาก้อนหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรค่าที่จะเปลืองเวลาอีก 

หลินสวินกล่าว  ยิ่งไปกว่านั้น หากถึงตอนนั้นแล้วค่อยจากไป เจ้าเชื่อไหมว่ายามที่พวกเราก้าวออกจากหอสมบัติทุ่งบูรพานี้ไปจะถูกคนมากมายจับจ้อง 

จินเทียนเสวียนเยวี่ยเข้าใจในทันที

ในงานประมูล การประมูลสมบัติก็เรื่องหนึ่ง แต่จะมีความสามารถพอที่จะรักษาสมบัติไว้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ในใต้ฟ้าดารานี้ ไม่ว่าจะเป็นงานประมูลของที่ไหน หลังจากปิดฉากมักจะเกิดเรื่องฆ่าคนชิงทรัพย์อยู่บ่อยครั้ง

หลินสวินไม่กลัวเรื่องยุ่งยากแต่ก็ไม่อยากเจอปัญหา การจากไปก่อนล่วงหน้าเวลานี้ เป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งสองคนไม่ล่าช้าอีก มุ่งตรงออกจากห้องรับรองนี้ไปทันที

………………………

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท