หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 441 พระสนมหลินกุ้ยเฟย (2)

ตอนที่ 441 พระสนมหลินกุ้ยเฟย (2)

ตอนที่ 441 พระสนมหลินกุ้ยเฟย (2)
ขันทีรับใช้รีบเอ่ยมิกล้า แล้วส่งองค์หญิงฉังผิงด้วยท่าทีนอบน้อม

ครั้งเมื่ออดีตฮองเฮาจากไป ฮ่องเต้แสดงเจตนาชัดเจนว่าจะไม่แต่งตั้งฮองเฮาพระองค์ใหม่ ก่อนหน้านี้นางสนมที่มีอายุจากโลกไปก็จากไป เป็นที่โปรดปรานก็เป็นที่โปรดปราน ยามนี้ในวังหลวงผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดก็คือพระสนมหลินกุ้ยเฟยแล้ว ดังนั้นเรื่องราวในวังหลังส่วนใหญ่ล้วนเป็นนางและนางสนมคนอื่นๆ ช่วยกันจัดการ แม้องค์หญิงฉังผิงจะมิได้สนิทสนมกับบรรดานางสนมวังหลังทั้งหลาย แต่กับพระสนมหลินกุ้ยเฟยผู้นี้นั้นยังพอพูดคุยได้บ้าง

แม้หนานกงมั่วจะไม่เคยเจอพระสนมหลินกุ้ยเฟยมาก่อน แต่เพราะเรื่องของเซี่ยเพ่ยหวนทำให้ภาพจำของนางต่อพระสนมหลินกุ้ยเฟยผู้นี้ไม่ดีนัก เดินเข้าไปในตำหนักหย่งอันของพระสนมหลินกุ้ยเฟย พระสนมหลินกุ้ยเฟยก็เดินออกมารอต้อนรับ ยามนี้องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ทำให้พระราชวังเองก็อึมครึมตามไปด้วย ใครก็ไม่กล้าส่งเสียงดังเฮฮา

“พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ” หลินกุ้ยเฟยเชิญองค์หญิงฉังผิงเข้าไปด้านใน เอ่ยถามเสียงเบา

พระสนมหลินกุ้ยเฟยไม่ใช่คนที่ทำให้คนรู้สึกเกลียดตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ เดิมทีมีอายุเพียงสามสิบห้าปี เพราะดูแลตนเองเป็นอย่างดีจึงทำให้นางราวกับอายุยี่สิบห้าปี อาจเป็นเพราะโอรสเพียงหนึ่งเดียวด่วนจากไปเร็ว หว่างคิ้วของนางจึงมีความหงอยเหงาและคิดคำนึงอยู่ตลอดเวลา ทว่าไม่ได้มีความขุ่นเคืองหรือโศกเศร้าอย่างที่หนานกงมั่วคิดเอาไว้ เพียงแต่เวลานี้ หนานกงมั่วไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องของเซี่ยเพ่ยหวนแล้ว

องค์หญิงฉังผิงนั่งลง เอ่ย “รบกวนพระสนมหลินกุ้ยเฟยแล้ว ไม่รู้ว่าเสด็จพ่อ…สองวันมานี้สบายดีหรือไม่”

พระสนมหลินกุ้ยเฟยชะงัก ฝืนยิ้มขมขื่น เอ่ย “ที่แท้องค์หญิงมาเพราะฝ่าบาทนี่เอง องค์หญิงเองก็รู้ว่าในใจของฝ่าบาทพวกเรา…เกรงว่าคงไม่อาจเทียบได้กับอดีตฮองเฮาได้ ฝ่าบาทเป็นอะไรที่ใดมีหรือจะเอ่ยกับพวกเรา ไม่กลัวขายหน้าต่อองค์หญิง ว่ากันว่าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานที่สุด ความจริง…หม่อมฉันเองก็ไม่ได้เจอฝ่าบาทมาสองสามเดือนแล้ว”

ฮ่องเต้มีอายุกว่าเจ็ดสิบปีแล้ว ทว่าหลินกุ้ยเฟยพึ่งอายุได้สามสิบกว่า หากบอกว่ามีความรักลึกซึ้งต่อฝ่าบาทคาดว่าคงไม่มีใครเชื่อ เมื่อครั้งพระสนมหลินกุ้ยเฟยอายุยังน้อยบางทีอาจมีใจคิดแย่งชิงความโปรดปราน แต่หลังจากที่พระโอรสจากไป ความคิดเช่นนั้นของพระสนมหลินกุ้ยเฟยก็ค่อยๆ จางหายไป จิตใจจึงสงบลงไปมาก เคียงข้างกษัตริย์ดุจเคียงข้างพยัคฆ์ ยิ่งเป็นฝ่าบาทที่อายุมากแล้วอารมณ์ก็ยิ่งไม่คงที่ เมื่อไม่ได้เจอพระสนมหลินกุ้ยเฟยเองก็ดีใจ นางอยู่ในตำแหน่งกุ้ยเฟย ไม่ว่าอย่างไรย่อมไม่ได้รับความลำบากเมื่ออยู่ในวังอย่างแน่นอน

องค์หญิงฉังผิงทำได้เพียงถอนหายใจ เอ่ย “เสด็จพี่องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ ข้าเกรงว่าเสด็จพ่อจะรับไม่ไหว น่าเสียดาย เสด็จพ่อไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าเฝ้า ช่างน่าเป็นห่วงเสียจริง”

พระสนมหลินกุ้ยเฟยครุ่นคิด เอ่ย “องค์หญิงกตัญญูเพียงนี้ หากฝ่าบาทรับรู้จะต้องดีใจมากเป็นแน่ ในเมื่อเป็นช่นนี้ หม่อมฉันจะเรียกหมอหลวงมาสอบถามเพคะ”

“เอ่อ…ได้หรือ” ในวังหลวง สอบถามอาการป่วยของฮ่องเต้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ไม่ดีก็คืออาจได้รับโทษสอดส่องเบื้องสูง

พระสนมหลินกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรเพคะ เพียงสอบถามเท่านั้น ฝ่าบาทเป็นเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่กังวล” แม้นางจะไม่สนใจแย่งชิงความโปรดปราน แต่กุ้ยเฟยและไท่กุ้ยเฟยนั้นยังมีความแตกต่าง หากเป็นไปได้ พระสนมหลินกุ้ยเฟยก็หวังว่าฝ่าบาทจะมีอายุยืนยาวร้อยปี

รับสั่งให้นางกำนัลไปเชิญหมอหลวง พระสนมหลินกุ้ยเฟยจึงสังเกตุเห็นหนานกงมั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์หญิงฉังผิง คิ้วสวยเลิกขึ้น “องค์หญิง ผู้นี้…คล้ายจะไม่ใช่คนที่ติดตามองค์หญิงอยู่บ่อยๆ”

องค์หญิงฉังผิงหันกลับไปมองหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มาถวายพระพรพระสนมหลินกุ้ยเฟยสักหน่อยเถิด”

“หนานกงมั่วถวายพระพรพระสนมหลินกุ้ยเฟยเพคะ” หนานกงมั่วย่อตัวถวายพระพร เอ่ยเสียงเบา

พระสนมหลินกุ้ยเฟยชะงัก มองหนานกงมั่วที่ปลอมตัวเป็นสาวใช้ด้วยความตกตะลึง “นี่คือ…ซิงเฉิงจวิ้นจู่หรือ” แม้นางจะไม่ได้สนิทสนมกับองค์หญิงฉังผิง แต่นางยังพอรู้จักสาวใช้เคียงกายขององค์หญิงที่มักติดตามเข้าวังมาบ่อยครั้ง แม้รู้สึกว่าหนานกงมั่วไม่คุ้นตา แต่กลับดูไม่ออกถึงตัวตนที่แท้จริงของหนานกงมั่ว แน่นอนว่าเพราะนางเองเคยเห็นหนานกงมั่วเพียงไกลๆ ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

“จวิ้นจู่ทำไมถึง… เจ้าเข้าวังไยต้อง…” พระสนมหลินกุ้ยเฟยยังไม่ทันเอ่ยจบก็มองเห็นป้ายหยกอาญาสิทธิ์ในมือของหนานกงมั่ว จึงเป็นใบ้ไปโดยไม่ทันตั้งตัว หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “พระสนมได้โปรดอภัย หนานกงมั่วและซื่อจื่อได้รับบัญชาจากฝ่าบาทให้ไปจัดการเรื่องที่หลิงโจว แต่จดหมายที่ส่งมาให้ฝ่าบาทกลับถูกคนในสำนักตรวจฎีกาขัดขวางเอาไว้ ผู้ที่ส่งจดหมายเองก็ถูกตามล่าสังหาร หม่อมฉันกังวลสถานการณ์ในวังหลวงจึงต้องมาที่นี่เพคะ” หนานกงมั่วไม่ได้เอ่ยถึงการคุ้มกันดูแลในวังหลวงที่เปลี่ยนไปในยามนี้

สีหน้าของหลินกุ้ยเฟยซีดขาว ถอนหายใจ เอ่ย “จวิ้นจู่กังวลมากไปแล้ว ในวังมีฝ่าบาทอยู่จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นได้ สิ่งที่เจ้าเอ่ย…ข้าเองไม่เข้าใจ แต่จวิ้นจู่เข้ามาในวัง คิดจะ…”

หนานกงมั่วเอ่ยถาม “พระสนมหลินกุ้ยเฟยอยู่ในวังมาเป็นเวลานาน ช่วงนี้ในวังมีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่เพคะ”

“เปลี่ยนแปลงหรือ” พระสนมหลินกุ้ยเฟยท่าทางสงสัย ครุ่นคิดพลางส่ายศีรษะ เอ่ย “ข้าไม่เห็นว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง…”

“บ่าวขอเข้าเฝ้าพระสนมเพคะ” ด้านนอก เสียงนางกำนัลผู้หนึ่งดังขึ้น พระสนมหลินกุ้ยเฟยย่นหัวคิ้ว เรียกนางให้เข้ามา เป็นนางกำนัลที่ส่งไปเชิญหมอหลวงนั่นเอง เมื่อมองนางชั่วครู่แล้ว พระสนมหลินกุ้ยเฟยจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ไยหมอหลวงจึงไม่มา” นางกำนัลรีบคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ย “ทูลพระสนม บ่าวพึ่งออกจากตำหนักหย่งอันก็ถูกคนขวางเอาไว้เพคะ บอกว่า…ฝ่าบาทมีรับสั่งให้มีการคุ้มกันแน่นหนา ไม่ให้ใครเดินไปมาได้ตามใจชอบเพคะ”

“เหลวไหล” พระสนมหลินกุ้ยเฟยโมโหขึ้นมา เอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าไม่ได้บอกพวกเขาหรือว่าองค์หญิงฉังผิงไม่สบาย”

“บ่าวบอกไปแล้วเพคะ” นางกำนัลรีบเอ่ยตอบ “แต่ว่าทหารองครักษ์เหล่านั้นไม่ยอม ทหารองครักษ์เหล่านั้นช่างไม่คุ้นตาเลย เดิมบ่าวคิดว่าจะให้เงินเปิดทางเล็กหน้อย ทว่ากลับถูกเขาไล่กลับมาเพคะ” ทั้งสามคนมองสบตากัน พระสนมหลินกุ้ยเฟยโบกปัดมือ เอ่ย “ช่างเถิด ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน หุบปากให้สนิทเสีย”

“เพคะพระสนม”

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนัก เนิ่นนานพระสนมหลินกุ้ยเฟยจึงเอ่ย “ที่แท้…ฝ่าบาทประชวรหนักอย่างนั้นหรือ แต่นอกจากเรียกหวงจั่งซุนกลับวังแล้ว ก็มิได้…” องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ หากฝ่าบาทประชวรหนักก็ควรเรียกเหล่าผู้ปกครองเมืองกลับเมืองหลวงจึงจะถูก หนานกงมั่วขมวดคิ้วมุ่นอยู่นาน ก่อนจะเอ่ย “เสด็จแม่เพคะ พระองค์เสด็จกลับจวนก่อนเถิด”

องค์หญิงฉังผิงตกใจ เอ่ยถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ยปลอบ “ยังไม่แน่ใจเพคะ บางทีอาจเป็นหม่อมฉันที่คิดมากไปเอง ไม่ว่าอย่างไร หม่อมฉันก็จะหาวิธีเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้ก่อน จึงจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เสด็จแม่กลับไปก่อนเถิดเพคะ”

ไหนเลยองค์หญิงฉังผิงจะเชื่อได้ลง หากมาถึงตอนนี้แล้วนางยังไม่อาจสัมผัสอะไรได้ หลายปีมานี้นางคงมีชีวิตอยู่เสียเปล่าจริงๆ “อู๋สยา เจ้าออกจากวังไปกับแม่ก่อนเถิด หากต้องการเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ แม่จะหาทางช่วยเจ้า ขอเพียงเสด็จพ่อยัง…คงจะไม่ห้ามให้พวกเราเข้าเฝ้าตลอดไปหรอก” หนานกงมั่วส่ายศีรษะ “เกรงว่าคงจะไม่ทันเพคะ พระสนม ขอยืมคนของพระสนมกลับไปกับเสด็จแม่ด้วยเพคะ”

พระสนมหลินกุ้ยเฟยเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้า เอ่ย “ก็ดีเหมือนกัน องค์หญิง เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปส่งพระองค์เอง พอดีหม่อมฉันเองก็จะไปดูสักหน่อยว่าเกิดอันใดขึ้น”

องค์หญิงฉังผิงมองหนานกงมั่วอย่างไม่เห็นด้วย หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “เสด็จแม่วางใจ หม่อมฉันมีป้ายทองอาญาสิทธิ์ เดิมก็สามารถเข้าวังได้ตามใจชอบ หากฝ่าบาทไม่เป็นไรหม่อมฉันก็จะไม่เป็นไร หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น หม่อมฉันก็หาวิธีออกไปได้เพคะ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท