ตอนที่ 444 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจในวังหลวง (2)
เซียวฉุนกล่าวไม่ผิด ดังนั้นแม้ว่าหนานกงมั่วจะรู้สึกว่ามันไม่ปกติแต่กลับไม่ไปยังกองทัพเพื่อเคลื่อนย้ายกองกำลัง นางไม่สามารถสั่งเคลื่อนกองกำลังได้ ต่อให้นางตัดศีรษะของผู้บังคับบัญชาแล้ว เมื่อไม่มีพระบัญชาคนที่เหลือพวกเขาก็ไม่กล้าไปกับนาง การดึงดันไปเคลื่อนย้ายกองกำลังไม่เพียงแต่คนไปเคลื่อนย้ายต้องตาย คนที่เคลื่อนย้ายด้วยก็อาจซวยไปด้วย เว่ยจวินมั่วเคยเป็นผู้บัญชาการ มีประสบการณ์การรบสามารถเดิมพันกับเขาได้สักครั้ง แต่นางที่เป็นจวิ้นจู่นั้นไม่มี ส่วนหนานกงไหวที่เป็นแม่ทัพ อย่าว่าแต่เชื่อเขาไม่ได้ แต่พวกเขาไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งกองกำลังของจินหลิงด้วยซ้ำ หากรอเขาไปรวบรวมกองกำลังกว่าจะเคลื่อนย้ายมายังจินหลิงถึงตอนนั้นก็คงจะสายไปแล้ว
ฮ่องเต้พิโรธขึ้นมา “เจ้าตั้งใจกระจายโรคระบาดหรือ เซียวฉุน ข้านึกว่าเจ้าจะเหลวไหลเพราะเจ้ายังเด็ก ไม่คิดว่าตอนนี้…เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอันใดอยู่”
เซียวฉุนไม่โกรธเลยสักนิด หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เสด็จพี่ กระหม่อมขอเตือนพระองค์อย่าได้โกรธจะดีกว่า ที่มาในคืนนี้พระองค์ก็น่าจะรู้ว่ากระหม่อมมีความมั่นใจมากเพียงใด…”
ฮ่องเต้ส่งเสียงหยัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าคิดจะทำอันใด บีบให้ข้าสละราชบัลลังก์หรือ ต่อให้ข้ายกบัลลังก์ให้เจ้า เจ้าจะนั่งได้หรือ”
เซียวฉุนหัวเราะออกมา เอ่ย “เสด็จพี่คิดมากเกินไปแล้ว กระหม่อมไม่เคยคิดว่าเสด็จพี่จะยกให้กระหม่อม คืนนี้กระหม่อมเพียงมาส่งพระองค์กลับสวรรค์ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ต่อให้เซียวฉุนมีความโลภต่อราชบัลลังก์มากเพียงใดทว่าตัวเขารู้ดี เขาไม่อาจนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นได้ ต่อให้บีบบังคับฮ่องเต้ให้สละราชบัลลังก์ให้เขาเขาก็ไม่อาจนั่งได้มั่นคง ผู้ปกครองเมืองที่มีกำลังทหารในมือเหล่านั้นไม่ใช่คนโง่ นับแต่โบราณเคยได้ยินแต่ส่งต่อราชบัลลังก์ให้แก่ลูกแก่หลาน ไม่เคยได้ยินว่ามีการส่งต่อราชบัลลังก์ให้แก่น้องชาย อีกทั้งยังไม่ใช่น้องชายร่วมมารดาอีกด้วย ฮ่องเต้หลบตาลงขยับอย่างไร้เรี่ยวแรง เนิ่นนานจึงเอ่ย “เชียนเยี่ย…เชียนเยี่ย…”
เสียงหัวเราะของเซียวฉุนยิ่งดังมากขึ้น “ฮ่าๆ เสด็จพี่ นี่พระองค์หาเรื่องตายเองนะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เขียนราชโองการยกบัลลังก์แก่หวงจั่งซุนแล้วใช่หรือไม่ เดิมทีกระหม่อมไม่คิดว่ามันจะง่ายเพียงนี้ ไม่คิดว่าพระองค์จะช่วยกระหม่อมไม่น้อยเลยทีเดียว” ฮ่องเต้ค่อยๆ สงบลง แต่มือที่วางอยู่บนพนักเก้าอี้นั้นออกแรงบีบมากขึ้น เห็นได้ชัดว่ากำลังควบคุมสติ “เชียวเยี่ยไปร่วมมือกับเจ้าได้เยี่ยงไร…”
เซียวฉุนเอ่ยด้วยท่าทางเย้ยหยัน “แน่นอนเพราะว่า กระหม่อมที่เป็นเสด็จปู่รองน่าเชื่อถือกว่าพระองค์ที่เป็นเสด็จปู่อย่างไรเล่า อย่างไรเสีย หากเสด็จพี่ตาย องค์รัชทายาทไม่แน่ว่าจะแต่งตั้งเขาเป็นองครัชทายาทหรือไม่ แต่กระหม่อมไม่เหมือน กระหม่อมสามารถยกบัลลังก์ให้กับเขา” ฮ่องเต้กระอักเลือดออกมา “องค์รัชทายาท…องค์รัชทายาทเป็นเจ้า…”
ไม่ต้องถามอีก เพียงมองใบหน้าอวดดีของเซียวฉุนก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเซียวฉุน
“ฝ่าบาท” หนานกงมั่วและหัวหน้าขันทีเข้ามาประคองฮ่องเต้ หนานกงมั่วรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ มือของฮ่องเต้นั้นเย็นเยียบ เมื่อจับชีพจรพบว่ามันใกล้จะมอดดับแล้ว ต่อให้ไม่มีเรื่องในคืนนี้ฮ่องเต้ก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อฮ่องเต้ไม่น้อย เพียงแต่ฮ่องเต้ปฐมกษัตริย์ต้องมาตายตรงนี้ด้วยสาเหตุนี้ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเปล่าเปลี่ยว
เซียวฉุนส่งเสียงหยัน เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ข้าว่าเจ้าอย่าเสียเวลาเลย เห็นแก่หน้าหนานกงไหว ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ท่านอ๋องเห็นแก่หน้าบิดาของหม่อมฉันจึงไม่อยากทำให้หม่อมฉันลำบากใจอย่างนั้นหรือ แต่หม่อมฉันไม่คิดว่าท่านพ่อจะไม่ทำให้พระองค์ลำบากเพราะเห็นแก่หน้าพระองค์หรอกเพคะ” ทั่วทั้งแผ่นดินมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าหนานกงไหวภักดีต่อฮ่องเต้เพียงใด
“ฮ่าๆ” เซียวฉุนราวกับได้ยินเรื่องตลกน่าขัน มองหนานกงมั่วด้วยท่าทีหยอกล้อ เอ่ย “เช่นนั้น ซิงเฉิงจวิ้นจู่เคยได้ยินประโยคหนึ่งหรือไม่ โบราณกล่าวไว้ว่า ความอ่อนหวานเป็นสุสานของวีรบุรุษ ตอนนี้สำหรับหนานกงไหวที่กำลังหลงในหญิงงามคิดว่าหญิงงามกับบุตรีสำคัญหรือความภักดีต่อฝ่าบาทสำคัญยิ่งกว่าเล่า หรือพูดได้ว่าชื่อเสียงของเขาสำคัญหรือฮ่องเต้สำคัญ”
หนานกงมั่วเงียบไปชั่วครู่ เอ่ยเสียงเบา “เฉียวเฟยเยียน เป็นคนของพระองค์ ท่านอ๋องฝีมือไม่เลวเลย ไม่เพียงสามารถสอดมือเข้ามาในวังหลวง แม้แต่พระชายาของหวาหนิงจวิ้นอ๋องที่อยู่แนวขอบยังดึงมาอยู่ในกำมือของพระองค์ได้” เห็นได้ชัดว่าเซียวฉุนเองก็พึงพอใจในฝีมือของตนเองอยู่มาก พยักหน้ายิ้มรับ “เฉียวเฟยเยียนสตรีผู้นั้นแม้จะโง่เขลาไปบ้าง เพียงแต่สตรีนั้นโง่สักนิดจะน่ารักยิ่งกว่า สตรีเยี่ยงจวิ้นจู่นี้มิได้น่ารักเลยสักนิด”
หนานกงมั่วแทบอยากอาเจียนออกมา นางไม่สนใจสักนิด ต้องมาพูดคุยถึงความน่ารักของนางกับชายชราเช่นนี้
“จวิ้นจู่เองไม่ต้องคิดหาวิธีอันใดอีกแล้ว ข้าเข้ามานานเพียงนี้แล้วยังไม่มีผู้ใดเข้ามา เจ้าก็น่าจะรู้แล้วว่าวังนี้อยู่ในมือของใคร” เซียวฉุนจ้องหนานกงมั่วเขม็ง หนานกงมั่วลอบถอนหายใจอยู่ในใจ เรื่องในคืนนี้ช่างยุ่งยากเสียจริง ต่อให้นางเก่งกาจเพียงใดก็ไม่อาจทวนกระแสน้ำได้ คืนนี้อย่างมากนางก็คงพาตัวเองหนีออกไปให้รอดปลอดภัยเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่ต้องอยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเลยสักนิด
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านอ๋องคิดจะทำเยี่ยงไร”
เซียวฉุนเอ่ย “จวิ้นจู่รีบหนีไปจากที่นี่ทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ข้าเองก็จะทำเหมือนไม่เคยเจอจวิ้นจู่ในคืนนี้ เป็นเยี่ยงไร”
หนานกงมั่วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “นี่ไม่ใช่นิสัยของท่านอ๋องเลย ในเมื่อท่านอ๋องมั่นใจว่าบิดาของหม่อมฉันจะไม่ปฏิเสธพระองค์ จวินมั่วเองยังเป็นตายไม่อาจคาดเดาได้ที่หลิงโจว พระองค์หรือจะยอมปล่อยหม่อมฉันโดยไม่กำจัดถอนรากถอนโคน”
เซียวฉุนยิ้มเย็น “เจ้าวางใจ เว่ยจวินมั่วขอเพียงไม่โชคร้ายก็คงจะได้ตาย เอ่ยตามตรง ข้าไม่อยากเป็นปฏิปักษ์กับเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องมากนัก”
“ตอนนี้ท่านอ๋องคิดสังหารพระบิดาของเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋อง ท่านยังกล้าบอกว่าไม่อยากเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขาอย่างนั้นหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เซียวฉุนไม่พอใจ “พระบิดาอย่างนั้นหรือ เขานับว่าเป็นพระบิดาหรือ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าผู้ปกครองเมืองเหล่านั้นจะมีความรักลึกซึ้งต่อเขา ผู้ปกครองเมืองเหล่านี้เพียงโตขึ้นก็ถูกส่งออกไปยังเขตปกครองต่างๆ หนึ่งปีก็ไม่อนุญาตให้กลับมาสักครั้ง อายุน้อยสักหน่อยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ สิบกว่าปีก็ต้องถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นอ๋อง จากนั้นส่งออกไปอยู่ในที่ไกลๆ เสด็จพี่ตายไปจริงๆ พวกเขาก็คงดีใจเสียมากกว่า ทั้งหมดนี้เพื่อองค์รัชทายาทหรือ หึหึ เสด็จพี่ พระองค์เคยคิดหรือไม่ เพราะเชื้อสายองค์รัชทายาทของท่านที่ทำให้ท่านมาอยู่ในจุดนี้ได้ น่าสงสารกษัตริย์ของประเทศ ต้องมาตายตาไม่หลับเช่นนี้”
ฮ่องเต้ไอออกมา ผ้าเช็ดหน้าในมือเต็มไปด้วยเลือดจนน่าตกใจ เงยหน้าขึ้นมา มองไปยังเซียวฉุน เอ่ย “ข้าดูแลเจ้าไม่ดีตรงไหน ไยเจ้าต้องทำเช่นนี้”
เซียวฉุนส่งสายตามองมาราวกับกำลังเอ่ยถามว่าเจ้าโง่หรือ เอ่ย “เสด็จพี่ พระองค์นั้นเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ กระหม่อมผู้เป็นน้องย่อมอยากจะยิ่งใหญ่ไปทั่วหล้าบ้าง น่าเสียดายเสด็จพี่ท่านไม่ให้โอกาสกระหม่อม ข้ารู้ดีจึงต้องคิดหาวิธีด้วยตนเอง เสด็จพี่พระองค์อย่ามองว่ากระหม่อมยึดควบคุมองครักษ์ของพระองค์ได้ง่ายๆ กระหม่อมยอมทนมากว่ายี่สิบปี พระองค์รู้หรือไม่กระหม่อมต้องเสียคนและทรัพย์สินไปมากเพียงใด โชคดีสุดท้ายก็เป็นไปตามที่กระหม่อมคาดหวังเอาไว้”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านอ๋องท่านดีใจเร็วเกินไปหรือไม่”
เซียวฉุนมองหนานกงมั่วด้วยความสนใจ เอ่ย “ดูเหมือนจวิ้นจู่จะคิดว่าตนเองยังมีวิธี หรือเจ้าคิดจะใช้แผนการเหลวไหลข่มขู่ข้าอีกอย่างนั้นหรือ”