หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 443 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจในวังหลวง (1)

ตอนที่ 443 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจในวังหลวง (1)

ตอนที่ 443 การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจในวังหลวง (1)
เปิดหน้าต่างสูงบานหนึ่งออก หนานกงมั่วกระโดดลงไปในตำหนักอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว

ในพระตำหนักให้ความรู้สึกเงียบเหงาแปลกๆ หนานกงมั่วไม่ได้รีบร้อน ยืนหลบอยู่หลังเสาชั่วครู่ เมื่อมั่นใจว่าในตำหนักไม่มีใครจึงตรงไปยังจุดที่มีไฟส่องสว่าง ในห้องใหญ่ พระพักตร์ฮ่องเต้ซีดเซียว ร่างกายซูบผอมนั่งจับพู่กันเขียนบางสิ่งบางอย่างอยู่บนโต๊ะทรงพระอักษร นางกำนัลและขันทีต่างยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับท่อนไม้

“วันนี้ฉังผิงและหลิงอี๋เข้าวังมาหรือไม่”

ขันทีขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ย “ทูลฝ่าบาท ไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่หรือ” คิ้วสีขาวของฮ่องเต้ขมวดเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้น “พวกนางจะไม่เข้าวังได้เยี่ยงไร เจ้าฟังดีแล้วหรือ”

หัวหน้าขันทีเอ่ยตอบ “ฝ่าบาท หากเหล่าองค์หญิงมา คนเบื้องล่างไหนเลยจะกล้าไม่รายงาน กระหม่อมไม่ได้ยินเบื้องล่างรายงานมาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ครุ่นคิด พยักหน้า บ่าวผู้นี้อยู่กับเขามาทั้งวัน ยังไม่ห่างไปไหน แน่นอนคงไม่โกหกตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นโกหกแล้วจะมีประโยชน์อันใดกับเขา

“พรุ่งนี้มีรับสั่งเรียกองค์หญิงฉังผิงและองค์หญิงหลิงอี๋เข้าวัง” ฮ่องเต้รับสั่งเสียงเข้ม

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ขันทีเอ่ยตอบรับด้วยท่าทีนอบน้อม “ฝ่าบาท พระองค์ควรพักผ่อนได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้โบกมือ เอ่ย “ข้าเขียนอีกสักพัก รอเชียนเยี่ยกลับมาแล้ว…จะได้อ่าน ข้า…มีเวลาไม่มากแล้ว”

“ฝ่าบาท…พระองค์มีพระวรกายที่แข็งแกร่ง ไยจึง…” หัวหน้าขันทีรีบคุกเข่าลง ฮ่องเต้โบกปัดมือ เอ่ย “เอาล่ะ เจ้าเอาแต่เยินยอข้ามาทั้งวัน ร่างกายของข้ามีหรือข้าจะไม่รู้ อย่าพูดมาก รบกวนเวลาของข้า เชียนเยี่ยจะกลับมาเมื่อไร” หัวหน้าขันทีเอ่ยตอบ “ส่งคนเดินทางกว่าแปดร้อยลี้ไปแจ้งข่าว หวงจั่งซุน…อีกสองวันก็คงมาถึงพ่ะย่ะค่ะ”

“สองวันหรือ” ฮ่องเต้ถอนหายใจ เอ่ย “ดูเหมือน ข้าเองก็ต้องรีบแล้ว ความประสงค์นี้ รุ่งสางของพรุ่งนี้ก็ต้องส่งออกไป”

หัวหน้าขันทีกวาดตามองพระราชสาสน์ที่วางอยู่บนโต๊ะ รู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ อยู่กับฮ่องเต้มาตลอด แน่นอนเขารู้ว่าในพระราชสาสน์เหล่านี้เขียนสิ่งใดบ้าง ทุกๆ ฉบับล้วนแล้วแต่เป็นชีวิตคนที่มิอาจนับได้

ในขณะที่ผู้เป็นนายเหนือหัวกำลังเอ่ยประโยคนั้น ทันใดนั้นมีเสียงนางกำนัลล้มลงเสียงดัง หัวหน้าขันทีเงยหน้าขึ้นไปมอง กำลังจะดุขึ้นคนที่อยู่ด้านข้างกลับล้มตามลงไป

“เด็กๆ…”

“หุบปาก” เสียงใสเอ่ยขัดคำพูดของเขา จากนั้นเกิดเสียงพลักสองครั้ง องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่สองคนพลันถูกโยนออกมา หัวหน้าขันทีรีบเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าฮ่องเต้ เห็นเพียงร่างคุ้นตากระโดดลงมา “หนานกงมั่ว เข้าเฝ้าฝ่าบาท”

“ซิงเฉิงจวิ้นจู่ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร” ฮ่องเต้ตกใจ เอ่ยถามเสียงเข้ม ดวงตากวาดมองคนที่สลบอยู่บนพื้นยิ่งทำให้ตกตะลึงมากขึ้น มองไปยังหนานกงมั่วบอกใบ้ให้นางให้เหตุผลที่สมเหตุสมผล หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้พึ่งเข้าวังมาเพคะ ความจริงแล้ว ตั้งแต่เช้าหม่อมฉันก็เข้าวังมาแล้ว มากับเสด็จแม่เพคะ”

“ฉังผิงหรือ” ฮ่องเต้ตกใจ “วันนี้ฉังผิงมิได้เข้าวังมามิใช่หรือ”

อย่างไรก็เป็นฮ่องเต้ ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ไม่ปกติ “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่” หัวหน้าขันทีรีบคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ย “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ทั้งวัน…ไม่มีใครมารายงานว่าองค์หญิงมาขอเข้าเฝ้าเลย ต่อให้กระหม่อมกล้ามากเพียงใดก็มิกล้าขัดขวางองค์หญิงนะพ่ะย่ะค่ะ” เพราะองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้ไม่ทรงงาน วันทั้งวันไม่มีใครมาเข้าเฝ้าจึงไม่แปลกอันใด ทว่าฮ่องเต้เพียงไม่พอใจที่แม้แต่ธิดาทั้งสองยังไม่มาเยี่ยมตนเองก็เท่านั้น เขาตั้งใจว่าหากพรุ่งนี้องค์หญิงยังไม่มา เขาจะส่งคนไปเตือนสักหน่อย ยามนี้ความหมายของซิงเฉิงจวิ้นจู่ กำลังบอกว่าองค์หญิงถูกขัดขวางต้องกลับไป ในพระราชวังแห่งนี้ใครจะกล้าถึงเพียงนี้

ชั่วครู่ สีหน้าของฝ่าบาทพลันไม่น่ามองขึ้นมา สัญชาตญาณการเป็นกษัตริย์และความระแวดระวังทำให้เขาสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้นั้นร้ายแรงเพียงใด ในพระราชวังกล้ามีคนขัดขวางการเข้าเฝ้าขององค์หญิงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา มีปัญหาในจุดใดไม่ต้องเอ่ยบอกก็รู้ได้

ฮ่องเต้หันไปหาหนานกงมั่ว เอ่ยถาม “ไยเจ้าจึงกลับเมืองหลวงมากะทันหัน หลิงโจวเกิดเรื่องแล้วหรือ”

หนานกงมั่วมองไปยังฮ่องเต้ ไม่มั่นใจว่าฮ่องเต้จะรับข่าวสารจากตนเองได้หรือไม่ ฮ่องเต้เท้าโต๊ะตรงทรงพระอักษรตรงหน้า เอ่ยเสียงเข้ม “รีบบอกมา ข้าไม่เชื่อว่ายามนี้ยังมีเรื่องอันใดที่จะทำให้ข้าตกใจได้อีก” หนานกงมั่วลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ย “หลิงโจวเกิดเรื่องแล้วจริงๆ เพคะ แต่ที่หม่อมฉันกลับมานั้นเป็นเพราะว่าสงสัยว่าจะเกิดเรื่องที่จินหลิง เป็นเช่นนั้น หลังจากที่หม่อมฉันมาถึงจินหลิงก็ได้รับข่าว จดหมายที่จวินมั่วให้ม้าเร็วส่งมาถวายแก่ฝ่าบาทถูกคนขัดขวางเอาไว้เพคะ”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว หลายวันมานี้เขาไม่ได้รับจดหมายจากเว่ยจวินมั่วจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือจดหมายลับก็ไม่เคยได้รับ เงียบไปชั่วครู่ ฮ่องเต้จึงกวาดสายตาไปมององครักษ์ทั้งสองที่สลบอยู่บนพื้น เอ่ย “ในหมู่องครักษ์มีคนหักหลังข้า” เรื่องเช่นนี้ นอกจากองครักษ์ที่เชื่อใจผู้รู้ความลับมากมายของฮ่องเต้แล้วก็ไม่มีใครทำได้ แม้กระทั่งฮ่องเต้เองยังคาดไม่ถึง องครักษ์ที่พระองค์เชื่อใจมากยิ่งกว่าบรรดาองค์ชายด้วยซ้ำกลับมาหักหลังตนเองได้

นั่งเหม่อลอยพิงพนักเก้าอี้อยู่นาน ฮ่องเต้พลันลืมตาขึ้นมา หันไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “คนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร เจ้ารู้หรือไม่”

หนานกงมั่วกำลังจะเอ่ย ด้านนอกพลันมีเสียงเท้าเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดวงตาของหนานกงมั่วหรี่แคบลง ฮ่องเต้เองก็เคร่งขรึมขึ้นมา เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าไปอยู่ด้านหลังก่อน”

หนานกงมั่วพยักหน้าเงียบๆ หมุนตัวกลับไปหลบซ่อนอยู่ด้านหลัง

ประตูพระตำหนักถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก ฮ่องเต้มองเห็นคนที่เดินนำเข้ามาดวงตาพลันตื่นตกใจ ไม่นานจึงสงบลง “น้องสี่ ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้า”

เซียวฉุนกวาดตามองนางกำนัลและองครักษ์ที่สลบอยู่บนพื้น เอ่ย “ดูเหมือนว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่จะมาที่นี่แล้ว มิน่าเล่าเสด็จพี่มองเห็นกระหม่อมแล้วจึงไม่ตกใจ น่าเสียดายจริงๆ เดิมทีกระหม่อมยังอยากทำให้เสด็จพี่ได้ตกใจ ซิงเฉิงจวิ้นจู่ออกมาเถิด ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”

ทั่วทั้งตำหนักเงียบลง เนิ่นนานหนานกงมั่วจึงเดินออกมาจากด้านหลัง เซียวฉุนมองเห็นหนานกงมั่ว เลิกคิ้วอย่างได้ใจ “เว่ยจวินมั่วช่างเชื่อใจเจ้าเหลือเกิน กล้าให้เด็กผู้หญิงอย่างเจ้ากลับเมืองหลวงมาผู้เดียว น่าเสียดาย เจ้าคนเดียวห้ามข้าไม่ได้หรอก” หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “หม่อมฉันเองก็ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้”

เซียวฉุนเลิกคิ้ว “ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้วว่าข้าทำอันใด”

“ท่านอ๋องไม่กังวลจวินมั่ว ทิ้งเมืองหลิงโจวมุ่งตรงมายังจินหลิงด้วยตนเอง ไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าเขาจะไม่สามารถกลับมาได้ในเร็ววันนี้หรอกหรือ พระองค์ปล่อยให้โรคระบาดบนเขาลั่วหยางกระจายลงมาแล้ว”

“โรคระบาดหรือ โรคระบาดอันใดกัน” ฮ่องเต้เอ่ยเสียงดัง แม้กับขุนนางฮ่องเต้จะใจดำอำมหิต ทว่าเป็นกษัตริย์ที่เกิดมาจากรากหญ้า เขานั้นมีความเมตตาต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เซียวฉุนหัวเราะเสียงดังออกมา “ดูเหมือนเสด็จพี่จะยังไม่รู้สินะ ตอนนี้เว่ยจวินมั่วกำลังยากลำบากอยู่ที่หลิงโจว ข้าว่าบางทีอาจจะมีความทุกข์ทรมานอยู่บ้าง อย่างไรเสียเว่ยจวินมั่วก็ไม่ใช่เพียงผู้บังคับบัญชากองกำลังคุ้มกันเมืองหลวง ป้ายทองอาญาสิทธิ์และกระบี่อาญาสิทธิ์รวมเข้าด้วยกันยังไม่แน่ว่าอาจเคลื่อนกองทัพได้ แต่เด็กคนนี้ ต่อให้นางถือทั้งสองสิ่งไปยังค่ายทหารก็คงไม่มีใครกล้าเคลื่อนกองกำลัง แน่นอนเรื่องนี้ก็ต้องโทษเสด็จพี่ ใครใช้ให้พระองค์รุนแรงกับเหล่าขุนนางจนเกินไปเล่า”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท