หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 440 พระสนมหลินกุ้ยเฟย (1)

ตอนที่ 440 พระสนมหลินกุ้ยเฟย (1)

ตอนที่ 440 พระสนมหลินกุ้ยเฟย (1)
หนานกงมั่วสงสัย “มีหลักฐานว่านางเกี่ยวข้องกับเซียวฉุนหรือไม่”

“ไม่มี” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยตอบทื่อๆ ต่อให้มีก็ใช่ว่าจะหาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา “สืบหาต่อไป อย่างอื่น…คงต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อนค่อยว่ากัน”

ลิ่นฉังเฝิงพยักหน้า เอ่ย “ดี ในเมืองจินหลิงแห่งนี้ หลายเรื่องหากมิได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เช่นนั้นคงไม่สะดวกนัก” หนานกงมั่วเอ่ย “หวังว่าเซียวฉุนจะไม่ก่อเรื่องอันใดจะเป็นการดีที่สุด”

“ก่อเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “องค์รัชทายาทตายยังไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วเรื่องใดเล่าที่นับเป็นเรื่องใหญ่ได้ ครั้งนี้หากเซียวเชียนเยี่ยไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ก็ไม่มีทางฟื้นคืนตลอดไป” เกี่ยวข้องกับการตายขององค์รัชทายาท ไม่ว่าเซียวเชียนเยี่ยได้ทำสิ่งใดหรือไม่ เพียงถูกสืบเจอเซียวเชียนเยี่ยก็จบแล้ว

“…” เดิมทีการมีตัวตนขององค์รัชทายาทนั้นก็บางเบามาตลอด ทำให้ถึงเขาจะตายก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด

ห้องทรงพระอักษรภายในวังหลวง ดึกมากแล้วทว่าแสงไฟในห้องทรงพระอักษรนั้นยังคงสว่างไสว ฮ่องเต้นั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ใบหน้าที่มีอายุอยู่แล้วเมื่อมีเรื่องมากระทบยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูซูบผอมมากขึ้นไปอีก ทำให้คนดูไม่ออกว่านี่คือบุคคลที่ขับไล่เป่ยหยวนในตอนนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้แผ่นดินสงบร่มเย็น ฮ่องเต้ถือแผ่นหยกด้วยท่าทางเหม่อลอย นางกำนัลและขันทีที่คอยดูแลปรนนิบัติเองไม่กล้ารบกวน ทั่วทั้งห้องทรงพระอักษรเงียบสงัดคล้ายกับว่าหากมีเข็มหนึ่งเล่มหล่นลงไปคงได้ยินเสียงชัดเจน

“รัชทายาท…องค์รัชทายาท…”

“ฝ่าบาท ดึกแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรับใช้เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล องค์รัชทายาทสิ้นพระชมน์นับว่าเป็นการสะเทือนครั้งใหญ่แล้ว หากฝ่าบาทเป็นอันใดไปอีกจะทำเช่นไรเล่า ไม่มีใครรู้ถึงสภาพร่างกายของฝ่าบาทได้เท่ากับพวกเขาที่คอยปรนนิบัติดูแลแล้ว เดิมก็เป็นตะเกียงที่ใกล้มอดดับ หากต้องมาเป็นทุกข์เพราะการจากไปขององค์รัชทายาท…

“ฝ่าบาททรงรักษาพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ หากองค์รัชทายาทรับรู้ว่าฝ่าบาททรงเสียพระทัยเช่นนี้ คงไม่สงบเป็นแน่”

ฮ่องเต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยถาม “หมอหลวงไปดูแล้วหรือ ไยองค์รัชทายาทจึงได้จากไปกะทันหันเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ใช้โอสถทิพย์ ไม่ใช่ดีขึ้นมากแล้วหรือ”

สีหน้าของขันทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย กระอึกกระอักขึ้นมา ความจริงหมอหลวงที่ไปยังจวนองค์รัชทายาทนั้นกลับมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ผลตรวจนั้นไม่มีใครกล้ารายงานต่อฝ่าบาท

“ว่ามา” ไยฮ่องเต้จะมองไม่เห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา ดวงตาคมเข้มขึ้นเอ่ยเสียงดังด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีตื่นตกใจ รีบคุกเข่าลงตรงหน้า เอ่ย “ทูล…ทูลฝ่าบาท หมอหลวงรายงาน ว่า…ว่าองค์รัชทายาทร่วมหอ…หนักเกิน หนักเกินไป ความตื่นเต้นส่งผลให้ความดันโลหิตสูง จนทำให้…ทำให้สิ้นพระชนม์เฉียบพลัน…” เมื่อเอ่ยจบ ขันทีผู้ดูแลปรนนิบัตินั้นไม่กล้าจินตนาการถึงสีหน้าของฝ่าบาท ทำได้เพียงคุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่นระริก ก้มหน้าต่ำจ้องมองพื้นตรงหน้า

“ว่าอย่างไรนะ!” ฮ่องเต้ทั้งตกใจทั้งโกรธ เนิ่นนานจึงเอ่ย “ลูกไม่รักดี ลูกไม่รักดีผู้นี้…เขาเรียนอะไรไม่ดี กลับมักมากในกาม…ลูกไม่รักดี!”

“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ไม่ได้โกรธนานนัก ผ่านไปชั่วครู่ก็สงบลง เอ่ยถาม “หมอหลวงเป็นหมอหลวงคนใดไปตรวจหรือ”

ขันทีรับใช้ไม่กล้ารีรอ รีบเอ่ยตอบ “ท่านหมอหลวงหวัง หมอหลวงหลี่ และหมอหลวงซุนพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น “องค์รัชทายาทร่างกายอ่อนแอ ข้ากังวลว่าเขาจากไปแล้วจะไม่มีใครตามไปรับใช้ดูแล คนเหล่านี้ฝังไปกับองค์รัชทายาทเถิด อีกทั้ง เจ้าส่งคนไปบอกกับพระชายารัชทายาทสักหน่อย คนที่คอยดูแลปรนนิบัติองค์รัชทายาท ปิดปากพวกเขาให้สนิท”

“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ขันทีรับใช้รีบเอ่ยตอบรับ แม้จะเริ่มเข้าฤดูหนาว เหงื่อกลับเปียกโชกไปทั่วศีรษะ เขารู้ดีว่าฝ่าบาทต้องการปกป้องรักษาชื่อเสียงขององค์รัชทายาท หมอหลวงและข้าทาสบริวารที่คอยดูแลปรนนิบัติองค์รัชทายาทแน่นอนว่าไม่อาจเก็บไว้ได้ โชคดี…โชคดีที่ฝ่าบาทยังเชื่อใจตน มิเช่นนั้นคืนนี้เขาก็คงเป็นหนึ่งในผู้คนที่ต้องถูกฝังไปด้วย ไม่กล้าคิดอันใดอีก ขันทีรับใช้รีบลุกขึ้นมา เดินออกไปด้านนอกทันที

เช้าตรู่ องค์หญิงฉังผิงเตรียมตัวเข้าวัง แน่นอนว่าหนานกงมั่วเองก็ติดตามไปกับองค์หญิงฉังผิงด้วย เพียงแต่ไม่ใช่ในฐานะซิงเฉิงจวิ้นจู่ แต่เป็นในฐานะสาวใช้ขององค์หญิงฉังผิง ส่วนสูงของหนานกงมั่วในหมู่สาวใช้ไม่นับว่าเตี้ย โชคดีที่องค์หญิงมีสาวใช้ร่างสูงเคียงกายอยู่หลายคน เพียงทำตัวให้กลมกลืนสักนิดก็พอแล้ว อย่างไรก็ไม่มีใครมาใส่ใจกับสาวใช้มากเท่าใดนักมิใช่หรือ

ขณะนั่งอยู่บนรถม้า องค์หญิงฉังผิงรู้สึกกระวนกระวาย “อู๋สยา เสด็จพ่อจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

หนานกงมั่วเอ่ยปลอบโยนเสียงเบา “เสด็จแม่วางใจเถิดเพคะ ฝ่าบาททรงพิโรธมาทั้งชีวิต คงไม่เป็นอันใดเพราะเรื่องเพียงเท่านี้หรอกเพคะ” องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ ส่ายศีรษะ เอ่ย “ต่อให้เป็นคนเก่งกาจเพียงใด…นั่นก็เป็นศัตรู แต่กับคนของตนเอง เกรงว่าคงเจ็บปวดมากยิ่งกว่า”

นับตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ เกรงว่าคนบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของเขา แม้แต่โอรสและหลานของพระองค์ ความอบอุ่นในสายเลือดที่มีนั่นเป็นเพราะไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงบรรดาหลานฮ่องเต้เป็นอันตรายต่อบัลลังก์มังกร เกรงว่าฝ่าบาทคงไม่มีความเมตตา หนานกงมั่วลอบเอ่ยอยู่ในใจ เพียงแต่วาจาเหล่านี้ไม่สามารถเอ่ยให้องค์หญิงฉังผิงได้ยินได้

“ฝ่าบาทมีหรือที่คนทั่วไปจะเปรียบได้ เสด็จแม่ อย่าได้กังวลเลยเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา

องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า มองไปยังหนานกงมั่วพลางถอนหายใจ เอ่ย “โชคดีที่มีเจ้า มิเช่นนั้น…ข้าเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร”

หนานกงมั่วยิ้มบางไม่ได้เอ่ยสิ่งใด พ่นลมหายใจอยู่ในใจ หากไม่ใช่เพราะข้ากลับมา เรื่องไม่ถึงตอนจบเกรงว่าเสด็จแม่ก็คงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น จะได้ไม่ต้องมากังวลใจไปด้วย

รถม้าขององค์หญิงฉังผิงผ่านเข้าประตูวัง ทว่าเมื่อเข้าใกล้กับตำหนักของฮ่องเต้กลับถูกขัดขวางเอาไว้ เพราะในเมืองหลวงมีเพียงองค์หญิงฉังผิง องค์หญิงหลิงอี๋ และองค์รัชทายาทที่เป็นโอรสธิดาอยู่เพียงสามพระองค์ องค์หญิงฉังผิงเข้าวังจึงไม่จำเป็นต้องรายงานล่วงหน้า เพียงมาถึงพระตำหนักแล้วจะมีคนช่วยรายงาน แปดในสิบส่วนฝ่าบาทยินยอมให้เข้าเฝ้า แต่ครั้งนี้กลับแตกต่าง ขันทีที่เข้าไปรายงานกลับออกมา รายงานต่อองค์หญิงฉังผิงว่าฝ่าบาทอารมณ์ไม่ดีไม่ต้องการพบผู้ใด เชิญองค์หญิงกลับไปก่อน

องค์หญิงฉังผิงขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยความกังวล “ตั้งแต่เมื่อวานเสด็จพ่อก็ไม่ยอมให้ใครเข้าเฝ้า ไม่เป็นไรจริงๆ หรือ”

ขันทีรับใช้เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ฝ่าบาททรงโศกเศร้าเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก เกรงว่าหากพบกับองค์หญิงทั้งสองจะยิ่งเจ็บปวด ขอองค์หญิงกลับไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ เมื่อวานหมอหลวงมาตรวจอาการของฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทไม่เป็นอันใดมากพ่ะย่ะค่ะ” หนานกงมั่วที่ติดตามองค์หญิงฉังผิงอยู่ด้านหลังขมวดคิ้วมุ่น สภาพร่างกายของฝ่าบาทนางรู้ดีกว่าใคร ต่อให้เป็นเวลาปกติก็ไม่อาจเรียกได้ว่าไม่เป็นอันใด ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ทว่าอาจเป็นไปได้ที่ฝ่าบาทกำลังปิดบังอาการป่วยต่อสายตาคนภายนอก สำหรับคนที่เฝ้าประตูเช่นนี้ไม่รู้ก็อาจเป็นไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรหากไม่ได้พบฝ่าบาท หลายเรื่องก็ไม่อาจจัดการได้ องค์หญิงฉังผิงเองก็เข้าใจความคิดของนาง พยักหน้าพลางเอ่ย “ช่างเถิด ในเมื่อเสด็จพ่ออารมณ์ไม่ดี ข้าจะไปนั่งกับพระสนมหลินกุ้ยเฟยเสียก่อน หากเสด็จพ่อเรียกเข้าเฝ้า ช่วยไปบอกข้าที่ตำหนักของกุ้ยเฟย”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท